"ยืดอก พกถุง" วลีนี้เรามักได้ยินบ่อย ๆ เมื่อเข้าสู่เทศกาลสำคัญที่คู่รักมักจะใช้โอกาสนี้ในการทำกิจกรรมเข้าจังหวะ และสิ่งที่คุณผู้ชายจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ "ถุงยาง" นั่นเอง แต่คุณคิดว่าตัวเองรู้จักเรื่องถุงยางมากแค่ไหน ดังนั้นเรามาคุยกันเกี่ยวกับเรื่องน้องถุงยางกันค่ะ
คุณรู้หรือไม่คะว่า ในปี 2562 มีคนโทรสายด่วน 1663 เพื่อสอบถามเรื่องเกี่ยวกับปัญหาการตั้งครรภ์มากถึงร้อยละ 65 และผู้ที่โทรมาเป็นผู้หญิงทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้หญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี มีประสบการณ์ในการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 45 เท่านั้นเอง และยังมีผู้ที่กังวลว่าตนเองจะติดเชื้อเอดส์โทรมาปรึกษาอีกร้อยละ 35 ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องยืนยันว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันอันตรายแค่ไหน
นอกจากนี้หากจะกล่าวถึงโรคทางเพศสัมพันธ์นั้นก็มีอยู่หลายโรค เช่น หนองใน หูดหงอนไก่ เชื้อเอชไอวี ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นต้น ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ซึ่งสามารถป้องกันได้มากถึงร้อยละ 98 เลยทีเดียว
การเลือกซื้อถุงยางอนามัย
การเลือกการป้องกันด้วยวิธีนี้นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าหากเราเลือกซื้อสินค้าที่มีปัญหา หรือเลือกไซต์ที่เล็ก หรือใหญ่เกินไปอาจส่งผลให้การป้องกันที่ควรได้รับไม่มากเท่าที่ควร หรืออาจจะไม่สามารถป้องกันได้เลย ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งท้องก่อนวัยอันควร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เราจึงควรเลือกถุงยางอนามัยตามวิธีดังต่อไปนี้
- การอ่านฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง การซื้อทุกครั้งเราจำเป็นต้องอ่านฉลากเพื่อให้ได้รู้ว่าสินค้าตัวนั้น ๆ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือไม่ รวมถึงข้อมูลด้านอื่น ๆ เช่น วันหมดอายุ หรือต้องใช้ก่อนวันที่เท่าไหร่ เป็นต้น
-
การเลือกประเภทของถุงยาง สำหรับในประเทศไทยโดยทั่วไปเราจะสามารถพบเห็นขนาดของถุงยางอนามัยที่วางขายในขนาด 49 มม. 51 มม. และ 52 มม. ซึ่งการเลือกซื้อเพื่อมาใช้งานควรเลือกขนาดของถุงยางให้เหมาะสม เพื่อให้การป้องกันเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
-
การบรรจุและการจัดวางสินค้า ก่อนซื้อเราควรตรวจดูว่ากล่องที่บรรจุถุงยางอนามัยชำรุด หรือฉีกขาดบ้างหรือไม่ เพราะตัวสินค้าภายในอาจมีความชำรุด ซึ่งไม่ควรนำมาใช้งาน นอกจากนี้ตัวสินค้ายังต้องถูกเก็บรักษาให้พ้นจากแสงแดดอีกด้วย
ข้อควรระวังในการใช้ถุงยางอนามัย
นอกจากการเลือกซื้อที่ถูกต้องแล้ว ผู้ใช้งานต้องคำนึงถึงข้อควรระวัง หรือข้อควรปฏิบัติในการใช้ถุงยางอนามัยด้วย โดยสิ่งที่ต้องคำนึงได้แก่
-
ระยะเวลาในการใช้งาน การใช้ 1 ชิ้นจะต้องใช้ไม่เกิน 30 นาที เพราะความสมบูรณ์ของตัวถุงยางอนามัยอาจจะเสื่อมสภาพลง และต้องใช้แล้วทิ้งเท่านั้น ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่โดยเด็ดขาด
-
ระวังสารหล่อลื่น การใช้สารหล่อลื่นบางชนิดอาจมีผลกับตัวถุงยางอนามัย จึงควรหลีกเลี่ยงสารหล่อลื่นที่เป็นน้ำมันพืช น้ำมันแร่เป็นตัวละลาย เนื่องจากสารเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาจนเกิดความเสียหายต่อถุงยางอนามัยได้
- ภายหลังการใช้ถุงยางอนามัย
ไม่ควรสัมผัสถุงยางโดยตรง เพราะอาจมีเชื้อโรคติดอยู่ที่ด้านนอกแล้ว
- ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วควร
นำไปเผา หรือทิ้งลงถังขยะในทันที
-
การเก็บรักษาให้พ้นจากความร้อน หรือแสงแดด และไม่ควรเก็บในที่ชื้น เช่น ในช่องเก็บของบนพาหนะเนื่องจากมีความร้อนสูง และไม่ควรเก็บในที่ถูกทับ หรือบีบรัด เช่น กระเป๋ากางเกง กระเป๋าเงิน เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการชำรุดได้
หากใครมีประเด็นไหนต้องการพูดคุยเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยสามารถคอมเมนต์ หรือหลังไมค์มาพูดคุยกันได้เลยนะคะ แอดมินรออยู่ค่ะ
ถุงยางสามารถป้องกันได้ 100% จริงหรือ ?
คุณรู้หรือไม่คะว่า ในปี 2562 มีคนโทรสายด่วน 1663 เพื่อสอบถามเรื่องเกี่ยวกับปัญหาการตั้งครรภ์มากถึงร้อยละ 65 และผู้ที่โทรมาเป็นผู้หญิงทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้หญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี มีประสบการณ์ในการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 45 เท่านั้นเอง และยังมีผู้ที่กังวลว่าตนเองจะติดเชื้อเอดส์โทรมาปรึกษาอีกร้อยละ 35 ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องยืนยันว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันอันตรายแค่ไหน
นอกจากนี้หากจะกล่าวถึงโรคทางเพศสัมพันธ์นั้นก็มีอยู่หลายโรค เช่น หนองใน หูดหงอนไก่ เชื้อเอชไอวี ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นต้น ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ซึ่งสามารถป้องกันได้มากถึงร้อยละ 98 เลยทีเดียว
การเลือกซื้อถุงยางอนามัย
การเลือกการป้องกันด้วยวิธีนี้นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าหากเราเลือกซื้อสินค้าที่มีปัญหา หรือเลือกไซต์ที่เล็ก หรือใหญ่เกินไปอาจส่งผลให้การป้องกันที่ควรได้รับไม่มากเท่าที่ควร หรืออาจจะไม่สามารถป้องกันได้เลย ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งท้องก่อนวัยอันควร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เราจึงควรเลือกถุงยางอนามัยตามวิธีดังต่อไปนี้
- การอ่านฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง การซื้อทุกครั้งเราจำเป็นต้องอ่านฉลากเพื่อให้ได้รู้ว่าสินค้าตัวนั้น ๆ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือไม่ รวมถึงข้อมูลด้านอื่น ๆ เช่น วันหมดอายุ หรือต้องใช้ก่อนวันที่เท่าไหร่ เป็นต้น
- การเลือกประเภทของถุงยาง สำหรับในประเทศไทยโดยทั่วไปเราจะสามารถพบเห็นขนาดของถุงยางอนามัยที่วางขายในขนาด 49 มม. 51 มม. และ 52 มม. ซึ่งการเลือกซื้อเพื่อมาใช้งานควรเลือกขนาดของถุงยางให้เหมาะสม เพื่อให้การป้องกันเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- การบรรจุและการจัดวางสินค้า ก่อนซื้อเราควรตรวจดูว่ากล่องที่บรรจุถุงยางอนามัยชำรุด หรือฉีกขาดบ้างหรือไม่ เพราะตัวสินค้าภายในอาจมีความชำรุด ซึ่งไม่ควรนำมาใช้งาน นอกจากนี้ตัวสินค้ายังต้องถูกเก็บรักษาให้พ้นจากแสงแดดอีกด้วย
ข้อควรระวังในการใช้ถุงยางอนามัย
นอกจากการเลือกซื้อที่ถูกต้องแล้ว ผู้ใช้งานต้องคำนึงถึงข้อควรระวัง หรือข้อควรปฏิบัติในการใช้ถุงยางอนามัยด้วย โดยสิ่งที่ต้องคำนึงได้แก่
- ระยะเวลาในการใช้งาน การใช้ 1 ชิ้นจะต้องใช้ไม่เกิน 30 นาที เพราะความสมบูรณ์ของตัวถุงยางอนามัยอาจจะเสื่อมสภาพลง และต้องใช้แล้วทิ้งเท่านั้น ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่โดยเด็ดขาด
- ระวังสารหล่อลื่น การใช้สารหล่อลื่นบางชนิดอาจมีผลกับตัวถุงยางอนามัย จึงควรหลีกเลี่ยงสารหล่อลื่นที่เป็นน้ำมันพืช น้ำมันแร่เป็นตัวละลาย เนื่องจากสารเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาจนเกิดความเสียหายต่อถุงยางอนามัยได้
- ภายหลังการใช้ถุงยางอนามัยไม่ควรสัมผัสถุงยางโดยตรง เพราะอาจมีเชื้อโรคติดอยู่ที่ด้านนอกแล้ว
- ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วควรนำไปเผา หรือทิ้งลงถังขยะในทันที
- การเก็บรักษาให้พ้นจากความร้อน หรือแสงแดด และไม่ควรเก็บในที่ชื้น เช่น ในช่องเก็บของบนพาหนะเนื่องจากมีความร้อนสูง และไม่ควรเก็บในที่ถูกทับ หรือบีบรัด เช่น กระเป๋ากางเกง กระเป๋าเงิน เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการชำรุดได้
หากใครมีประเด็นไหนต้องการพูดคุยเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยสามารถคอมเมนต์ หรือหลังไมค์มาพูดคุยกันได้เลยนะคะ แอดมินรออยู่ค่ะ