สวัสดีพี่ ป้า น้า อา ในกระทู้พันทิปกันด้วยนะครับ วันนี้อากาศเย็นสบายดีมั้ยครับ ? ที่บ้านผมฝนตกปรอย ๆ เรียกได้ว่าอากาศกำลังดีเลยทีเดียว  นี่เป็นกระทู้แรกของผมในการรีวิวยามว่าง หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  ในวันนี้ผมจะหยิบยกเจ้า Airpod Pro รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง APPLE มารีวิวจากการใช้งานจริงให้ดูกัน ตามมาดูกันเลยครับ ^^

เริ่มกันที่ลักษณะรอบ ๆ :
เริ่มแรกมาดูที่ตัวกล่องชาร์จ ลักษณะจะเป็นสีขาวเงา ๆ น้ำหนักเบา หยิบจับได้ถนัด วัสดุที่ใช้ค่อนข้างดีนะครับ แต่ผมคิดว่าส่วนตัวถ้าไม่ได้ซื้อเคสมาใส่ค่อนข้างที่จะเป็นลายนิ้วมือง่ายนะครับ  


ด้านล่างจะมีที่เสียบชาร์จ lightning  (สามารถใช้ที่ชาร์จของมือถือ Iphone ได้ครับ) ส่วนสายชาร์ทที่เเถมมาผมยังไม่รู้ว่าเอาไปใช้กับหัวชาร์ทยังไงอะครับ แฮะ ๆ



ด้านหน้าจะมีฝาเปิด-ปิดพร้อมไฟแสดงสถานะ

ด้านหลังถ้าสังเกตดูดีๆจะเห้นปุ่มกลม ๆ ขนาดประมาณเต่าทองนะครับ เอาไว้กดเพื่อจับคู่กับอุปกรณ์อื่น ๆ หรือรีเซตการเชื่อมต่อกับเครื่องอื่นได้นะครับ  (ผมลองเชื่อมต่อกับ Notebook Win10 แล้วสามารถเชื่อมได้นะครับ)


มาต่อกันด้วยตัวหูฟังนะครับ :
มาถึงตรงนี้ผมเข้าใจเลยว่าเพื่อน ๆ ที่เคยซื้ออาจจะหยิบเจ้านี่ออกมาได้ยาก เพราะถ้าหยิบตรง ๆ มันจะไม่ค่อยออก ผมมีเทคนิคมาให้ครับ นั่นก็คือ เอานิ้วไปดันหูฟังเข้าหาตัว จะทำให้หยิบได้ง่ายขึ้นครับ ^^



ในด้านของพระเอกของเรา :
หน้าตาก็จะประมาณนี้ เป็น in-ear ตัวแรกของแอปเปิ้ล ถ้าเทียบกับตัวรุ่นก่อนจะมีขนาดเล็กกว่า เเต่ถือว่าตัวนี้ใส่ค่อนข้างง่าย เเละกระชับดีนะครับสำหรับผม



เริ่มใช้งานนะครับ
เปิดฝาเจ้าตัว airpod pro ของเราออกมา แล้วมันจะทำการเชื่อมต่อให้เอง (แต่ตัว iphone ของเราต้องเปิด Bluetooth ด้วยนะ) มันก็จะต่อให้เอง



สำหรับโหมดในการใช้จะมีให้เลือก 3 รูปแบบนะครับ
1.โหมดยอดนิยมที่หลาย ๆ คนซื้อมาเพราะมี noise cancellation เรียกได้ว่าเสียงรอบข้างแทบจะเงียบไปเลยนะครับ เสียงแอร์ เสียงฝนตกที่บนหน้าต่าง แม้ว่าเราไม่ได้เปิดเพลงหรือเปิดวิดีโอดูโหมดนี้ก็สามารถทำงานได้  แต่อาจจะไม่เงียบสนิทเหมือนแบรนด์อื่น ๆ แต่ถือว่า apple ทำมาค่อนข้างดีเลย  

2.โหมดปกติ(โหมดปิด) เป็นระบบทิ่ปิดระบบตัดเสียงรบกวนนั่นเองครับ ถ้าเปิดโหมดนี้ก็จะให้ความรู้สึกเหมือนหูฟังบลูทูธธรรมดานั่นเอง

3.โหมด Transparency เรียกได้ว่าเป็นอีกลูกเล่นนึงที่ apple ออกแบบมาเป็นด้านตรงข้ามของโหมดตัดเสียงรบกวนเลยก็ว่าได้ คือ ในโหมดนี้เป็นโหมดที่ airpod pro จะทำให้เสียงที่เข้ามาจากด้านนอกชัดเป็นพิเศษ  ทำให้แม้เราใส่หูฟังก็สามารถได้ยินเสียงจากรอบข้างได้ เช่น เสียงประกาศสถานี MRT  เสียงเเจ้งเตือนเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายนอก จะอารมณ์ประมาณมีไมโครโฟนทางด้านนอกรับเสียงจากภายนอกแล้วนำเสียงนั้นมาขยายข้างในหูของเรานั่นเอง


โดยทั้ง 3 โหมดเราสามารถเลือกโหมดต่าง ๆ ได้เองโดยการกดค้างที่บริเวณไอคอนเพิ่ม - ลด เสียงได้เลยนะครับ

สรุปจากการที่ใช้งานมา

-เท่าที่ผมได้ลองใช้งานมาสักระยะนึง ต้องบอกว่าตอนแรกลังเลว่าจะซื้อรุ่นไหนของ airpod ดี แต่สุดท้ายก็มาจบลงที่ตัว pro เพราะว่าชอบโหมดตัดเสียงรบกวน  และด้วย ณ ตอนซื้อราคาห่างกันไม่มากผมจึงเลือกตัวนี้มา

-เท่าที่ลองใช้มาปกติผมไม่เคยใช้หูฟัง in-ear มาก่อนแต่พอมาลองใช้ดูก็รู้สึกเหมือนหูฟังทั่ว ๆ ไปแทบจะไม่รู้สึกว่าใส่แบบ in-ear อยู่แต่ต้องแอบบอกว่าช่วงแรก ๆ ใส่ประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็มีแอบปวดตรงใบหูบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก  ใช้มาจนตอนนี้ใส่สบายมากครับ เเต่เราสามารถเปลี่ยนจุกหูฟังได้นะครับ เพราะทาง apple ได้เเถมจุกหูฟังอีก 2 ขนาดให้มาเหมือนกัน

-ในเรื่องของเสียง ถือว่าเป็นมาตรฐาน ที่อยู่ในความพอใจของคนทั่วๆไป  อาจะไม่ได้โดดเด่นมาก แต่สำหรับผมถือว่าเสียงค่อนข้างดีทีเดียวถ้าเทียบกับหูฟังตัวเก่าที่เคยใช้

 -ส่วนเรื่องโหมดตัดเสียงถือว่าเปิดโลกสำหรับผมทีเดียว เพราะพึ่งเคยรู้ว่ามีหูฟังตัดเสียงบนโลกใบนี้ด้วย 555 แต่แนะนำว่า ถ้าไม่ได้อยู่คนเดียวอย่าเปิดโหมดนี้นะครับ วันนึงผมนั่งฟังเพลงอยู่แล้วพ่อเรียกไม่ได้ยินเพราะเปิดโหมดนี้ไว้ จนพ่อต้องโทรมาตามเลยทีเดียว  555 เกือบโดนดุแล้ว

-เรื่องแบตเตอรี่ สำหรับผมที่ใช้ฟังเพลงทั่วไป คุยโทรศัพท์ อยู่ได้ประมาณ 3 – 4 ชม. (ถ้าเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน) พอเอาไปชาร์จประมาณ 30 นาทีก็เต็มแล้วครับ พร้อมกลับมาใช้งานใหม่เรียกได้ว่าสะดวกสุด ๆ ไปเลย

-ถ้าใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ของ APPLE อาจจะมีเสียงเเทรก ๆ บ้างนะครับบางช่วง เเต่โดยรวมก็ถือว่าสะดวกดีครับ
 
-อีกเรื่องนึงสำคัญที่สุด คือ ช่วงนี้ของปลอมระบาดเยอะมาก ถ้าใครจะซื้อก็แนะนำว่าไปซื้อที่ศูนย์นะครับจะได้ของแท้ชัวร์ หรือถ้าใครอยากซื้อข้างนอกก็หาร้านที่เชื่อถือได้แล้วดูวิธีเช็คพวกของแท้-ปลอมไปด้วยนะครับ  ในสมัยนี้เช็คจาก serial number เเยกไม่ออกเเล้วนะครับว่าอันไหนเเท้หรือปลอม
ส่วนตัวผมจะแนะนำ 1 วิธีที่เรียบง่ายที่สุด (สำหรับผมนะ 555) สมมติถ้าเรามี airpod  อยู่กับตัวลองจับคู่กับ iphone ของเราดูครับ แล้วเข้าไปใน ตั้งค่า >> ทั่วไป>>>เกี่ยวกับ>> แล้วเลื่อนลงมาดูถ้ามีเมนู airpod แสดงว่าเป็นของแท้ครับ แต่ต้องลองดูหลายๆ วิธีนะครับ เพราะในปัจจุบันของปลอมทำออกมาได้เหมือนของจริงมากๆ  วิธีอื่นๆก็ลองหาดูตามในเน็ตดูนะคร้าบ
 
เสริม ๆ เทคนิคในการฟังเพลงใน airpod pro ยังไงให้ฟังต่อเนื่องมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า
-จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เทคนิคอะไรหรอกครับ แค่ใช้หูฟังทีละข้าง พอแบตหมดก็เอาอีกข้างออกมาใช้พร้อมกับชาร์จข้างที่หมดไปด้วย แบบนี้เราก็จะฟังเพลงได้แบบไม่มีสะดุดเลยทีเดียวครับ

 
ก็จบกันไปแล้วนะครับสำหรับการรีวิวเจ้าตัว Airpod Pro ตัวนี้  สำหรับกระทู้หน้าจะมารีวิวอะไรต่อรอติดตามกันได้เลยครับ ^^