พระอรหันต์ปลอมๆ ในสมัยพุทธกาล

บทความโดย กิเลนประลองเชิง นสพ.ไทยรัฐ

พระอรหันต์ปลอมๆ ในสมัยพุทธกาล ไม่ต่างจากอรหันออระหอย สมัยนี้ มีหลายลีลาท่วงท่า ตั้งแต่ปลอมขั้นพื้นๆ หลอกชาวบ้าน ไปถึงปลอมแนบเนียน หลอกขุนนาง นักปราชญ์

พระไตรปิฎกกล่าวถึง จาฏิอรหันต์ แปลว่า พระอรหันต์ตุ่มน้ำ เธอฝังตุ่มน้ำใบใหญ่ไว้ใต้พื้นห้อง เมื่อชาวบ้านมาหา เธอก็หลบลงในตุ่ม ชาวบ้านก็ไม่เห็น
เมื่อพระกุฏิใกล้ๆ บอกว่าท่านอยู่ในห้อง ย้อนเข้าไปอีกครั้ง พระก็ขึ้นจากตุ่มน้ำ นั่งสงบเสงี่ยมรอท่า ชาวบ้านเข้าไปเจอ ก็ถามว่า “เมื่อสักครู่ ท่านไปอยู่ที่ไหน”
“ดูก่อน ประสก สีกา ชื่อว่าสมณะทั้งหลาย ย่อมไปสู่ที่อันตนปรารถนา”

อาจารย์สมพร ใช้บางยาง และคณะ เรียบเรียงไว้ในหนังสือ “ธรรมาธิบาย หลักธรรมในพระไตรปิฎก” (สำนักพิมพ์ธรรมสภา)
ว่า พระพูดอย่างนี้ เพื่อแสดงความที่ตนเป็นผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว

พระรูปต่อมา ปาโรหอรหันต์ หรือพระอรหันต์ย่านไทร จำวัดอยู่ในศาลาบนยอดเขา ด้านหลังเป็นหุบเหว มีต้นไทรใหญ่ เมื่อชาวบ้าน เดินทางตรงมานิมนต์ไปบ้าน รับนิมนต์แล้ว
ขณะคฤหัสถ์เดินทางเดิมกลับบ้าน พระก็หยิบบาตรจีวร โหนรากไทรลงพื้น ไปยืนอยู่หน้าบ้านโยม โยมถึงบ้าน เจอพระถือบาตรคอยท่า ก็ถามว่า “ท่านมาจากทางไหน”
“โยม ทางอันสมณะทั้งหลายมาแล้ว ไม่สมควรถาม” พระตอบเพื่อแสดงนัยความเป็นพระอรหันต์ “สมณะทั้งหลายย่อมมาโดยที่อันตนปรารถนา”
ด้วยลีลานี้ โยมๆที่ฉลาดน้อย ก็เลื่อมใสอรหันต์ปลอม นำข้าวปลาอาหารมาถวาย แต่ก็มีโยมฉลาดคนหนึ่ง สงสัยติดตามจับตา รู้ความลับอรหันต์ ก็แผนแก้ลำ ตัดรากไทรให้เหลือแต่น้อย

วันหนึ่งอรหันต์ปลอม โหนรากไทร รากไทรก็ขาด อรหันต์หล่นลงพื้น...ชาวบ้านรู้ข่าวก็เสื่อมศรัทธา ขับไล่อรหันต์ปลอมพ้นจากละแวกบ้าน

เล่ห์กลพื้นๆหลอกชาวบ้านไม่ได้ อรหันต์ปลอมก็พัฒนาวิทยายุทธ์ให้แนบเนียนขึ้นไป ในวันมีมหรสพในวัด เธอก็จะเลือกที่มีคนเห็นมากๆ ปัดกวาด เทหยากไย่ ล้างอาสนะ รดน้ำต้นโพธิ์
ชาวบ้านเห็นพระขยันอยู่รูปเดียว ก็เลื่อมใส
อรหันต์ปลอมต่อมา เข้าไปหาพระวินัยธร ต่อหน้าญาติโยม ถามเสียงดัง “ผมเดินไปโคตกใจกลัววิ่งเตลิดไปเหยียบหญ้า ผมเดินจงกรมหญ้าก็เฉา ผมบ้วนน้ำลายไปถูกแมลงเล็กๆตาย จะมีโทษทางวินัยอันใดแก่ผม”

ญาติโยมได้ยินก็ร่ำลือกัน สำนวนชาววัดว่า “พระรูปนี้รังเกียจแม้แต่สิ่งเล็กน้อย จะไปทำกรรมหยาบอย่างอื่นได้อย่างไร จะหาภิกษุเช่นนี้ได้ยากยิ่ง แล้วพากันทำสักการะภิกษุนั้น”

อรหันต์ปลอมแบบต่อมา ศึกษาน้อย แสดงท่าว่าศึกษามามาก ปัญญาน้อย ก็แสดงว่าปัญญามาก เช่นกล่าวเป็นนัย “ชื่อว่าปริยัติไม่เป็นสิ่งที่กระทำได้โดยยากสำหรับเรา การสนใจในปริยัติย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์”
อรหันต์ปลอมเหล่านี้ พระไตรปิฎกใช้คำเรียกว่า “มหาโจร”

แต่ถ้าอวดอุตริมนุสสธรรม อวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน เช่นเข้าญาณไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ไปคุยกับพระอินทร์ ฯลฯ ถือว่ามีการกระทำเยี่ยงขโมย หลอกเอาก้อนข้าวชาวบ้านกิน ในพระวินัยเขียนไว้ว่า เป็นยอดมหาโจร
ยอดมหาโจรเหล่านี้ ไม่เพียงรุ่งเรืองเฟื่องฟูในสมัยพุทธกาล สมัยนี้ก็ยังมีอยู่มาก ข้อน่าสงสัย โลกสมัยใหม่ ทำไมจึงมีผู้คนมากมายไปหลงใหลอรหันต์ปลอมพวกนี้

ผมคงไม่กล้าไปชี้หน้าคนเหล่านี้ว่า เป็นพวกโง่ เนื้อตัวหน้าตาฐานะ การศึกษา ล้วนแต่บอกว่า เป็นคนฉลาดมากๆทั้งนั้น ระดับด็อกเตอร์ (จริงหรือปลอมก็ไม่รู้) ก็ไม่น้อย
ถ้าเอานิตยภัตรปัจจัย ที่ทุ่มเทให้ยอดมหาโจร ไปดูแลพระดีๆ สอนธรรมะดีๆ องค์กรพระพุทธศาสนา จะสดใสสง่างาม เป็นที่พึ่งของคนที่มีทุกข์ทางใจ ได้ดีกว่านี้มากทีเดียว.

ที่มา กิเลน ประลองเชิง.หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 5 ก.ค. 2556 https://www.thairath.co.th/content/355153
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่