เมื่อจับได้ว่าแฟนนอกใจ แอบคุยกัน กุกกิ๊ก การให้อภัยมันเป็นหนทางที่เหนื่อยพอตัว

เรื่องแบบนี้น่าจะเป็นเรื่อง ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ทุกวันในสังคม ก็อ่านในนี้มาเยอะนะครับ เจอกับตัวเลยอยากได้ความคิดเห็นหลายๆ มุม

เรื่องเป็นแบบนี้ ผมมีครอบครัวแล้ว ลูก 1 คน 
แฟนผมรับส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน ก็มีเพื่อนเป็นพ่อผู้ปกครองด้วยกัน ด้วยความที่สนิทกัน เริ่มคุยกันสนุกแบบเพิ่อน ชอบปรึกษาปัญหากับผู้ชายคนนี้ เค๊าเคยบอกผมว่าผู้ชายคนนี้คุยด้วยแล้วสนุก เข้าใจเค๊าทุกอย่าง ณ.เวลานั้นผมก็แค่รู้สึกว่าเป็นพ่อของเพื่อนลูกโรงเรียนเดียวกัน ก็ไม่ได้คิดอะไร จนตอนหลังพัฒนาความรู้สึกเป็นมากกว่าเพิ่อน (ที่ทราบเพราะมีหลักฐาน) เคยถามตอนที่ผมรู้แล้วว่ามีอะไรจะบอกป่าว แฟนผมปฎิเสธ บอกว่าปกติไม่มีอะไร แล้วก็ย้ำถึงผู้ชายคนนั้นด้วยว่า มีอะไรกันหรือป่าว (ผมแค่พูดให้เค๊าคิดว่าเหมือนผมรู้อะไรนะ) เค๊าก็ยังปฎิเสธ บอกไม่มี จนเค๊าไปปรึกษากันกับผู้ชายคนนั้น คือ ทั้งคู่ก็มีครอบครัวแล้ว ฝั่งโน้นก็มีลูกเมีย แต่ทั้งคู่ก็ถามกันว่า มีทำอะไรให้คนที่บ้านรู้สึกผิดปกติป่าว ฝ่ายชายก็บอกป่าว ภรรยาเค๊ายังปกติ ส่วนทางฝ่ายแฟนผมก็บอกว่าเหมือนผมจะรับรู้อะไร แฟนผมก็เลย เริ่มสงสัยตัวเองว่าทำอะไรผิดสังเกตป่าว (จริงๆ มันผิดสังเกตที่ตัวเค๊าเองแหละ เพระามีช่วงก่อนหน้านี้ ผมมีความรู้สึกว่าเค๊าแปลกๆ คุยด้วยกับผม แบบไม่ค่อยสนใจ เวลาผมกอดหรือสัมภัสจะรู้สึกรำคาญ นั่นคือที่มาที่ทำให้ผมหาคำตอบจนได้คำตอบว่าแฟนแอบคุยกับอีกคน เค๊าไม่ได้มีเรื่องทางกายนะครับ แค่คุยกัน) เรื่องแบบนี้เค๊าปิดผมมาหลายเดือนพอผมได้ข้อมูลที่แน่นอน เลยมองย้อนกลับไป ก็จริงๆ อย่างที่เค๊าว่า ผู้หญิงเวลามีคนอื่นจะมองเราเหมือน สิ่งที่น่ารังเกียจ หรือเบื่อ ไม่อยากคุย หรืออยู่ใกล้ (แต่ที่แปลกอีกอย่างคือ ปกติแฟนผมเป็นคนหนักแน่นมาก เธอเคยบอกว่า เค๊าเป็นคนที่โชคดี มีผมที่รักและเข้าใจ เสมอ มีลูกที่ดี มีทุกอย่าง ทั้งเงิน ฐานะ ดูเหมือนสมบูรณ์ แต่สุดท้ายทำไมเธอถึงทำอย่างนี้ มันทำให้ผม ไม่เข้าใจชีวิตมากๆ ) บอกอีกนิดผมเป็นคน ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ หรือเที่ยวหญิง ยิ่งแต่งงานแล้ว ผมแค่อยากมีครอบครัวที่ดีก็เท่านั้น 

มาถึงตอนสอง สุดท้ายผมก็เลยเฉลยคำตอบให้เธอรู้ ว่าผมทราบนะว่าคุยกันแบบมีใจกัน ไม่ใช่แค่เพิ่อน

พอเรื่องแดง ผมถามว่าทำไมถึงทำ เธอตอบว่า ก็แค่คุยกันธรรมดา ไม่ได้มีอะไร แต่หลักฐานที่ผมได้การคุยมันมากกว่าเพื่อน เธอเลยดิ้นไม่หลุด เลย มาต่อที่เธอบอกว่า ใจจริงก็รู้สึกว่า สิ่งที่ทำอยู่ไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้สบายใจ อยากจะออกจากจุดนี้เหมือนกัน แต่ยังทำไม่ได้ รู้ว่าไม่ถูกแต่ก็พยายามออกอยู่ พยายามที่จะหยุด  ผมเลยงง คือถ้าผมไม่ทราบแล้ว ปล่อยให้ต่อไปเรื่อยๆ มันน่าลามไปกันใหญ่ หรือป่าว (หรือที่ตัวเองหยุดไม่ได้เพราะรักตัวเองอยากสนุกแบบนี้ มีความสุข ตื่นเต้น ที่ได้เล่นกับสิ่งใหม่ๆ ผมเลยว่ามนุษย์เรานี้ ชอบโหยหาแต่สิ่งใหม่ๆ เอาง่ายๆ เห็นแก่ตัว )

ตอนนั้นผมมี 2 อย่างให้เลือกคือ 
1. เลิกกันไปเพราะในเมื่อไม่ซื่อสัตย์ต่อกันทั้งที่ตัวเองรู้ว่าอะไรผิด ถูก แต่ยังทำผมว่าคนแบบนี้เหมือนเห็นแก่ตัว
2. ผมก็มองว่าลูกและเค๊าเป็นสิ่งเดียวที่ผมรัก หรือว่าจะให้อภัยเค๊า แล้วค่อยๆ ปรับความรู้สึกเข้าหากัน 

ผมเลือกทาง 2 เพราะมองว่าสิ่งที่เค๊าทำอาจเป็นผลมาจากผมที่ไม่เอาใจใส่เค๊าเต็มที่หรือป่าว หรือว่าในครอบครัวระหว่างเค๊ากับผม อาจมีอะไรต้องแก้ไข เราปล่อยให้มันเป็นเหมือนหนอนชอนไชความรู้สึกไม่ดีมาตลอด (แอบพยายามหาข้อที่ต้องแก้ ) 

แต่สิ่งที่ตามมาคือ ผมต้องทำใจรับให้ได้กับการทรยศครั้งนี้ ซึ่งในเรื่องจิตใจคงลำบากพอสมควร 
ณ.เวลานี้เค๊าเคยบอกผมว่าจะจัดการเรื่องนี้ โดยเค๊าบอกจะเงียบไปเอง หยุดการคุยทุกอย่าง แต่ประเด็นคือคนเรายังต้องเจอกันอีกทุกวัน เพราะโรงเรียนใกล้จะเปิดล่ะ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะเป็นยังงัย ท้ายนี้ผมก็เลยเหมือนต้องเชื่อใจเค๊าอีกครั้ง 

หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น เค๊าก็เหมือนพยายามปรับตัวเองให้ดีขึ้น เค๊าขอโทษผม และบอกว่า เราจะเดินไปด้วยกัน เรื่องอื่นอย่าห่วง เราทำเรื่องของเราสองคนให้ดีก็พอแล้ว อย่าเอาเรื่องในอดิตมาคิด (ก็อาจใช่ในการที่เราจะเดินไปด้วยกัน ต้องไม่หยิบเอาอดีตที่ไม่ดีมาคิด หรือพูดอีก มันจะทำให้เราเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่มีอะไรมาขวางเราได้ ทุกวันนี้ผมก็พยายามเดินไปข้างหน้า แต่ก็มีบ้างที่การกระทำเค๊าหรือคำพูดที่ผมได้ยินจากเค๊า มันเป็นสิ่งที่เค๊าเคยทำให้อีกคน ซึ่งการกระทำนั้น บางอย่างผมเคยต้องการ หรืออยากให้เค๊าทำให้ แต่ในอดีต เค๊าปฎิเสธผม แต่กลับไปทำให้คนอื่นแบบธรรมชาติ  พอเวลานี้ผมก็ยังต้องการให้เค๊าทำในสิ่งที่ผมเคยขอไว้ แต่พอเค๊าทำให้มันรู้สึกเหมือนเจ็บในใจว่า ผมต้องขอเค๊าถึงทำให้ แต่อีกฝั่งไม่ต่อง เค๊าทำได้อย่างสบาย ผมเคยถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้น เค๊าตอบว่า คนเรา ไม่เหมือนกัน เวลาคบกัน เค๊าเป็นแบบนี้กับผมมานานแล้ว แต่อีกคนนั้น เค๊าจะเป็นอีกแบบ ผมเลยงง ไม่รู้จะหา ตรรกะอะไรมาเทียบดี สรุปผมก็ต้องยอมรับในสิ่งที่คุณคิดว่าใช่ หรือ คิดว่าต้องเป็นใช่มั๊ย ก็เอาเป็นว่าผมก็ทำใจ ไม่อยากไปพูดหรือเรียกร้องอะไรอีก ทุกวันนี้ก็ดำเนินต่อไป ไม่มีอะไรผิดปกติ ) ถ้าเป็นสงคราม ผมก็เหมือนคนที่ต้องก้มหน้ายอมแพ้ในสงคราม  ผมต้องยอมรับในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำผิด ชีวิตนี่มันลำบากพอควร ถ้างัยใครมีชีวิตคู่กัน ก็อย่าทำให้อีกฝ่ายเสียใจนะครับ มันกู้กลับมายาก แต่ผมก็เชื่อว่าสักวันมันจะดีขึ้น และดีขึ้นกว่าเก่า พลิกวิกฤตเป็นโอกาส...... ก็ขอเล่าสู่กันฟ้งแค่นี้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่