เคยมีประสบการณ์ในการขายรถ ตอนนั้นอยากลดภาระค่าใช้จ่ายเลยตัดสินใจขายรถ ทั้งโพสขายในกลุ่มขายรถมือสอง และเข้าไปให้เต้นท์ประเมินราคา โดยดูราคารถมือ 2 ที่ขายตามเว็บต่างๆ รถที่จะขาย รถรุ่นเดียวกันและปีเดียวกัน ราคาตามเต้นท์ต่างๆตอนนั้น ขายกันยอยู่ระหว่างช่วงราคา 360,000 - 380,000 บาท ก็เข้าใจว่าเต้นท์รถเขาต้องขายเอากำไรแหล่ะ เลยตั้งราคาไว้ในใจในตอนนั้น ว่าอยากจะขายได้สัก 320,000 บาท หรือถ้าไม่ได้จริงๆ ได้สัก 300,000 บาท ก็จะเอา พูดง่ายๆคือถ้าใครสนใจจะซื้อรถไปใช้ ซื้อกับเรา ได้ราคาถูกกว่าซื้อที่เต้นท์ แถมมั่นใจว่าซื้อกับคนขับคนใช้งานโดยตรงมั่นใจได้ว่ารถไม่ผ่านการซ่อมหรือย้อมแมวใดๆมา
พอประกาศขายในเว็บ เราก็แจ้งว่าเป็นรถบ้าน ใช้เอง ขับคนเดียว เข้าศูนย์ตลอด อยากให้คนสนใจมาซื้อไปใช้งานต่อ มีคนติดต่อมาเยอะมาก บางส่วนแจ้งตรงๆ เลยว่ามาจากเต้นท์รถ บางส่วนแจ้งมาว่าจะเอารถไปใช้งานจริงๆ อ้างว่ากำลังหารถใช้งานพอดีเลย แต่ราคาที่แต่ละคนเสนอมา แทบจะราคาเดียวกันเลย คือไม่มีรายไดเสนอเกิน 250,000 บาทเลย ส่วนมากจะเสนอที่ราคา 230,000 บาท เยอะหน่อยก็ 240,000 บาท ทำให้ได้รู้ว่าพวกที่บอกจะเอารถไปใช้เอง ก็คือพวกเต้นท์รถเองนั่นแหล่ะ เพราะราคาเปิดมาราคาเดียวกันเลย
สรุปการขายรถในตอนนั้น หลังจากลากยาวมาเกือบปี ราคารถมันก็ยิ่งลงเรื่อยๆ ยิ่งเราเอาไว้นาน ภาระค่าใช้จ่ายก็ไม่ลด เลยตัดสินใจขายให้คนรู้จักที่เขาสนใจตั้งแต่แรกแล้วแหล่ะ แต่เขาไม่มีเงินจะซื้อในราคาที่เราตั้งไว้ในตอนแรก สุดท้ายขายไปในราคา 285,000 บาท
อยากทราบว่าเต้นท์รถเขามีหลักการในการตั้งราคารับซื้อและราคาขายต่อยังไงครับ
1.กรณีรับซื้อเข้าเต้นท์ (กรณีรถสภาพสมบูรณ์ ที่ไม่ผ่านการทำสีและไม่เคยชนหนัก) เขาประเมินราคาการรับซื้อยังไง ว่าราคารถรุ่นนี้ ปีนี้ เขาจะรับซื้อเข้ามากี่บาท เขาคิดประมาณการจากค่าเสื่อมสภาพของรถ (จำนวนปีที่ออกรถ) จนเป็นราคากลางที่เต้นท์รถทุกเต้นท์รับทราบร่วมกัน หรือเขามีวิธีตีราคารถกันยังไงครับ
2.กรณีขายออก เขาคิดราคาที่จะขายต่อยังไงครับ คิดกำไรว่าจะต้องได้กี่เป็นเปอร์เซ็นต์ ที่รับซื้อเข้ามา (เขาคิดเผื่อไหมครับว่า ปีแรกที่รถจอดเต้นท์คิดกำไรไว้กี่เปอร์เซ็นต์ ปีที่สองที่รถจอดที่เต้นท์ ราคาขายจะกำไรลดลงกี่เปอร์เซ็นต์)
หลักการในการตั้งราคารับซื้อและราคาขายต่อของเต้นท์รถ
พอประกาศขายในเว็บ เราก็แจ้งว่าเป็นรถบ้าน ใช้เอง ขับคนเดียว เข้าศูนย์ตลอด อยากให้คนสนใจมาซื้อไปใช้งานต่อ มีคนติดต่อมาเยอะมาก บางส่วนแจ้งตรงๆ เลยว่ามาจากเต้นท์รถ บางส่วนแจ้งมาว่าจะเอารถไปใช้งานจริงๆ อ้างว่ากำลังหารถใช้งานพอดีเลย แต่ราคาที่แต่ละคนเสนอมา แทบจะราคาเดียวกันเลย คือไม่มีรายไดเสนอเกิน 250,000 บาทเลย ส่วนมากจะเสนอที่ราคา 230,000 บาท เยอะหน่อยก็ 240,000 บาท ทำให้ได้รู้ว่าพวกที่บอกจะเอารถไปใช้เอง ก็คือพวกเต้นท์รถเองนั่นแหล่ะ เพราะราคาเปิดมาราคาเดียวกันเลย
สรุปการขายรถในตอนนั้น หลังจากลากยาวมาเกือบปี ราคารถมันก็ยิ่งลงเรื่อยๆ ยิ่งเราเอาไว้นาน ภาระค่าใช้จ่ายก็ไม่ลด เลยตัดสินใจขายให้คนรู้จักที่เขาสนใจตั้งแต่แรกแล้วแหล่ะ แต่เขาไม่มีเงินจะซื้อในราคาที่เราตั้งไว้ในตอนแรก สุดท้ายขายไปในราคา 285,000 บาท
อยากทราบว่าเต้นท์รถเขามีหลักการในการตั้งราคารับซื้อและราคาขายต่อยังไงครับ
1.กรณีรับซื้อเข้าเต้นท์ (กรณีรถสภาพสมบูรณ์ ที่ไม่ผ่านการทำสีและไม่เคยชนหนัก) เขาประเมินราคาการรับซื้อยังไง ว่าราคารถรุ่นนี้ ปีนี้ เขาจะรับซื้อเข้ามากี่บาท เขาคิดประมาณการจากค่าเสื่อมสภาพของรถ (จำนวนปีที่ออกรถ) จนเป็นราคากลางที่เต้นท์รถทุกเต้นท์รับทราบร่วมกัน หรือเขามีวิธีตีราคารถกันยังไงครับ
2.กรณีขายออก เขาคิดราคาที่จะขายต่อยังไงครับ คิดกำไรว่าจะต้องได้กี่เป็นเปอร์เซ็นต์ ที่รับซื้อเข้ามา (เขาคิดเผื่อไหมครับว่า ปีแรกที่รถจอดเต้นท์คิดกำไรไว้กี่เปอร์เซ็นต์ ปีที่สองที่รถจอดที่เต้นท์ ราคาขายจะกำไรลดลงกี่เปอร์เซ็นต์)