[SR] รีวิว เปรียบเทียบ Redmi Note 9 Pro และ Xiaomi Mi Note 10 Lite เลือกตัวไหนดี?

สวัสดีครับ เจอกับผม เต้ อีกเช่นเคยครับ วันนี้ผมก็ได้มีโอกาสได้มือถือมารีวิวสองรุ่น ที่เพิ่งเปิดตัวและวางขายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา แต่จริงๆแล้วในการเปิดตัว เปิดตัวด้วยกัน 3 รุ่น แต่ผมได้เครื่องมา 2 รุ่น ได้แก่ Xiaomi Mi Note 10 Lite และ Redmi Note 9 Pro ซึ่งสองตัวนี้จะเป็นรุ่นที่ต่อยอดมาจากรุ่นที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ และรีวิวนี้ ก็คงเป็นอีกรีวิวที่ค่อนข้างจะยาว เพราะรวมสองรุ่นไว้ในรีวิวเดียวกัน แต่ผมก็อยากให้อ่านจนจบนะครับ และต้องขออภัยที่รีวิวออกช้าด้วยครับ ^^; 
สำหรับ Redmi Note 9 Pro จะมีการเพิ่มสเปกและภายนอกให้แตกต่างจาก Redmi Note 9S ส่วน Xiaomi Mi Note 10 Lite ก็เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เราไม่คิดว่ามันจะมา ซึ่ง Xiaomi Mi Note 10 Lite ก็เป็นตัวที่ต่อยอดมาจาก Xiaomi Mi Note 10 แต่มีการลดสเปกกล้องและลดราคาลงมา โดยที่ไม่ได้เปิดตัวพร้อมกันตั้งแต่แรก...แต่สิ่งที่ผมสังเกตคือ ทั้งสองรุ่นนี้มีบอดี้ภายนอกที่เหมือนกับรุ่นที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ เพราะฉะนั้นผมมองว่าเคส Redmi Note 9S น่าจะใช้งานร่วมกับ Redmi Note 9 Proได้...แต่สำหรับ Xiaomi Mi Note 10 Lite จะต่างจากตัว Mi Note 10 ตรงจำนวนกล้องที่ลดลงมา 1 ตัว เพราะฉะนั้น ถ้าใช้เคสของ Mi Note 10 ส่วนใหญ่อาจจะใช้ไม่ได้เพราะความยาวของโมดูลกล้องไม่เท่ากัน
มือถือสองรุ่นนี้ เป็นมือถือที่มีสเปกทางด้านซีพียูและกล้องที่เรียกได้ว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกันมาก แต่ราคาก็จะแตกต่างกัน เพราะฉะนั้น รีวิวนี้ ผมจะมาบอกว่าแต่ละตัวนั้นมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง กับราคาที่ต่างกัน และใครเหมาะกับรุ่นไหนมากกว่า แต่หลักๆผมจะพูดเรื่องกล้องซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะสองตัวนี้มีความแตกต่างเรื่องกล้องกันแบบเห็นได้ชัดอยู่ และแน่นอนว่าเครื่องที่ผมได้มาเป็นเครื่องแบบเดียวกับที่ขายจริงครับ ^^
สำหรับใครที่อยากดูรีวิวเป็นวีดีโอสามารถดูได้ที่นี่เลยครับผม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
กล่องของ Redmi Note 9 Pro จะมีความแตกต่างจาก Redmi Note 9S ตรงสีขาวที่เพิ่มเข้ามาบนหน้ากล่อง แต่สำหรับ Xiaomi Mi Note 10 Lite กล่องก็จะคล้ายกับ Mi Note 10 แค่ตัวเลข 10 หนากว่า และ เพิ่มคำว่า Lite ด่านล่างขึ้นมาเฉยๆ 555+

สเปกตัวเครื่อง

 
ในกล่อง
อุปกรณ์ภายในกล่องก็ Redmi Note 9 Pro จะมีเคสนิ่มแบบใส ที่มีฝาปิดช่อง Type C ด้วย ส่วนสีตัวเครื่องที่ผมได้มาครั้งนี้ ก็จะเป็นสีเขียว Tropical Green (ที่ดูเหมือนสีฟ้ามากกว่า 555+) ความจุ 6/128GB ต่อมาก็จะมีคู่มือ และคู่มือการรับประกัน เข็มจิ้มถาดซิม สายชาร์จ ที่ด้านนึงจะเป็น USB Type A และอีกฝั่งเป็น Type C
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องของ Xiaomi Mi Note 10 Lite เครื่องที่ผมได้ก็จะเป็นสีขาว Glacier White ความจุ 8/128GB ก็จะได้เคสนิ่มแบบใส แล้วก็มีคู่มือ และคู่มือการรับประกัน เข็มจิ้มถาดซิม สายชาร์จ ด้านนึงเป็น Type A และอีกด้านเป็น Type C และหัวชาร์จ Quick Charge 3.0 30W และผมแนะนำว่าถ้าใครจะซื้อสายชาร์จเพิ่มสำหรับ Redmi Note 9 Pro และ Xiaomi Mi Note 10 Lite ผมแนะนำให้หาสายที่เส้นใหญ่ๆและรองรับกำลังไฟได้เยอะหน่อยนะครับ เพราะผมก็เคยพลาดมาแล้วโดยการใช้สายชาร์จแบบทั่วๆไปมาชาร์จ ปรากฎว่าชาร์จช้าลงไปเยอะเลยครับ 
ครั้งนี้นับว่าโชคดีมากที่ได้สีที่ไม่เหมือนกับตอนรีวิว Redmi Note 9S และ Xiaomi Mi Note 10 Lite จะได้ถ่ายรูปสีใหม่ๆบ้าง 555+

ภายนอก
สำหรับสองรุ่นนี้ ภายนอกมีความแตกต่างกันอยู่ที่วัสดุของตัวเครื่องโดยที่ Redmi Note 9 Pro บอดี้ภายนอกจะเป็นพลาสติกแบบด้าน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบอดี้โลหะ ส่วน Xiaomi Mi Note 10 Lite บอดี้ภายนอกจะเป็นโลหะแบบเงาที่ไม่ได้ทำสีซึ่งผมมองว่า ใช้ระยะยาว น่าจะไม่มีอาการสีลอกให้เห็น แต่ถ้าเลือกตัวเครื่องเป็นสีดำ ก็จะเป็นโลหะแบบด้านสีดำ ใส่เคสนานๆก็อย่าลืมถอดออกมาทำความสะอาดบ้างนะครับ ^^
ด้านบนของทั้งสองตัวเครื่องจะมี IR และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนมาให้ด้วย
ด้านขวาของตัวเครื่อง Redmi Note 9 Pro จะมีปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่องที่เป็นตัวสแกนลายนิ้วมือในตัว ส่วน Mi Note 10 Lite จะมีปุ่มเปิดปิดเครื่องและปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงเท่านั้น เพราะ Mi Note 10 Lite จะเป็นสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแทน
ถาดใส่ซิมของ Redmi Note 9 Pro จะอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นแบบ 3 ช่อง สามารถใส่ซิมการ์ดได้ 2 ช่อง และใส่ Micro SD Card ได้อีก 1 ช่อง ส่วน Mi Note 10 Lite ถาดใส่ซิมจะอยู่ด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง ไม่สามารถใส่เมโมรี่การ์ดได้ครับ และทั้งคู่มาพร้อมกันซีลยางรอบถาดซิมอีกเช่นเคย แต่การที่มีซีลยางติดอยู่ถาดซิมทุกรุ่น ไม่ได้หมายความว่าตัวเครื่องจะกันน้ำนะครับ น่าจะเป็นเรื่องของกันละอองน้ำหรือฝุ่นเบื้องต้นเท่านั้นครับ
ส่วนด้านล่างก็จะมีช่องหูฟัง 3.5 ช่อง Type C ไมโครโฟนตัวหลัก และลำโพงตัวเครื่อง แต่สำหรับ Mi Note 10 Lite จะวางตำแหน่งสลับกันกับ Redmi Note 9 Pro
ด้านหน้าก็จะมีลำโพงสนทนา และมีไฟแจ้งเตือนสีขาวมาให้ด้วย และกล้องหน้าที่เป็นแบบเจาะรูตรงกลาง สำหรับ Redmi Note 9 Pro ส่วน Mi Note 10 Lite ก็จะมีลำโพงสนทนาเช่นกัน แต่ไม่มีไฟแจ้งเตือนมาให้ และกล้องหน้าก็จะเป็นแบบติ่งหยดน้ำ
 
ด้านหลังของ Redmi Note 9 Pro ก็จะมีกล้องทั้งหมด 4 ตัวที่วางตำแหน่งไว้ตรงกลาง และแฟลชอีก 1 ดวง...ส่วน Mi Note 10 Lite ก็จะมีกล้องทั้งหมด 4 ตัว ที่เรียงลงมาในแนวดิ่ง และมีแฟลช 4 ดวง ที่แบ่งเป็น 2 คู่ ด้านบนก็จะเป็นไฟซอฟไลท์ ส่วนคู่ล่างก็จะเป็นไฟแฟลชธรรมดา
ฝาหลังของ Redmi Note 9 Pro จะมีความแตกต่างกับ Redmi Note 9S อยู่ตรงที่ครึ่งล่างลงไปจะมีลวดลายเป็นเส้น เหนือกล้องก็จะมีคำว่า 64MP QUAD CAMERA และรอบกล้องจะไม่มีสีดำซึ่งที่ผมสังเกตมาจะมีแค่ “สีเขียวเท่านั้น” ที่เป็นแบบนี้ ถ้าเป็นสีอื่นของ Redmi Note 9 Pro ด้านหลังจะเหมือนกับ Redmi Note 9S เลย
ส่วน Mi Note 10 Lite จะมีความแตกต่างจาก Mi Note 10 เรื่องโมดูลกล้องและจำนวนกล้อง นอกนั้นจะเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่ต่างจาก Mi Note 10 ชัดเจนอีกอย่างคือ โมดูลกล้องของ Mi Note 10 Lite จะมีความบางมากๆ ประมาณ 1 มิลลิเมตรเท่านั้นที่ยื่นออกมาจากหลังกล้อง หลายคนก็อาจจะชอบ เพราะมือถือส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ โมดูลกล้องยื่นออกมาค่อนข้างเยอะ เลยทำให้หลายคนกังวลว่ามันจะเป็นรอยรึเปล่า เวลาวางกับโต๊ะ หรือใส่เคสที่ไม่หนาพอ
และแน่นอนว่าทั้งสองรุ่นนี้ กระจกด้านหน้าและด้านหลังเป็น Gorilla Glass 5 ทั้งหมด และด้านหลังก็โค้งเพื่อรองรับการจับที่ถนัดมือทั้งคู่เลยครับ และแน่นอนว่าทั้ง Redmi Note 9 Pro และ Mi Note 10 รองรับ NFC ทั้งสองรุ่นเช่นกัน แต่ Redmi Note 9S จะไม่มี NFC ครับ
ชื่อสินค้า:   Redmi Note 9 Pro
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่