รู้ตัวว่าเสี่ยงมากอยู่ที่จะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่บางทีอ่านข้อความ ความเห็นของคนในไทยที่ไม่เคยมาเจอ มาสัมผัสกับการเหยียดสีผิวที่อเมริกา แล้วคิดว่า มุมมองของเราอาจจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพที่กว้างขึ้น
ออกตัวก่อนว่า เราอยู่แถวจุดที่มีความขัดแย้งเรื่องสีผิวเยอะ มันอาจจะไม่ได้เยอะแบบนี้ทั้งประเทศอเมริกา จุดที่เราอยู่มีประชากรคนผิวสีเยอะกว่าในรัฐอื่น ๆ ของประเทศเยอะ ทั้งนี้เนื่องจากสมัยก่อนโน้น รัฐทางใต้ the Confederacy นี้ เป็นถิ่นที่มีการใช้แรงงานทาสผิวสีในการปลูกฝ้ายในสมัยก่อน ต่อมาก็มีการสู้รบกับรัฐทางเหนือ the Union เกิดเป็น Civil War เพราะทางใต้อยากแยกประเทศออกมา ในสงครามนี้แม้จะออกชื่อว่า สงครามระหว่างทางเหนือกับทางใต้ มันก็ไม่ใช่แบบนั้นโดยสิ้นเชิง เพราะจากประวัติศาสตร์เมืองแถบที่เราอยู่ มีเมืองบางเมืองที่ประกาศเป็นอิสระ ไม่ขอร่วมกับฝ่ายใด มีประชากรชาวใต้บางคนเป็นทหารให้ฝั่ง Union และก็มีทาสผิวสีบางคนต่อสู้ให้กับทางใต้ พอฝั่งทางใต้แพ้สงคราม มีการเลิกทาส ทาสผิวสีส่วนใหญ่ก็อยู่แถว ๆ นี้ ไม่ได้ย้ายขึ้นไปทางเหนือเท่าไหร่ ซึ่งหลังสงคราม รัฐทางใต้ยังคงมีความพยายามจะแยกเชื้อชาติออกจากกัน racial segregation คือ ยังมีกฎแยกโรงเรียนระหว่างคนผิวสีกับคนผิวขาว คนผิวสีไม่สามารถใช้สระว่ายน้ำสาธารณะ หรือ ไม่สามารถนั่งรถเมล์ในที่ของคนผิวขาว คนผิวสีและผิวขาวไม่สามารถแต่งงานกันได้ คนผิวสีไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งก็มีการประท้วง มีการแก้กฎต่าง ๆ จนในปัจจุบันคนผิวสีมีสิทธิเท่าเทียมกับคนผิวขาวทุกประการ เรามีเพื่อนร่วมงานเป็นคนผิวขาว ผิวสี เม็กซิกัน ต่างทำงานร่วมกันเป็นปกติ ไม่มีความเลื่อมล้ำใด ๆ ในการทำงาน คนผิวสีบางคนก็ดำรงตำแหน่งระดับสูงในที่ทำงาน กล่าวคือคนผิวสีดำรงชีพแบบปกติ แล้วแบบไหนที่คือขัดแย้งแบ่งสีผิว คือ มันจะมีเป็นระยะ ประปราย เช่น มีข่าวคนผิวขาวหัวรุนการเดินขบวน หรือ ข่าว KKK กลุ่มเหยียดสีผิวที่สมัยหลังCivil War ที่จับคนผิวสีมาแขวนคอออกมาเคลื่อนไหว (สมัยนี้เท่าที่เห็นคือ แอบเอาแผ่นพับไปยัดกล่องไปรษณีย์คน ขู่ว่าจะทำนั่นนี่ กับแอบเผาไม้กางเขนใหญ่) หรือข่าวคนขาวไปยิงคนดำ หลายๆ ปีก็มีที ข่าวตำรวจจับคนผิวสีแบบรุนแรง อันนี้มีข่าวบ่อยหน่อย แต่มันก็มีข่าวอีกด้านด้วย คือ คนผิวสีก่ออาชญากรรม ยิงตำรวจตาย ขัดขืนการจับกุม อันนี้ข่าวจะไม่บอกว่าเป็นคนผิวสี แต่รูปประกอบอาจจะบอกเรา หรือมันจะเดา ๆ ได้บางที เช่น มีแก็งค์ไปยิงกันแถวนี้ ๆ ซึ่งเราจะรู้ว่ามันเป็นแหล่งที่อยู่ของแก็งค์ และคนผิวสี ที่ค่อนข้างฐานะไม่ดี แก๊งค์เม็กซิกันก็มี แต่อันนี้ขอพูดเรื่องคนผิวสี การอยู่ที่นี่ คุณควรจะมีความรู้รอบตัวไว้ว่าแถวไหนเป็นย่านอันตราย คุณไม่ควรจะไปเดิน ซึ่งบ่อยครั้งจะเป็นย่านที่คนผิวสี ฐานะไม่ค่อยดีรวมตัวกันอยู่
ถามว่าข่าวประปรายแบบนี้มีผลกระทบไหม มีแน่นอน อย่างเช่น คนผิวสีปกติทั่วไปที่ไม่ได้เป็นอาชญากร ก็จะคิดมากเวลาจะไปทำงานที่ไหนที่ใกล้ถิ่นคนผิวขาวเหยียดสีผิวอยู่ หรือกลัวว่าจะโดนคนทั่วไปเหยียด เวลาเจอตำรวจอาจจะมีความหวาดระแวงอยู่บ้าง กลัวโดนเหมารวมว่าเป็นอาชญากร ซึ่งมันก็มีตำรวจเหมารวมจริง ๆ แต่ไม่ใช่ตำรวจทั้งหมด ทั้งนี้ ตำรวจเป็นคนผิวสีก็มีเยอะแยะนะคะ ทุกคนจะผิวอะไร จะไม่ค่อยอยากไปในถิ่นที่มีคนผิวสีฐานะไม่ค่อยดีอยู่ เพราะมันจะไม่ปลอดภัย
พูดสั้น ๆ ง่าย ๆ คือ ปัจจุบันยังคงมีประชากรสีผิวจำนวนเยอะพอควรที่เป็นประชากรไม่ค่อยมีคุณภาพ มันเลยทำให้ภาพลักษณ์ส่วนรวมของคนผิวสีดูแย่ ประเด็นนี้เป็นเรื่องเซนซิทีฟที่ไม่มีใครมาพูดในที่สาธารณะ เพราะจะโดนหาว่าเป็นคนเหยียดคนผิวสี อย่างในที่ทำงาน ทุกคนจะกลัวข้อกล่าวหานี้มาก เพราะในสังคม คุณจะกลายเป็นคนน่ารังเกียจ และอาจถูกไล่ออกได้ง่าย ๆ ดังนั้นก็จะมีคนผิวสีที่นิสัยไม่ดี เอาจุดตรงนี้ไปใช้ประโยชน์ เช่น ที่ร้านอาหาร จะมีคนมาหาเรื่องกินฟรีบ้าง คือมากินและหาเรื่องบ่นว่าโน่นไม่ดี นี่ไม่ดี จะไม่จ่ายค่าอาหาร ซึ่งบางทีก็เป็นคนผิวขาว แต่มีหลายคนที่เป็นคนผิวสี ปกติถ้าเป็นคนผิวขาว ถ้าร้านอาหารไม่ผิดและไม่ยอมให้กินฟรี ก็จะโวยวายจะไปฟ้องสาธารณสุข หรืออะไรไป แต่ถ้าคนผิวสีโวยวายมาแล้วไม่ได้กินฟรี จะโดนขู่ว่าคุณเป็นพวกเหยียดสีผิวใช่ไหม เราจะไปป่าวประกาศว่าร้านคุณเป็นพวกเหยียดสีผิว เพื่อนเราซึ่งทำงานบริการอื่นที่ไม่ใช่ร้านอาหารก็มีประสบการณ์เดียวกัน คือขอใช้บริการฟรี ถ้าเราไม่ให้คือเราเป็นคนเหยียดสีผิว ตรงนี้ ก็ทำให้หลายคนไม่พอใจคนผิวสี กลายเป็นมองภาพคนผิวสีในแง่ลบอีก
การประท้วงเพื่อชาวผิวสีที่เกิดขึ้นมาครั้งล่าสุดนี้ เกิดจาก ตำรวจทำการจับกุมผู้ต้องหาใช้แบงค์ยี่สิบดอลล่าห์ปลอม ผู้ต้องสงสัยชื่อ คุณจอร์จ ฟรอย เป็นชาวผิวสี มีภาพวีดีโอออกมา คือผู้ต้องสงสัยโดนกดตัวอยู่บนพื้น ดูไม่มีท่าว่าจะสามารถขัดขืนตำรวจได้ณ จุดนี้ มีตำรวจหลายคนล้อมตัวเขา นายตำรวจผิวขาวคนหนึ่งเอาเข่ากดคอเขา คุณจอร์จพยายามบอกว่า หายใจไม่ออก ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนบอกให้ตำรวจคนนั้นหยุด แต่ตำรวจไม่ฟัง จนคุณจอร์จขาดอากาศหายใจตายตรงนั้น สร้างความสะเทือนใจให้ทุกคน เพราะเหมือนตำรวจตั้งใจฆ่าเขาให้ตายตรงนั้น เหมือนตำรวจเหยียดสีผิว ทำกับเขาเกินเหตุทั้งที่เขาเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ไม่สามารถขัดขืนได้ และคดีความเล็กน้อย จริง ๆ แล้ว มันมีเหตุมานานแล้ว แต่เหตุมันเกิดข่าวรัว ๆ ช่วงนี้ ก่อนหน้านี้นิดเดียว มีสองพ่อลูกคนขาว ลูกตำรวจ พ่อตำรวจรีไทร์ ยิงคนผิวสีวิ่งออกกำลังใกล้บ้านตาย บอกว่าคิดว่าเป็นโจรที่ขโมยของแถวบ้าน ผ่านไปเดือนหนึ่งสองคนพ่อลูกไม่โดนตั้งข้อหาอะไรจนเป็นข่าว
ต่อมาผู้หญิงผิวขาว เอาหมาไปเดินในสวนสาธารณะไม่ใส่สายจูง คนผิวสีมาเตือนให้ใส่สายจูงตามกฎของสวน ผู้หญิงโมโหโทรหาตำรวจหาว่าคนผิวสีจะทำร้ายเขา อันนี้โชคดีคือ เขาถ่ายคลิปไว้ และคนผิวสีคนนี้เป็นคนมีการศึกษา เป็นนักอนุรักษ์ดูนกในสวน มีอาชีพการงาน มีชื่อเสียงหน่อย คนเลยรู้ว่า เขาไม่ใช่คนอยู่ๆจะไปทำร้ายคนคนไม่รู้จัก แถมสาวผิวขาวก็ยอมรับง่าย ๆ ว่า ที่ฟ้องตำรวจไปไม่จริง
นี่คือข่าวที่เกิดในช่วงไม่กี่อาทิตย์ก่อนถึงคดีจอร์จ ฟรอย
ก่อนหน้านี้ มันก็จะมีประท้วงที่ไม่ใหญ่ขนาดบ่อย ๆ เรื่องคนผิวสีโดนตำรวจยิง หรือ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่ง มันมีทั้งกรณีที่เป็นความจริง คือ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง เช่น ตำรวจสาวกลับคอนโด ดันเข้าห้องผิด เจอคนดำเจ้าของห้อง ไม่ฟังอะไรยิงเขาตายเลย หรือ ตำรวจไปขอตรวจใบขับขี่คนผิวสี คนผิวสีจะเอาเอกสารให้ดู ตำรวจนึกว่าเขาจะหยิบปืน ยิงเขาตายเลย
การประท้วงคราวนี้ มีผู้เข้ามาฉวยโอกาสเข้ามาทำลายร้านรวง ทำร้ายผู้คน เผาสถานที่ราชการ ตรงจุดนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวมาก เพราะ มีผู้ประท้วง และสื่อที่เห็นด้วยและออกมาพูดสนับสนุนการกระทำแบบนี้ ด้วยข้ออ้างว่า คนผิวสีโดนกระทำ โดนเหยียดมามาก ประท้วงมาหลายครั้งเรื่องการเหยียดสีผิว แต่ไม่ได้ผล (ตรงนี้ไม่จริง) ครั้งนี้อดทนไม่ไหว เลยต้อง ทำลายข้าวของให้เห็นผลว่าเขาเอาจริง และบอกว่า ข้าวของเหล่านี้เสียไปเป็นทรัพย์สินนอกกาย แต่คนผิวสีต้องเสียชีวิตไปเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเป็นคนที่มีความคิดฟังดูก็จะรู้ว่าคิดไม่เข้าท่า จากที่คนเห็นใจคนผิวสีมาก ๆ ก็จะเริ่มเห็นใจน้อยลงเพราะไม่เห็นด้วยกับการลักทรัพย์ เผาร้านรวงผู้ไม่เกี่ยวข้อง แต่น่าเสียดายที่คนเป็นประเภทพวกมากลากไปมีอยู่มาก เพื่อนเราว่างี้ เราก็ว่าตามกัน เพื่อนว่าเผาแล้วดีเราก็ว่าดี มีอีกเยอะ เลยทำให้ภาพลักษณ์ของผู้ประท้วงเรื่องสีผิวเสียไปมาก
แต่ขณะเดียวกัน การประท้วงครั้งนี้ก็เป็นการกระตุ้นให้สังคมคิดได้ว่า ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับโครงสร้างตำรวจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นรูปร่างดี ก็คงต้องคอยดูกันต่อไป ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จากโพล เห็นว่าตำรวจมีความจำเป็น และสำคัญต่อสังคม ตำรวจส่วนมากพึ่งพาได้ มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ดี เราควรมีการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างให้ตำรวจไม่ดีมีอำนาจน้อยลง เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อชาวผิวสีและคนในสังคมมากขึ้น
การที่มีประวัติศาสตร์ที่ทำร้ายกันมา ทำให้คนผิวสีค่อนข้างฝังใจกลัวว่าจะโดนเหยียดสีผิวอีก บางครั้งเพราะความเซนซีทีฟตรงนี้ ก็ทำให้เกิดปัญหาบ่อย ๆ
เช่น มีมหาวิทยาลัยหนึ่งตั้งอยู่ทางใต้ เชิญกลุ่มนักศึกษามาร่วมรับประทานอาหารกับคณบดี มีสมาคมนักศึกษาชาวต่างประเทศมากินและกลับไป ปกติ แต่พอเชิญสมาคมนักศึกษาชาวผิวสีมาร่วมทาน กลับเป็นเรื่องประท้วง เพราะที่บ้านของคณบดี ใช้อาหารของชาวใต้มาเลี้ยงนักศึกษา และมีการใช้ต้นฝ้ายมาตกแต่งสถานที่ให้มันเข้ากัน ซึ่งนักศึกษาชาวผิวสีมองว่าเป็นการเหยียดพวกเขาเพราะทำให้พวกเขารำลึกถึงประวัติศาสตร์ความเป็นทาส คือเรามองแบบเป็นกลางนะ เราว่าคนผิวสีก็เซนซิทีฟมากซึ่งก็น่าเห็นใจเพราะประวัติศาสตร์มันเป็นมาแบบนี้ แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่น่ามีเจตนาทำเพื่อเหยียดสีผิว เพราะเรื่องแบบนี้ คณบดีจะเอาอนาคตมาเสี่ยงทำไม ชาวใต้จะภูมิใจในอาหารของตน กินเลี้ยงทีไรเราได้กินอาหารใต้บ่อยๆ จริง ๆ อาหารชาวใต้กับชาวผิวสีคือมันรวมกันออกมาเป็นอาหารพื้นเมืองชาวใต้ ดอกฝ้ายเขาก็เอามาประดับบ้านเป็นของตกแต่งได้ปกติ ไม่ได้จะไปเหยียดใคร ดอกฝ้ายมันเป็นสัญลักษณ์ของทางใต้ ทุกวันนี้เวลาดอกฝ้ายออก คนขาวทั้งหลายก็ไปถ่ายรูปกับทุ่งดอกฝ้ายเพราะมันสวย มหาวิทยาลัยก็ตั้งอยู่ทางใต้จะเอาอาหารใต้มาเลี้ยงต้อนรับนักศึกษามันคือเรื่องปกติ แต่มันไม่ปกติเพราะไปกระทบใจนักศึกษาชาวผิวสีบางคน ตรงจุดนี้ ถ้าคนเลยต้องระวังมาก ๆ กลัวจะทำอะไรไปกระทบใจคนผิวสี
หรืออย่างความขัดแย้ง ณ ขณะนี้ คือเรื่อง ธง Confederacy และ อนุสาวรีย์ทหาร หรือนายพลของ Confederacy ซึ่งประชาชนผิวขาวของรัฐทางใต้จำนวนมากถือว่านี่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นตัวตนของเขา เป็นบรรพบุรุษ เป็นผู้เสียสละที่ต้องการให้อิสระภาพกับรัฐทางใต้ เป็นประวัติศาสตร์ของเขา ในขณะที่ชาวผิวดำมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ เป็นสิ่งที่ต้องการควบคุมให้บรรพบุรุษของเขาเป็นทาส ทหารที่ตายเพื่อรัฐทางใต้ไม่ใช่วีรบุรุษ ไม่สมควรได้รับการยกย่อง ซึ่งธงกับอนุสาวรีย์ รวมทั้งอนุสาวรีณ์สถานพวกนี้ มันอยู่มานานแล้ว ถือเป็นโบราณวัตถุ แต่กระแสที่อยากให้รื้อทำลายลงก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน หลังขบวนการเดินประท้วง ธงและอนุสารีย์ต่าง ๆ ถูกปลดลง หลายที่ ซึ่งสร้างความพอใจให้คนผิวสี แต่ทำความไม่พอใจให้กลุ่มคนผิวขาวบางส่วนอีก คนผิวขาวบางกลุ่มเห็นด้วยกับการถอดธงและอนุสาวรีย์ลง เพื่อลดความขัดแย้งกับคนผิวสี เช่นกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มคนที่มีการศึกษา
จะขอยกตัวอย่างความเป็นรูปธรรมว่า ให้เห็นว่าสถานะโดยรวมของชาวผิวสีในอเมริกาด้อยกว่าเชื้อชาติอื่น แม้ว่าในปัจจุบัน จะมีสิทธิเท่าเทียมตามกฎหมายทุกประการ
รายได้
การศึกษา
สถิติประชากรในคุก
ความยากจน
แม้ว่าสถิติต่าง ๆ ทำให้เห็นภาพรวมว่า คนผิวสีจะมีฐานะ ความเป็นอยู่ไม่ดีนัก แต่คนผิวสีประสบความสำเร็จในชีวิต มีทุก ๆ อย่างเหมือนคนผิวขาวก็มีให้เห็นบ่อย ๆ ไม่ได้เป็นสิ่งที่หายากแต่อย่างใด ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ก็มีการนำเสนอข่าว เด็กชาวผิวสีสอบได้อันดับหนึ่ง หรือได้รับรางวัลต่าง ๆ มีคนผิวสีได้รับเลือกดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ อยู่บ่อย ๆ โอกาสมีอยู่ทั่วไปในอเมริกา คนผิวสีมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เป็นปกติเหมือนคนอื่น ๆ
การเหยียดสีผิวมีในอเมริกา ไม่ได้มีเฉพาะคนผิวสีที่เจอนะคะ คนเอเชีย คนเม็กซิกันก็เจอ แต่สิ่งที่ทำให้อเมริกายังน่าอยู่ เพราะมันยังมีโอกาส และยังมีคนที่พยายามทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ณ จุดนี้ ทุกอย่างดีกว่าสมัยก่อนมากแล้ว หวังว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันประนีประนอม ทำให้ทุกอย่างค่อย ๆ ดีขึ้นไปอีก
ปล กระทู้นี้เป็นเพียงกระทู้เล่าเรื่องเหตุการณ์ความเป็นไปเป็นมาของความขัดแย้ง ถ้าไปกระทบใจใครก็ขออภัยด้วย จะแย้งจะเสริมเพิ่มเติมความคิดก็ยินดีค่ะ ขอเพียงแต่กรุณารักษามารยาทในการสนทนา
สถานการณ์ความขัดแย้งเรื่องสีผิวในอเมริกา
ออกตัวก่อนว่า เราอยู่แถวจุดที่มีความขัดแย้งเรื่องสีผิวเยอะ มันอาจจะไม่ได้เยอะแบบนี้ทั้งประเทศอเมริกา จุดที่เราอยู่มีประชากรคนผิวสีเยอะกว่าในรัฐอื่น ๆ ของประเทศเยอะ ทั้งนี้เนื่องจากสมัยก่อนโน้น รัฐทางใต้ the Confederacy นี้ เป็นถิ่นที่มีการใช้แรงงานทาสผิวสีในการปลูกฝ้ายในสมัยก่อน ต่อมาก็มีการสู้รบกับรัฐทางเหนือ the Union เกิดเป็น Civil War เพราะทางใต้อยากแยกประเทศออกมา ในสงครามนี้แม้จะออกชื่อว่า สงครามระหว่างทางเหนือกับทางใต้ มันก็ไม่ใช่แบบนั้นโดยสิ้นเชิง เพราะจากประวัติศาสตร์เมืองแถบที่เราอยู่ มีเมืองบางเมืองที่ประกาศเป็นอิสระ ไม่ขอร่วมกับฝ่ายใด มีประชากรชาวใต้บางคนเป็นทหารให้ฝั่ง Union และก็มีทาสผิวสีบางคนต่อสู้ให้กับทางใต้ พอฝั่งทางใต้แพ้สงคราม มีการเลิกทาส ทาสผิวสีส่วนใหญ่ก็อยู่แถว ๆ นี้ ไม่ได้ย้ายขึ้นไปทางเหนือเท่าไหร่ ซึ่งหลังสงคราม รัฐทางใต้ยังคงมีความพยายามจะแยกเชื้อชาติออกจากกัน racial segregation คือ ยังมีกฎแยกโรงเรียนระหว่างคนผิวสีกับคนผิวขาว คนผิวสีไม่สามารถใช้สระว่ายน้ำสาธารณะ หรือ ไม่สามารถนั่งรถเมล์ในที่ของคนผิวขาว คนผิวสีและผิวขาวไม่สามารถแต่งงานกันได้ คนผิวสีไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งก็มีการประท้วง มีการแก้กฎต่าง ๆ จนในปัจจุบันคนผิวสีมีสิทธิเท่าเทียมกับคนผิวขาวทุกประการ เรามีเพื่อนร่วมงานเป็นคนผิวขาว ผิวสี เม็กซิกัน ต่างทำงานร่วมกันเป็นปกติ ไม่มีความเลื่อมล้ำใด ๆ ในการทำงาน คนผิวสีบางคนก็ดำรงตำแหน่งระดับสูงในที่ทำงาน กล่าวคือคนผิวสีดำรงชีพแบบปกติ แล้วแบบไหนที่คือขัดแย้งแบ่งสีผิว คือ มันจะมีเป็นระยะ ประปราย เช่น มีข่าวคนผิวขาวหัวรุนการเดินขบวน หรือ ข่าว KKK กลุ่มเหยียดสีผิวที่สมัยหลังCivil War ที่จับคนผิวสีมาแขวนคอออกมาเคลื่อนไหว (สมัยนี้เท่าที่เห็นคือ แอบเอาแผ่นพับไปยัดกล่องไปรษณีย์คน ขู่ว่าจะทำนั่นนี่ กับแอบเผาไม้กางเขนใหญ่) หรือข่าวคนขาวไปยิงคนดำ หลายๆ ปีก็มีที ข่าวตำรวจจับคนผิวสีแบบรุนแรง อันนี้มีข่าวบ่อยหน่อย แต่มันก็มีข่าวอีกด้านด้วย คือ คนผิวสีก่ออาชญากรรม ยิงตำรวจตาย ขัดขืนการจับกุม อันนี้ข่าวจะไม่บอกว่าเป็นคนผิวสี แต่รูปประกอบอาจจะบอกเรา หรือมันจะเดา ๆ ได้บางที เช่น มีแก็งค์ไปยิงกันแถวนี้ ๆ ซึ่งเราจะรู้ว่ามันเป็นแหล่งที่อยู่ของแก็งค์ และคนผิวสี ที่ค่อนข้างฐานะไม่ดี แก๊งค์เม็กซิกันก็มี แต่อันนี้ขอพูดเรื่องคนผิวสี การอยู่ที่นี่ คุณควรจะมีความรู้รอบตัวไว้ว่าแถวไหนเป็นย่านอันตราย คุณไม่ควรจะไปเดิน ซึ่งบ่อยครั้งจะเป็นย่านที่คนผิวสี ฐานะไม่ค่อยดีรวมตัวกันอยู่
ถามว่าข่าวประปรายแบบนี้มีผลกระทบไหม มีแน่นอน อย่างเช่น คนผิวสีปกติทั่วไปที่ไม่ได้เป็นอาชญากร ก็จะคิดมากเวลาจะไปทำงานที่ไหนที่ใกล้ถิ่นคนผิวขาวเหยียดสีผิวอยู่ หรือกลัวว่าจะโดนคนทั่วไปเหยียด เวลาเจอตำรวจอาจจะมีความหวาดระแวงอยู่บ้าง กลัวโดนเหมารวมว่าเป็นอาชญากร ซึ่งมันก็มีตำรวจเหมารวมจริง ๆ แต่ไม่ใช่ตำรวจทั้งหมด ทั้งนี้ ตำรวจเป็นคนผิวสีก็มีเยอะแยะนะคะ ทุกคนจะผิวอะไร จะไม่ค่อยอยากไปในถิ่นที่มีคนผิวสีฐานะไม่ค่อยดีอยู่ เพราะมันจะไม่ปลอดภัย
พูดสั้น ๆ ง่าย ๆ คือ ปัจจุบันยังคงมีประชากรสีผิวจำนวนเยอะพอควรที่เป็นประชากรไม่ค่อยมีคุณภาพ มันเลยทำให้ภาพลักษณ์ส่วนรวมของคนผิวสีดูแย่ ประเด็นนี้เป็นเรื่องเซนซิทีฟที่ไม่มีใครมาพูดในที่สาธารณะ เพราะจะโดนหาว่าเป็นคนเหยียดคนผิวสี อย่างในที่ทำงาน ทุกคนจะกลัวข้อกล่าวหานี้มาก เพราะในสังคม คุณจะกลายเป็นคนน่ารังเกียจ และอาจถูกไล่ออกได้ง่าย ๆ ดังนั้นก็จะมีคนผิวสีที่นิสัยไม่ดี เอาจุดตรงนี้ไปใช้ประโยชน์ เช่น ที่ร้านอาหาร จะมีคนมาหาเรื่องกินฟรีบ้าง คือมากินและหาเรื่องบ่นว่าโน่นไม่ดี นี่ไม่ดี จะไม่จ่ายค่าอาหาร ซึ่งบางทีก็เป็นคนผิวขาว แต่มีหลายคนที่เป็นคนผิวสี ปกติถ้าเป็นคนผิวขาว ถ้าร้านอาหารไม่ผิดและไม่ยอมให้กินฟรี ก็จะโวยวายจะไปฟ้องสาธารณสุข หรืออะไรไป แต่ถ้าคนผิวสีโวยวายมาแล้วไม่ได้กินฟรี จะโดนขู่ว่าคุณเป็นพวกเหยียดสีผิวใช่ไหม เราจะไปป่าวประกาศว่าร้านคุณเป็นพวกเหยียดสีผิว เพื่อนเราซึ่งทำงานบริการอื่นที่ไม่ใช่ร้านอาหารก็มีประสบการณ์เดียวกัน คือขอใช้บริการฟรี ถ้าเราไม่ให้คือเราเป็นคนเหยียดสีผิว ตรงนี้ ก็ทำให้หลายคนไม่พอใจคนผิวสี กลายเป็นมองภาพคนผิวสีในแง่ลบอีก
การประท้วงเพื่อชาวผิวสีที่เกิดขึ้นมาครั้งล่าสุดนี้ เกิดจาก ตำรวจทำการจับกุมผู้ต้องหาใช้แบงค์ยี่สิบดอลล่าห์ปลอม ผู้ต้องสงสัยชื่อ คุณจอร์จ ฟรอย เป็นชาวผิวสี มีภาพวีดีโอออกมา คือผู้ต้องสงสัยโดนกดตัวอยู่บนพื้น ดูไม่มีท่าว่าจะสามารถขัดขืนตำรวจได้ณ จุดนี้ มีตำรวจหลายคนล้อมตัวเขา นายตำรวจผิวขาวคนหนึ่งเอาเข่ากดคอเขา คุณจอร์จพยายามบอกว่า หายใจไม่ออก ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนบอกให้ตำรวจคนนั้นหยุด แต่ตำรวจไม่ฟัง จนคุณจอร์จขาดอากาศหายใจตายตรงนั้น สร้างความสะเทือนใจให้ทุกคน เพราะเหมือนตำรวจตั้งใจฆ่าเขาให้ตายตรงนั้น เหมือนตำรวจเหยียดสีผิว ทำกับเขาเกินเหตุทั้งที่เขาเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ไม่สามารถขัดขืนได้ และคดีความเล็กน้อย จริง ๆ แล้ว มันมีเหตุมานานแล้ว แต่เหตุมันเกิดข่าวรัว ๆ ช่วงนี้ ก่อนหน้านี้นิดเดียว มีสองพ่อลูกคนขาว ลูกตำรวจ พ่อตำรวจรีไทร์ ยิงคนผิวสีวิ่งออกกำลังใกล้บ้านตาย บอกว่าคิดว่าเป็นโจรที่ขโมยของแถวบ้าน ผ่านไปเดือนหนึ่งสองคนพ่อลูกไม่โดนตั้งข้อหาอะไรจนเป็นข่าว
ต่อมาผู้หญิงผิวขาว เอาหมาไปเดินในสวนสาธารณะไม่ใส่สายจูง คนผิวสีมาเตือนให้ใส่สายจูงตามกฎของสวน ผู้หญิงโมโหโทรหาตำรวจหาว่าคนผิวสีจะทำร้ายเขา อันนี้โชคดีคือ เขาถ่ายคลิปไว้ และคนผิวสีคนนี้เป็นคนมีการศึกษา เป็นนักอนุรักษ์ดูนกในสวน มีอาชีพการงาน มีชื่อเสียงหน่อย คนเลยรู้ว่า เขาไม่ใช่คนอยู่ๆจะไปทำร้ายคนคนไม่รู้จัก แถมสาวผิวขาวก็ยอมรับง่าย ๆ ว่า ที่ฟ้องตำรวจไปไม่จริง
นี่คือข่าวที่เกิดในช่วงไม่กี่อาทิตย์ก่อนถึงคดีจอร์จ ฟรอย
ก่อนหน้านี้ มันก็จะมีประท้วงที่ไม่ใหญ่ขนาดบ่อย ๆ เรื่องคนผิวสีโดนตำรวจยิง หรือ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่ง มันมีทั้งกรณีที่เป็นความจริง คือ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง เช่น ตำรวจสาวกลับคอนโด ดันเข้าห้องผิด เจอคนดำเจ้าของห้อง ไม่ฟังอะไรยิงเขาตายเลย หรือ ตำรวจไปขอตรวจใบขับขี่คนผิวสี คนผิวสีจะเอาเอกสารให้ดู ตำรวจนึกว่าเขาจะหยิบปืน ยิงเขาตายเลย
การประท้วงคราวนี้ มีผู้เข้ามาฉวยโอกาสเข้ามาทำลายร้านรวง ทำร้ายผู้คน เผาสถานที่ราชการ ตรงจุดนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวมาก เพราะ มีผู้ประท้วง และสื่อที่เห็นด้วยและออกมาพูดสนับสนุนการกระทำแบบนี้ ด้วยข้ออ้างว่า คนผิวสีโดนกระทำ โดนเหยียดมามาก ประท้วงมาหลายครั้งเรื่องการเหยียดสีผิว แต่ไม่ได้ผล (ตรงนี้ไม่จริง) ครั้งนี้อดทนไม่ไหว เลยต้อง ทำลายข้าวของให้เห็นผลว่าเขาเอาจริง และบอกว่า ข้าวของเหล่านี้เสียไปเป็นทรัพย์สินนอกกาย แต่คนผิวสีต้องเสียชีวิตไปเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเป็นคนที่มีความคิดฟังดูก็จะรู้ว่าคิดไม่เข้าท่า จากที่คนเห็นใจคนผิวสีมาก ๆ ก็จะเริ่มเห็นใจน้อยลงเพราะไม่เห็นด้วยกับการลักทรัพย์ เผาร้านรวงผู้ไม่เกี่ยวข้อง แต่น่าเสียดายที่คนเป็นประเภทพวกมากลากไปมีอยู่มาก เพื่อนเราว่างี้ เราก็ว่าตามกัน เพื่อนว่าเผาแล้วดีเราก็ว่าดี มีอีกเยอะ เลยทำให้ภาพลักษณ์ของผู้ประท้วงเรื่องสีผิวเสียไปมาก
แต่ขณะเดียวกัน การประท้วงครั้งนี้ก็เป็นการกระตุ้นให้สังคมคิดได้ว่า ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับโครงสร้างตำรวจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นรูปร่างดี ก็คงต้องคอยดูกันต่อไป ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จากโพล เห็นว่าตำรวจมีความจำเป็น และสำคัญต่อสังคม ตำรวจส่วนมากพึ่งพาได้ มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ดี เราควรมีการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างให้ตำรวจไม่ดีมีอำนาจน้อยลง เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อชาวผิวสีและคนในสังคมมากขึ้น
การที่มีประวัติศาสตร์ที่ทำร้ายกันมา ทำให้คนผิวสีค่อนข้างฝังใจกลัวว่าจะโดนเหยียดสีผิวอีก บางครั้งเพราะความเซนซีทีฟตรงนี้ ก็ทำให้เกิดปัญหาบ่อย ๆ
เช่น มีมหาวิทยาลัยหนึ่งตั้งอยู่ทางใต้ เชิญกลุ่มนักศึกษามาร่วมรับประทานอาหารกับคณบดี มีสมาคมนักศึกษาชาวต่างประเทศมากินและกลับไป ปกติ แต่พอเชิญสมาคมนักศึกษาชาวผิวสีมาร่วมทาน กลับเป็นเรื่องประท้วง เพราะที่บ้านของคณบดี ใช้อาหารของชาวใต้มาเลี้ยงนักศึกษา และมีการใช้ต้นฝ้ายมาตกแต่งสถานที่ให้มันเข้ากัน ซึ่งนักศึกษาชาวผิวสีมองว่าเป็นการเหยียดพวกเขาเพราะทำให้พวกเขารำลึกถึงประวัติศาสตร์ความเป็นทาส คือเรามองแบบเป็นกลางนะ เราว่าคนผิวสีก็เซนซิทีฟมากซึ่งก็น่าเห็นใจเพราะประวัติศาสตร์มันเป็นมาแบบนี้ แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่น่ามีเจตนาทำเพื่อเหยียดสีผิว เพราะเรื่องแบบนี้ คณบดีจะเอาอนาคตมาเสี่ยงทำไม ชาวใต้จะภูมิใจในอาหารของตน กินเลี้ยงทีไรเราได้กินอาหารใต้บ่อยๆ จริง ๆ อาหารชาวใต้กับชาวผิวสีคือมันรวมกันออกมาเป็นอาหารพื้นเมืองชาวใต้ ดอกฝ้ายเขาก็เอามาประดับบ้านเป็นของตกแต่งได้ปกติ ไม่ได้จะไปเหยียดใคร ดอกฝ้ายมันเป็นสัญลักษณ์ของทางใต้ ทุกวันนี้เวลาดอกฝ้ายออก คนขาวทั้งหลายก็ไปถ่ายรูปกับทุ่งดอกฝ้ายเพราะมันสวย มหาวิทยาลัยก็ตั้งอยู่ทางใต้จะเอาอาหารใต้มาเลี้ยงต้อนรับนักศึกษามันคือเรื่องปกติ แต่มันไม่ปกติเพราะไปกระทบใจนักศึกษาชาวผิวสีบางคน ตรงจุดนี้ ถ้าคนเลยต้องระวังมาก ๆ กลัวจะทำอะไรไปกระทบใจคนผิวสี
หรืออย่างความขัดแย้ง ณ ขณะนี้ คือเรื่อง ธง Confederacy และ อนุสาวรีย์ทหาร หรือนายพลของ Confederacy ซึ่งประชาชนผิวขาวของรัฐทางใต้จำนวนมากถือว่านี่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นตัวตนของเขา เป็นบรรพบุรุษ เป็นผู้เสียสละที่ต้องการให้อิสระภาพกับรัฐทางใต้ เป็นประวัติศาสตร์ของเขา ในขณะที่ชาวผิวดำมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ เป็นสิ่งที่ต้องการควบคุมให้บรรพบุรุษของเขาเป็นทาส ทหารที่ตายเพื่อรัฐทางใต้ไม่ใช่วีรบุรุษ ไม่สมควรได้รับการยกย่อง ซึ่งธงกับอนุสาวรีย์ รวมทั้งอนุสาวรีณ์สถานพวกนี้ มันอยู่มานานแล้ว ถือเป็นโบราณวัตถุ แต่กระแสที่อยากให้รื้อทำลายลงก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน หลังขบวนการเดินประท้วง ธงและอนุสารีย์ต่าง ๆ ถูกปลดลง หลายที่ ซึ่งสร้างความพอใจให้คนผิวสี แต่ทำความไม่พอใจให้กลุ่มคนผิวขาวบางส่วนอีก คนผิวขาวบางกลุ่มเห็นด้วยกับการถอดธงและอนุสาวรีย์ลง เพื่อลดความขัดแย้งกับคนผิวสี เช่นกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มคนที่มีการศึกษา
จะขอยกตัวอย่างความเป็นรูปธรรมว่า ให้เห็นว่าสถานะโดยรวมของชาวผิวสีในอเมริกาด้อยกว่าเชื้อชาติอื่น แม้ว่าในปัจจุบัน จะมีสิทธิเท่าเทียมตามกฎหมายทุกประการ
รายได้
การศึกษา
สถิติประชากรในคุก
ความยากจน
แม้ว่าสถิติต่าง ๆ ทำให้เห็นภาพรวมว่า คนผิวสีจะมีฐานะ ความเป็นอยู่ไม่ดีนัก แต่คนผิวสีประสบความสำเร็จในชีวิต มีทุก ๆ อย่างเหมือนคนผิวขาวก็มีให้เห็นบ่อย ๆ ไม่ได้เป็นสิ่งที่หายากแต่อย่างใด ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ก็มีการนำเสนอข่าว เด็กชาวผิวสีสอบได้อันดับหนึ่ง หรือได้รับรางวัลต่าง ๆ มีคนผิวสีได้รับเลือกดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ อยู่บ่อย ๆ โอกาสมีอยู่ทั่วไปในอเมริกา คนผิวสีมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เป็นปกติเหมือนคนอื่น ๆ
การเหยียดสีผิวมีในอเมริกา ไม่ได้มีเฉพาะคนผิวสีที่เจอนะคะ คนเอเชีย คนเม็กซิกันก็เจอ แต่สิ่งที่ทำให้อเมริกายังน่าอยู่ เพราะมันยังมีโอกาส และยังมีคนที่พยายามทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ณ จุดนี้ ทุกอย่างดีกว่าสมัยก่อนมากแล้ว หวังว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันประนีประนอม ทำให้ทุกอย่างค่อย ๆ ดีขึ้นไปอีก
ปล กระทู้นี้เป็นเพียงกระทู้เล่าเรื่องเหตุการณ์ความเป็นไปเป็นมาของความขัดแย้ง ถ้าไปกระทบใจใครก็ขออภัยด้วย จะแย้งจะเสริมเพิ่มเติมความคิดก็ยินดีค่ะ ขอเพียงแต่กรุณารักษามารยาทในการสนทนา