รู้สึกกันบ้างไหมครับ ว่าชีวิตเด็กรุ่นใหม่มันอยู่ยากขึ้นทุกทีๆ

ตามนั้นเลยครับ เด็กสมัยนี้ขนาดเรียนหนังสือยังแย่งกันเรียนแทบตาย แข่งขันกัน เรียนพิเศษยันมืดค่ำกันทุกวัน เพื่อแก่งแย่งกันเข้าร.ร. หรือม. ดีๆ
เด็กบางคนถึงขั้นเรียนพิเศษกันตั่งแต่อนุบาลเลยทีเดียว

อีกหน่อยพอโตไปทำงานคงไม่ต้องพูดถึง
อัตราการแข่งขันมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีจำนวณเด็กที่แย่งตำแหน่งงานมากขึ้นเยอะมากๆๆ เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงาน

แค่คิดก็รู้สึกท้อมากๆแล้วครับ ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่ได้เรียนเก่งดีเด่อะไร (คือไม่ได้แย่ แค่พอประคับประคอง) หรือมีความสามารถพิเศษเหมือนใครๆ
แต่ผมก็มีความใฝ่ฝันอยากประสบความสำเร็จกับเขาบ้าง

มีใครเคยรู้สึกท้อแบบผมบ้างไหมครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
การแข่งขันกันเป็นคนเก่ง มันไม่ดีหรือครับ

เวลาคุณป่วยคุณอยากรักษากับหมอเก่ง ๆ หรือว่า ไปเล่าอาการกับวินมอเตอร์ไซค์แล้วซื้อยากินเอง
ถ้าคุณมีรถยนต์ รถของคุณเสีย คุณอยากซ่อมกับช่างเก่ง ๆ หรือให้เด็กขายพวงมาลัยซ่อมให้ครับ

ตัวอย่างที่ยกมา เพื่อจะบอกว่าสังคมต้องการคนเก่งเพื่อแก้ไขหรือสร้างสรรงานที่มีคุณภาพ
ความรู้สึกท้อที่พบเห็นการแข่งขัน แล้วอ้างว่าตนสู้ไม่ได้แน่ ๆ เลย เป็นความคิดที่ผิดนะครับ
คุณควรตั้งเป้าหมายใหม่ว่า เราก็ไม่กระจอก เราจะสู้เพื่ออนาคตที่เราใฝ่ฝัน

และเราต้องประสบความสำเร็จ
ความคิดเห็นที่ 2
คนไทยควรเลิกสนใจหัวโขน
เป็นเกษตรกรก็มีเงินได้
ทำธุรกิจส่วนตัวก็มีเงินได้
งานไหนๆ ก็ทำเงินได้
จบราชภัฎหรือ ม. ไม่ดัง ก็มีงานดีๆ ได้
ไม่จำเป็นต้องไปแย่งเข้าสถาบันดังๆ อะไรเลย

เป็นครู ข้าราชการ พนักงานราชการ ตำรวจ ทหาร เชฟ ช่างตัดผม ช่างแต่งหน้า ช่างภาพ ฯ
พวกนี้ไม่ต้องเข้า ม. ดังเลยนะคะ
มีอีกหลายอาชีพที่ไม่ต้องเข้า ม. ดัง ก็สามารถทำอาชีพได้

ประเทศไทยควรเลิกกดความคิดของเด็กได้แล้ว
กฎระเบียบหลายๆ อย่างไม่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะของเด็ก ไม่เอื้อให้เด็กพบว่าตัวเองชอบอะไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่