"สวัสดีครับพวกเรา BTS ครับ"
RM : “และผม RM ปีนี้เป็นปีที่แปลกไปนะครับ แต่พวกคุณทำได้แล้วผมไม่มีดอกไม้ไม่มีหมวก(สำเร็จการศึกษาให้)แต่มีพิธีจบการศึกษาสุดแสนพิเศษในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีใครเข้าร่วมกับพิธีการจบการศึกษามากมายขนาดนี้”
“สำหรับความสำเร็จและความฝันของพวกเขา พวกคุณสามารถรับชมเราได้จากเตียงนอนของคุณ ห้องนั่งเล่น ชมเพียงลำพังหรือกับใครสักคน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในไม่ช้าคุณทุกคนจะต้องแยกตัวออกจากโลกใบนี้ไปสู่อีกโลกอีกใบหนึ่ง”
“10 ปีที่แล้วหิมะตกหนักจริง ๆ ในวันสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมของผม ผมจำวันนั้นได้ชัดเจนเพราะผมถ่ายรูปกันเพื่อน ๆ และเก็บไว้ในสมุดโปรไฟล์บันทึกของผมสำหรับช่วงเวลาที่ในโรงเรียนในวันนั้น ผมเป็นเพียงเด็กผู้ชายที่ปิดตัวลงเพียงหนึ่งบท และพร้อมที่จะเขียนอีกบท”
“ผมจำความรู้สึกนั้นได้ มันน่าตื่นเต้นและน่าทึ่งจริง ๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นตัวเองมากที่สุด ความรู้สึกที่ผมอยากจะยึดมั่นไว้ตลอดไป ดังนั้นในฐานะเพื่อนคนหนึ่งในช่วงอายุ 20 ปีของเขาคนนั้น ตลอดระยะทางจากกรุงโซลในประเทศเกาหลีใต้ ผมขอพูดว่า "ขอแสดงความยินดีด้วย" เรารู้สึกตื่นเต้นมากกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือจะอยู่ไกลสักเท่าไหร่ เราหวังว่าเรื่องราวของเราในวันนี้จะให้ความสบายใจความหวังและแรงบันดาลใจสักเล็กน้อยนะครับ”
JUNGKOOK : “สวัสดีครับผม จองกุก BTS ทุกคนครับ ขอแสดงความยินดีสำหรับการจบศึกษานะครับ สำหรับผมต่างจากนัมจุนฮยองตรงที่ภาพการจบศึกษาถูกบันทึกไว้ใน BANGTAN BOMB ตั้งแต่เริ่มต้นจนเรียนจบม.ปลาย เมมเบอร์อยู่กับผมเสมอมา ผมจำได้เลยว่าพวกฮยองที่อยู่เคียงข้างแสดงความยินดีและถามผมว่า “โตมาขนาดนี้จนเรียนจบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“พอจบพิธีจบการก็ไปกินจาจังมยอนด้วยกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มาดูคลิปนั้นอีกครั้งและเกิดความรู้สึกขึ้นว่า ‘เด็กคนนั้นได้เติบโตขึ้นมาเป็นตัวผมรึเปล่า’ นัมจุนฮยองบอกว่าเขายังเห็นเด็กผู้ชายในรูปถ่ายจบการศึกษาเป็นตัวเขาอยู่ แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองมากไกลจากจุดนั้นผมสมควรเลยครับ”
“ผมก้าวเดินมาอย่างไม่มีหยุดหย่อน แต่ก็ยังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นผมจึงยืนอยู่ ณ ที่ตรงนี้ ตอนนี้กับเมมเบอร์ ด้วยความเชื่อมั่นที่ผมมีในตัวผมเองตอนนี้ ในเมมเบอร์ และในโลกใบนี้ ผมเองก็หวังว่าทุกคนจะก้าวออกไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างไม่มีหยุดหย่อนเพื่อตัวทุกคนเองเช่นกันครับ”
JIN : “สวัสดีครับผมจิน BTS ความทรงจำเรื่องการจบการศึกษาของผมค่อนข้างต่างไปนิดหน่อย มันเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเดบิ้วต์ในฐานะของ BTS ผมอายุประมาณ 20 ปี เป็นเพียงเด็กที่จบมัธยมปลายและกำลังเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ย้อนกลับไปตอนนั้น ความคิดเรื่องการที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะน่ากลัว กังวลเกี่ยวกับการก้าวเดินไปสู่ของโลกที่ไม่คุ้นเคย ผมระมัดระวังทุกสิ่งที่ผมพูดและกระทำ บางครั้งผมรู้สึกร้อนใจเวลาที่มองเพื่อน ๆ ของผมก้าวนำผมไป และผมพยายามจะตามให้ทันความไวในการก้าวไปข้างหน้าของพวกเขา”
“แต่มันกลับเหลือไว้เพียงตัวผมที่หายใจไม่ทัน ไม่นานผมก็ระลึกได้ว่ารอยทางของพวกเขานั้นมันไม่ใช่ของผม สิ่งที่ทำให้ผมประคองตัวเองมาได้ในช่วงเวลาเหล่านั้นคือคำสัญญาที่ผมได้ให้ไว้กับตัวเอง คือ “ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆไป” ผมจะก้าวไปในแบบของผมอย่างมั่นคง”
“นับจากตอนนั้น มันจึงกลายเป็นนิสัยของผมที่จะให้เวลาเป็นพิเศษกับตัวของผมเอง อย่างเช่น ในเวลาที่ผมเรียนรู้ท่าเต้น ผมจะเริ่มซ้อมหนึ่งวันก่อนคนอื่น ๆถ้าพวกคุณคนไหนรู้สึกหลงทางในความสับสนและความไม่มั่นคง หรือรู้สึกกดดันที่จะเริ่มสิ่งใหม่ ไม่ต้องรีบร้อน หายใจเข้าลึก ๆ คุณอาจจะพบว่าในช่วงขณะนั้นมันสามารถที่จะกลายเป็นโอกาสใหม่ ให้โอกาสตัวเองในการค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าว คุณอาจจะได้ค้นพบสิ่งสำคัญที่คุณทำหล่นหายไป และมันจะยื่นมือเข้ามาหาคุณ”
SUGA : “สวัสดีครับ ผมชูก้า ในช่วงนี้ผมรู้สึกเหมือนว่าผมนั้นได้ล้มลงไปบนพื้นระหว่างการแข่งขัน ผมปัดเข่าของผมและลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และเพียงพบว่ามันไม่มีใครอยู่รอบตัวผมแล้ว ราวกับว่าผมนั้นถูกทิ้งไว้บนเกาะ นี่มันอาจไม่ได้เป็นตอนจบที่อลังการในแบบที่ผมคิดไว้ และการเริ่มต้นใหม่นั้นมันก็ดูช่างห่างไปอีกไกล”
“แต่ผมปรารถนาที่จะบอกคุณ โปรดอย่าได้รู้สึกหวาดกลัว อย่าทำให้ตัวเองเป็นกังวล ถ้ากล่าวถึงจุดสิ้นสุดและจุดเริ่มต้นนั้น การเริ่มและการจบลงนั้นมันเกี่ยวข้องกัน ย่อมมีบางอย่างที่คุณจะสามารถทำได้เพียงเมื่อคุณนั้นแยกออกมายืนคนเดียว”
“เช่น การโฟกัสกับตัวเอง และการก้าวข้ามกำแพงของคุณ คนตัวเล็กๆคนหนึ่งสามารถวาดฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ วาดภาพที่ใหญ่ที่สุดได้ และทำให้สิ่งที่มันดูแล้วไม่สามารถเป็นไปได้กลายเป็นจริงได้ เมื่อตอนที่พวกเราพบกันอีกครั้ง ผมตั้งตารอที่จะเห็นความฝันของคุณ”
“ภาพของคุณและความเป็นไปได้ที่ไม่รู้จบของคุณบนโลกใบนี้ ปล่อยมือของคุณออกจากสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ และวางมือของคุณลงบนสิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในขณะที่คุณและผมดำเนินชีวิตต่อไปนั้น พวกเราจะพบตัวเราอยู่ในหลายๆสถานการณ์ที่มันอยู่เหนือความควมคุมของเรา”
“สิ่งเดียวที่เราจะสามารถควบคุมได้นั้นก็คือตัวเราเอง ลงมือในสิ่งที่คุณสามารถทำได้ เพราะว่าความเป็นไปได้ของคุณนั้นมันไร้ซึ่งขีดจำกัด อย่างไรก็ดีผมเองก็ไม่เคยมีความคิดเลยว่าผมจะกลายมาเป็น BTS เช่นกัน ขอบคุณครับ”
JIMIN : “สวัสดีครับทุกคน ผมจีมิน ก่อนอื่นเลยขอแสดงความยินดีกับการจบการศึกษาของคุณ แต่ในขณะเดียวกัน ผมนั้นก็เป็นห่วงทุกคน ผมห่วงเรื่องสุขภาพของคุณ ห่วงว่าคุณนั้นจะสบายดีไหม ห่วงว่าคุณจะโอเคไหมในช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ห่วงว่าร่างกายและจิตใจของคุณนั้นจะอยู่ในสภาพดีหรือเปล่า ผมหวังว่าคุณจะสบายดี แต่ถ้ามีอะไรที่ไม่โอเค แม้ว่านิดเดียวก็ตาม พวกเราขอส่งการปลอบโยนที่จริงใจให้คุณด้วยหัวใจของพวกเรา”
“ชูก้าได้เปรียบช่วงเวลานี้เป็นเช่นการถูกทิ้งไว้บนเกาะ แต่ผมหวังว่าคุณจะไม่ยอมแพ้ จำไว้เสมอว่ามีคนคนนี้ที่ประเทศเกาหลี ในกรุงโซลที่เข้าใจคุณ พวกเราต่างอยู่ในสถานที่บนโลกที่ต่างกันไป อยู่ในสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่ต่างกัน แต่ในช่วงเวลานี้นั้น ผมหวังว่าพวกเราจะสามารถมอบสัมผัสเบา ๆ อันแสนอบอุ่นลงบนหลังของกันและกัน และพูดว่า “ไม่เป็นไร”
J-HOPE : “สวัสดีครับ ผมผู้คือความหวังของคุณ เจโฮปครับ ผมก็ไม่ได้ต่างไปจากทุกคนมากเท่าไหร่ ช่วงเวลานี้ผมรู้สึกราวกับผมเจอทางตัน เพราะว่าผมก็แสดงและทำเพลง บางครั้งจิตใจของผมนั้นซีดขาว และยากเหลือเกินที่ผมจะก้าวต่อไปข้างหน้า มันเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดในตอนผมทำงาน ดังนั้นในเวลานี้ ผมคิดว่า “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว” “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว” และผมก็ดึงตัวเองกลับมา”
“ผมตัดสินใจว่าผมจะเชื่อในตัวเอง การพยายามในครั้งต่อไปมันอาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่ครั้งที่สองมันย่อมดีขึ้นจากครั้งแรก และครั้งที่สามก็จะยิ่งดีขึ้นจากครั้งที่สอง และนั้นคือช่วงเวลาที่ผมตัดสินใจว่า “ผมดีใจที่ผมไม่ยอมแพ้”
“มีหลายครั้งคราวในชีวิตที่คุณนั้นได้ตั้งคำถามต่อการตัดสินใจของคุณเอง ไม่ว่าจะเรื่องสาขาเรียน หรือเรื่องอาชีพ ว่าคุณตัดสินใจถูกแล้วหรือไม่ ว่าคุณทำได้ดีหรือกำลังเดินในเส้นทางแห่งความล้มเหลว และเมื่อคุณทำเช่นนั้จงจำไว้ว่า ‘คุณคือผู้นำชีวิตตัวคุณเอง’ และจงท่องมันไว้อีกครั้ง และอีกครั้ง ‘ฉันทำได้ ฉันเอาอยู่ ฉันทำมันได้ดี ฉันทำมันได้ดีกว่าคนอื่น’ แบบนี้!”
V : “สวัสดีครับผมวี ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่จบการศึกษาในวันแสนพิเศษนี้ หลายปีต่อจากนี้เมื่อคุณมองย้อนมาวันนี้ คุณจะจำมันได้ว่าอย่างไร? ในตอนนี้เราหลายคนอาจกำลังต่อสู้กับความเป็นจริง แต่ผมหวังว่าเราจะสามารถพกความทรงจำช่วงเวลานี้ไปกับเราในรูปถ่าย หรือบันทึกเพื่อมองย้อนกลับมาและจดจำเดือนมิถุนายนปี 2020 และเปรียบเทียบมันกับปัจจุบันในตอนนั้นและโอบกอดมันไว้”
“พูดตามตรงนั้น ผมไม่ได้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการร้องและเต้น และก็ไม่ค่อยใช่พวกที่ขยันเอาซะเท่าไหร่เช่นกัน ผมเริ่มต้นช้ากว่าเพื่อน ๆ และยังขาดไปในหลายด้าน แต่เมื่อทันทีที่ผมได้เริ่มมีความสุขและมีแรงบันดาลใจกับการร้องและเต้น ความสุขนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมพยายามเรื่อยมา และมันนำพาผมให้ได้มาอยู่ในจุดที่ผมยืนในวันนี้”
“ถ้ามีใครที่ไม่สามารถมองเห็นว่าควรก้าวต่อไปจากนี้ยังไง ผมอยากให้คุณฟังหัวใจของคุณ สิ่งต่าง ๆ มันอาจจะยากหน่อยในตอนนี้ แต่ซักที่ที่ออกไป โชคและโอกาสกำลังรอคุณอยู่ผมเชื่ออย่างนั้น”
“นี่คือแบบที่ผมจะจดจำวันนี้ วันนี้อาจไม่ใช่วันจบการศึกษาของผมเอง แต่ในอนาคตหลายปีต่อจากนี้ ผมจะลองมองกลับมาในวันนี้และจำมันวันว่าเป็นความทรงจำที่ควรรักษาไว้ และผมตั้งตารอว่าเมื่อถึงวันนั้นคุณจะยืนและบอกเล่าเรื่องราวของคุณ”
RM : “ผมหวังว่าเรื่องราวของเราจะส่งถึงคุณทุกคนในวันนี้ เพื่อความจริงใจ จริง ๆ เรายังคงรู้สึกไม่แน่ใจ และไม่มั่นคงในขณะที่เราพูดเหมือนวันนั้น วันที่เราออกจากประตูโรงเรียนเป็นครั้งสุดท้ายในวันสำเร็จการศึกษาของเรา”
“บางคนบอกว่าเราประสบความสำเร็จหลายอย่าง แต่เราก็ไม่แตกต่างจากเยาวชนคนอื่น ๆ ในช่วงอายุ 20 ปีของพวกเขา หมวกสำเร็จการศึกษาของเรา ยังคงกดอยู่บนศรีษะและได้หันไปมองหน้าของความเป็นจริงอย่างเชื่องช้า เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเมื่อเร็ว ๆ นี้เปลี่ยนแผนการต่าง ๆ ของเราอย่างสิ้นเชิง และความรู้สึกของการสูญเสียและความวิตกกังวลที่เรารู้สึกยังคงอยู่กับเราในวันนี้ ความกลัวในอนาคตที่คลุมเครือ เมื่อชีวิตประจำวันของเรากลับตาลปัตร เป็นช่วงเวลาของการตระหนักถึงตัวเอง การตระหนักถึงสิ่งที่ทำให้ผมเป็นตัวผมที่แท้จริง”
“ในฐานะนักดนตรี เรากำลังเชื่อมตัวตนของเราเข้าหากันด้วยการทำดนตรี เราเขียนเพลง เราโปรดิวซ์ และฝึกฝนเมื่อเราคิดถึงคนที่เรารัก และมันเชื่อมต่อกับโลกในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ และด้วยเพลงของเรา หวังว่าเราจะสามารถนำรอยยิ้มและความกล้าหาญมาให้คุณอีกครั้ง”
“และวีพึ่งพูดถึงการบันทึก (เมมโม่) และรูปถ่าย, แต่สำหรับเราวิธีการจดจำและการสื่อสารของเราคือการทำเพลง สำหรับคุณมันอาจเป็นอะไรก็ได้ อยู่ในดนตรีของเรา และในใจของเรา”
“พอถึงในเวลาที่เราต้องแยกจากกัน เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่อยู่ด้วยกันเราอาจจะได้เห็นหน้ากันผ่านกล้องในจอเล็ก ๆ นี้ แต่ผมรู้ว่าอนาคตของคุณจะเติบโต ผลิบาน ยิ่งใหญ่และสวยงาม”
“ผู้สำเร็จการศึกษา เพื่อน ครอบครัว และคณาจารย์ทุกคน วันนี้คุณยืนอยู่กับเราในพิธีของบัณฑิตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจกับคุณที่สำเร็จการศึกษา”
ขอบคุณคำแปลจากคุณ @m_melda, บ้าน @RM_Thailand @_candyclover
BTS Commencement Speech
Dear Class Of 2020
[BTS] มอบคำกล่าวสุนทรพจน์งานพิธีจบการศึกษาเสมือนจริง Dear Class Of 2020 และการแสดง Grad Party @ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลี
“10 ปีที่แล้วหิมะตกหนักจริง ๆ ในวันสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมของผม ผมจำวันนั้นได้ชัดเจนเพราะผมถ่ายรูปกันเพื่อน ๆ และเก็บไว้ในสมุดโปรไฟล์บันทึกของผมสำหรับช่วงเวลาที่ในโรงเรียนในวันนั้น ผมเป็นเพียงเด็กผู้ชายที่ปิดตัวลงเพียงหนึ่งบท และพร้อมที่จะเขียนอีกบท”
“ผมจำความรู้สึกนั้นได้ มันน่าตื่นเต้นและน่าทึ่งจริง ๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นตัวเองมากที่สุด ความรู้สึกที่ผมอยากจะยึดมั่นไว้ตลอดไป ดังนั้นในฐานะเพื่อนคนหนึ่งในช่วงอายุ 20 ปีของเขาคนนั้น ตลอดระยะทางจากกรุงโซลในประเทศเกาหลีใต้ ผมขอพูดว่า "ขอแสดงความยินดีด้วย" เรารู้สึกตื่นเต้นมากกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือจะอยู่ไกลสักเท่าไหร่ เราหวังว่าเรื่องราวของเราในวันนี้จะให้ความสบายใจความหวังและแรงบันดาลใจสักเล็กน้อยนะครับ”
JUNGKOOK : “สวัสดีครับผม จองกุก BTS ทุกคนครับ ขอแสดงความยินดีสำหรับการจบศึกษานะครับ สำหรับผมต่างจากนัมจุนฮยองตรงที่ภาพการจบศึกษาถูกบันทึกไว้ใน BANGTAN BOMB ตั้งแต่เริ่มต้นจนเรียนจบม.ปลาย เมมเบอร์อยู่กับผมเสมอมา ผมจำได้เลยว่าพวกฮยองที่อยู่เคียงข้างแสดงความยินดีและถามผมว่า “โตมาขนาดนี้จนเรียนจบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“พอจบพิธีจบการก็ไปกินจาจังมยอนด้วยกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มาดูคลิปนั้นอีกครั้งและเกิดความรู้สึกขึ้นว่า ‘เด็กคนนั้นได้เติบโตขึ้นมาเป็นตัวผมรึเปล่า’ นัมจุนฮยองบอกว่าเขายังเห็นเด็กผู้ชายในรูปถ่ายจบการศึกษาเป็นตัวเขาอยู่ แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองมากไกลจากจุดนั้นผมสมควรเลยครับ”
“ผมก้าวเดินมาอย่างไม่มีหยุดหย่อน แต่ก็ยังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นผมจึงยืนอยู่ ณ ที่ตรงนี้ ตอนนี้กับเมมเบอร์ ด้วยความเชื่อมั่นที่ผมมีในตัวผมเองตอนนี้ ในเมมเบอร์ และในโลกใบนี้ ผมเองก็หวังว่าทุกคนจะก้าวออกไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างไม่มีหยุดหย่อนเพื่อตัวทุกคนเองเช่นกันครับ”
“บางคนบอกว่าเราประสบความสำเร็จหลายอย่าง แต่เราก็ไม่แตกต่างจากเยาวชนคนอื่น ๆ ในช่วงอายุ 20 ปีของพวกเขา หมวกสำเร็จการศึกษาของเรา ยังคงกดอยู่บนศรีษะและได้หันไปมองหน้าของความเป็นจริงอย่างเชื่องช้า เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเมื่อเร็ว ๆ นี้เปลี่ยนแผนการต่าง ๆ ของเราอย่างสิ้นเชิง และความรู้สึกของการสูญเสียและความวิตกกังวลที่เรารู้สึกยังคงอยู่กับเราในวันนี้ ความกลัวในอนาคตที่คลุมเครือ เมื่อชีวิตประจำวันของเรากลับตาลปัตร เป็นช่วงเวลาของการตระหนักถึงตัวเอง การตระหนักถึงสิ่งที่ทำให้ผมเป็นตัวผมที่แท้จริง”
“ในฐานะนักดนตรี เรากำลังเชื่อมตัวตนของเราเข้าหากันด้วยการทำดนตรี เราเขียนเพลง เราโปรดิวซ์ และฝึกฝนเมื่อเราคิดถึงคนที่เรารัก และมันเชื่อมต่อกับโลกในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ และด้วยเพลงของเรา หวังว่าเราจะสามารถนำรอยยิ้มและความกล้าหาญมาให้คุณอีกครั้ง”
“และวีพึ่งพูดถึงการบันทึก (เมมโม่) และรูปถ่าย, แต่สำหรับเราวิธีการจดจำและการสื่อสารของเราคือการทำเพลง สำหรับคุณมันอาจเป็นอะไรก็ได้ อยู่ในดนตรีของเรา และในใจของเรา”
“พอถึงในเวลาที่เราต้องแยกจากกัน เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่อยู่ด้วยกันเราอาจจะได้เห็นหน้ากันผ่านกล้องในจอเล็ก ๆ นี้ แต่ผมรู้ว่าอนาคตของคุณจะเติบโต ผลิบาน ยิ่งใหญ่และสวยงาม”
“ผู้สำเร็จการศึกษา เพื่อน ครอบครัว และคณาจารย์ทุกคน วันนี้คุณยืนอยู่กับเราในพิธีของบัณฑิตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจกับคุณที่สำเร็จการศึกษา”