คำนำ
นี่คือเรื่องสั้น แต่งขึ้น Made up สำหรับอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
ไม่ใช่เรื่องจริง
******************************************************************
บ่อยครั้งที่คนเราเวลารอดจากคราวเคราะห์หรือโชคร้ายมาได้แบบ เฉียดฉิว เรามักจะพูดกันว่า ดีนะ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราได้พูดคำนี้
สำหรับคนใช้รถใช้ถนน ไม่ว่าคุณจะเจอกับใครบนท้องถนน จงพึงบอกกับตัวเองไว้ คุณไม่รู้หรอกว่า รถคู่กรณีเป็นใคร ดังนั้น อย่ามีเรื่องดีที่สุด
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันพฤหัสหนึ่ง บนถนน การจราจรคับคั่ง และผู้คนหงุดหงิดบนถนนจำนวนมาก เพราะรถติด
และเมื่อไฟเขียวขึ้น รถกระบะที่อยู่เลนซ๊าย ขับเลี้ยวขวา ขณะที่ รถเก๋งอยู่เลนขวา ( เลนเลี้ยว ) ขับตรงไปทำให้ รถสองคัน เบรคกระทันหันก่อนจะชนกัน ทำเอารถคันข้างหลัง ที่อยู่แถวสอง เบรคกระทันหัน แล้วคันที่ตามมา คือ แถวสาม ของทั้งสองเลน ก็ชนะท้าย ทำให้รถ 4 คันหลัง เกิดการชนกัน เพราะ สองคันหน้า เบรคกระทันหัน ทำให้รถยิ่งติดหนักขึ้นไปอีก
ขณะที่รถที่โดนชน ลงไปดูความเสียหาย และ ต่อว่ารถคันข้างหลัง ซึ่งก็ต่อว่า ว่าทำไมเบรคกระทันหัน คือ รถคันที่สองกับสาม ของทั้งสองเลน เริ่มเถียงกันแบบติดพันและไม่ได้สนใจ รถสองคันแรกที่เบรคกระทันหันตัวต้นเหตุผลย
ขณะเดียวกัน ด้านรถสองคันแรก ก็มีความเคลื่อนไหว ชายขับรถกระบะเดินลงมา เป็นชายรูปร่างสันทัน ผิวเข้มแดด เขาเดินตรงไปหารถเก๋ง พร้อมเคาะกระจก ด้วยสีหน้าหาเรื่องเต็มที่ รถเก๋ง ค่อยๆลดกระจกที่ติดฟิลม์เข้มดำสนิทลง ภาพที่ชายจากรถกระบะเห็น ชายในรถเก๋งคือ ผู้ชายผมเกรียน ใส่เสื้อยืดคอกลม กางเกงสีน้ำตาลอ่อน ทำสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน และข้างๆคนขับมี เด็กชายวัยรุ่นลักษณะผอม จนเหมือนคนติดยา แต่ใส่ชุดนักศึกษานั่งมาด้วย
ก่อนที่ทั้งสองจะเปิดฉาก แลกเปลี่ยนคำพูดใดๆ มือถือของชายในรถเก๋งก็ดังขึ้น ทำให้เขารับโทรศัพท์ และ ชายที่มาจากรถกระบะ ก็เลยชะงัก
ชายในรถเก๋ง รับโทรศัพท์ ฟังเสียงจากปลายสายได้สักพัก ก็พูดว่า
" เออ รู้แล้ว ก็รีบอยู่ นี่รถชนกัน เดี๋ยวจะรีบไปที่สถานี แล้ว ก็พามันไปมอบตัว แค่นี้นะ "
ชายที่มาจากรถกระบะ ได้ยินบทสนทนาเช่นนั้น ถึงกับลังเล คำว่า สถานี และ มอบตัว ผมเกรียนๆ และใส่กางเกงสีน้ำตาลอ่อนเช่นนี้ และมีเด็กท่าทางผอมเกร็งเหมือนคนติดยามาด้วย
หรือว่า ... เขาจะเป็น ตำรวจ ชายที่ลงจากรถกระบะ ถึงกับตัดสินใจเด็ดเดี่ยวในใจทันทีเลยว่า จากที่ตั้งใจจะมาด่า เขาควรเปลี่ยนเป็น คำพูดประมาณนี้
" ขอโทษด้วยครับพี่ ผมผิดเอง ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ เดี๋ยวผมเรียกประกันมาเคลม รับผิดชอบทุกอย่าง " ชายผุ้ขับรถกระบะ นึกในใจและคิดว่า จะยกมือไหว้ ชายในรถเก๋ง แถมให้ด้วย
และเมื่อชายในรถเก๋งวางหูโทรศัพท์ และเริ่มหันหน้ามา พร้อมสายตาเอาเรื่อง มองไปยังชายขับกระบะที่ยืนอยู่ ขณะที่ชายขับกระบะสายตา อ่อนโยนไปเยอะ แต่ก็ยังไม่ทันที่ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มบทสนทนา ก็มีเสียงผู้หญิงที่มากับรถกระบะ เดินมาแล้ว พูดว่า
" หมอคะ อย่ามีเรื่องกันเลย เมื่อสักครู่ทางผู้อำนวยการโทรมา บอกมีคิว รอให้คุณหมอไปสรุปนะคะ "
ชายในรถเก๋ง ได้ยินเช่นนั้น และมองไปที่ชายผู้ลงมาจากรถกระบะ รูปร่างสันทัน สายตาอ่อนโยน ใส่เสื้อแขนสั้นแม้จะมีลายตาสก๊อต แต่ก็เสียบเสื้อใส่รองเท้าหนังขัดมัน และผู้หญิงที่มาด้วยเรียกหมอ หรือว่า ... เขาจะเป็นหมอใหญ่ ได้ยินว่ามี ผู้อำนวยการรอคุยคิวด้วย คงจะหมอใหญ่เลยละ
จากอารมณ์ กะจะด่า ชายในรถเก๋ง ก็แย้มรอยยิ้มส่งให้ ทำให้ ชายจากรถกระบะจากที่หน้าตาเครียดแหยๆ ยิ้มให้เช่นกัน แล้ว ชายในรถเก๋งก็โบกมือทำนองว่า ไม่เป็นไรๆ ชายจากรถกระบะ ก็ยิ้มๆ พยักหน้า และ ค่อยๆเดินกลับไปที่รถของตน โดยที่ทั้งสองฝ่าย ดอกพิกุลไม่ร่วงแม้แต่คำเดียวก็แยกย้ายกัน
และ รถจากแถวสอง และ แถวสาม ยังเถียงกันไม่จบ ทำให้ กระบะ และ เก๋ง ซึ่งอยู่แถวแรกของสัญญาณไฟ ตัดสินใจ ออกรถแยกย้าย โดยด่วนที่สุด เพราะไม่ได้โดนชนกับเขา ทำให้คู่กรณีด้านหลัง จดทะเบียนก็ไม่ทัน กล้องหน้ารถก็ไม่มี และไม่มีกล้องจราจาแถวนั้นด้วย ฟิ้วว.. กระบะ และเก๋งสองคันต้นเหตุ หายลับไปกับสายลม
30 นาทีต่อมาหลังจากแยกย้ายกันมาจากไฟแดง รถเก๋งมาถึง สถานี วิทุยุ ครับ ชายที่ขับรถเก๋ง แกทำงานที่สถานีวิทยุ เป็นช่างควบคุมระบบเสียง Sound Engineer ครับ เขาไม่ใช่ตำรวจ
ชายจากรถเก๋ง เดินเข้าไปในสถานีคุยกับหัวหน้าขอไปธุระเดี๋ยวมา และจากนั้น ก็พาเด็กวัยรุ่น ขึ้นรถไฟฟ้า ซึ่งอยู่ด้านหลังสถานวิทยุ เพียงแค่สองสถานี และก็เดินอีกไม่ไกล ก็ถึงโรงเรียน วันนี้คือวัน มอบตัวนักศึกษา .... ชายผู้ขับรถเก๋งคุยกับเด็กชายว่า
"
ดีนะ เกือบไปแล้วเชียววันนี้ มีเรื่องกับพวกหมอ เงินเดือนเป็นแสน เส้นสายเยอะ มีเรื่องกันเราคงลำบาก โชคดี พ่อโบกมือมั่วๆ เขาก็เดินจากไป 555 "
ขณะที่ ชายจากรถเก๋ง พาลูกเดินไปตามทางจะไปมอบตัวในโรงเรียน ก็เหลือบไปเห็นกระบะคู่กรณี เลี้ยวรถเข้ามาจอด และ ชายรูปร่างสันทัด พร้อม สาวคนที่เคยเห็นที่แยกไฟแดง ก็ลงมาพร้อมกัน ทำให้ ชายจากรถเก๋ง รีบพาลูกหลบข้างเสาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเห็นว่า ชายจากรถกระบะ กับหญิงสาว ได้เดินลับตาไปแล้ว
ชายจากรถเก๋ง ถอนใจ ก่อนรีบพาลูกขึ้นกระไดไปตามทางเพื่อมอบตัว เพื่อให้รีบจบธุระโดยเร็วจะได้รีบๆไปจากโรงเรียน
ขณะเดียวกัน ณ ห้อง ผอ ของโรงเรียน ชายจากรถกระบะ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี มีน้ำเย็นเสิร์ฟให้ และ ผอ ของโรงเรียน ก็เดินมาและนั่งลง และ เริ่มคุยภาษาอีสาน กันอย่างถูกคอกับชายผู้ขับรถกระบะ จนจบการสนทนา ทั้งสามคน ผอ คนขับกระบะ และผู้หญิงต่างยิ้มแย้ม และ เริ่มบอกลากัน
ก่อนแยกกัน คนขับรถกระบะก็ มีแถมท้ายเล่าเรื่องให้ ผอ ฟังก่อนจากว่า
" วันนี้ผมเกือบมีเรื่องกับตำรวจที่พาคนร้ายไปสถานี มอบตัว
ดีนะ เขาโบกมือไม่เอาเรื่องผม ไม่งั้น คงไม่ได้ไปเล่นหมอลำให้ที่หมู่บ้าน ท่าน ผอ วันจันทร์หน้า กับ หมู่บ้านเมีย ผอ ในวันศุกร์กันเลยทีเดียว 555 "
จบละครับ
ขอให้สติ สถิตย์อยู่กับคุณ
May the สติ be with you
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน
Credit : Youtube
เวลาผมดูหนัง ตอนจบมักจะมีเพลงขึ้น
บางเพลงเกี่ยวกับหนังโดยตรง บางเพลงประกอบกับบางฉาก
อ่านเรื่องสั้นจบแล้ว ก็ฟังเพลงครับ
อาจรู้สึกว่าไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง แต่ ... จริงๆแล้วอาจจะเกี่ยวกันก็ได้
เรื่องสั้น : ดีนะ
เช้าวันพฤหัสหนึ่ง บนถนน การจราจรคับคั่ง และผู้คนหงุดหงิดบนถนนจำนวนมาก เพราะรถติด
และเมื่อไฟเขียวขึ้น รถกระบะที่อยู่เลนซ๊าย ขับเลี้ยวขวา ขณะที่ รถเก๋งอยู่เลนขวา ( เลนเลี้ยว ) ขับตรงไปทำให้ รถสองคัน เบรคกระทันหันก่อนจะชนกัน ทำเอารถคันข้างหลัง ที่อยู่แถวสอง เบรคกระทันหัน แล้วคันที่ตามมา คือ แถวสาม ของทั้งสองเลน ก็ชนะท้าย ทำให้รถ 4 คันหลัง เกิดการชนกัน เพราะ สองคันหน้า เบรคกระทันหัน ทำให้รถยิ่งติดหนักขึ้นไปอีก
ขณะที่รถที่โดนชน ลงไปดูความเสียหาย และ ต่อว่ารถคันข้างหลัง ซึ่งก็ต่อว่า ว่าทำไมเบรคกระทันหัน คือ รถคันที่สองกับสาม ของทั้งสองเลน เริ่มเถียงกันแบบติดพันและไม่ได้สนใจ รถสองคันแรกที่เบรคกระทันหันตัวต้นเหตุผลย
ขณะเดียวกัน ด้านรถสองคันแรก ก็มีความเคลื่อนไหว ชายขับรถกระบะเดินลงมา เป็นชายรูปร่างสันทัน ผิวเข้มแดด เขาเดินตรงไปหารถเก๋ง พร้อมเคาะกระจก ด้วยสีหน้าหาเรื่องเต็มที่ รถเก๋ง ค่อยๆลดกระจกที่ติดฟิลม์เข้มดำสนิทลง ภาพที่ชายจากรถกระบะเห็น ชายในรถเก๋งคือ ผู้ชายผมเกรียน ใส่เสื้อยืดคอกลม กางเกงสีน้ำตาลอ่อน ทำสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน และข้างๆคนขับมี เด็กชายวัยรุ่นลักษณะผอม จนเหมือนคนติดยา แต่ใส่ชุดนักศึกษานั่งมาด้วย
ก่อนที่ทั้งสองจะเปิดฉาก แลกเปลี่ยนคำพูดใดๆ มือถือของชายในรถเก๋งก็ดังขึ้น ทำให้เขารับโทรศัพท์ และ ชายที่มาจากรถกระบะ ก็เลยชะงัก
ชายในรถเก๋ง รับโทรศัพท์ ฟังเสียงจากปลายสายได้สักพัก ก็พูดว่า
" เออ รู้แล้ว ก็รีบอยู่ นี่รถชนกัน เดี๋ยวจะรีบไปที่สถานี แล้ว ก็พามันไปมอบตัว แค่นี้นะ "
ชายที่มาจากรถกระบะ ได้ยินบทสนทนาเช่นนั้น ถึงกับลังเล คำว่า สถานี และ มอบตัว ผมเกรียนๆ และใส่กางเกงสีน้ำตาลอ่อนเช่นนี้ และมีเด็กท่าทางผอมเกร็งเหมือนคนติดยามาด้วย
หรือว่า ... เขาจะเป็น ตำรวจ ชายที่ลงจากรถกระบะ ถึงกับตัดสินใจเด็ดเดี่ยวในใจทันทีเลยว่า จากที่ตั้งใจจะมาด่า เขาควรเปลี่ยนเป็น คำพูดประมาณนี้
" ขอโทษด้วยครับพี่ ผมผิดเอง ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ เดี๋ยวผมเรียกประกันมาเคลม รับผิดชอบทุกอย่าง " ชายผุ้ขับรถกระบะ นึกในใจและคิดว่า จะยกมือไหว้ ชายในรถเก๋ง แถมให้ด้วย
และเมื่อชายในรถเก๋งวางหูโทรศัพท์ และเริ่มหันหน้ามา พร้อมสายตาเอาเรื่อง มองไปยังชายขับกระบะที่ยืนอยู่ ขณะที่ชายขับกระบะสายตา อ่อนโยนไปเยอะ แต่ก็ยังไม่ทันที่ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มบทสนทนา ก็มีเสียงผู้หญิงที่มากับรถกระบะ เดินมาแล้ว พูดว่า
" หมอคะ อย่ามีเรื่องกันเลย เมื่อสักครู่ทางผู้อำนวยการโทรมา บอกมีคิว รอให้คุณหมอไปสรุปนะคะ "
ชายในรถเก๋ง ได้ยินเช่นนั้น และมองไปที่ชายผู้ลงมาจากรถกระบะ รูปร่างสันทัน สายตาอ่อนโยน ใส่เสื้อแขนสั้นแม้จะมีลายตาสก๊อต แต่ก็เสียบเสื้อใส่รองเท้าหนังขัดมัน และผู้หญิงที่มาด้วยเรียกหมอ หรือว่า ... เขาจะเป็นหมอใหญ่ ได้ยินว่ามี ผู้อำนวยการรอคุยคิวด้วย คงจะหมอใหญ่เลยละ
จากอารมณ์ กะจะด่า ชายในรถเก๋ง ก็แย้มรอยยิ้มส่งให้ ทำให้ ชายจากรถกระบะจากที่หน้าตาเครียดแหยๆ ยิ้มให้เช่นกัน แล้ว ชายในรถเก๋งก็โบกมือทำนองว่า ไม่เป็นไรๆ ชายจากรถกระบะ ก็ยิ้มๆ พยักหน้า และ ค่อยๆเดินกลับไปที่รถของตน โดยที่ทั้งสองฝ่าย ดอกพิกุลไม่ร่วงแม้แต่คำเดียวก็แยกย้ายกัน
และ รถจากแถวสอง และ แถวสาม ยังเถียงกันไม่จบ ทำให้ กระบะ และ เก๋ง ซึ่งอยู่แถวแรกของสัญญาณไฟ ตัดสินใจ ออกรถแยกย้าย โดยด่วนที่สุด เพราะไม่ได้โดนชนกับเขา ทำให้คู่กรณีด้านหลัง จดทะเบียนก็ไม่ทัน กล้องหน้ารถก็ไม่มี และไม่มีกล้องจราจาแถวนั้นด้วย ฟิ้วว.. กระบะ และเก๋งสองคันต้นเหตุ หายลับไปกับสายลม
30 นาทีต่อมาหลังจากแยกย้ายกันมาจากไฟแดง รถเก๋งมาถึง สถานี วิทุยุ ครับ ชายที่ขับรถเก๋ง แกทำงานที่สถานีวิทยุ เป็นช่างควบคุมระบบเสียง Sound Engineer ครับ เขาไม่ใช่ตำรวจ
ชายจากรถเก๋ง เดินเข้าไปในสถานีคุยกับหัวหน้าขอไปธุระเดี๋ยวมา และจากนั้น ก็พาเด็กวัยรุ่น ขึ้นรถไฟฟ้า ซึ่งอยู่ด้านหลังสถานวิทยุ เพียงแค่สองสถานี และก็เดินอีกไม่ไกล ก็ถึงโรงเรียน วันนี้คือวัน มอบตัวนักศึกษา .... ชายผู้ขับรถเก๋งคุยกับเด็กชายว่า
" ดีนะ เกือบไปแล้วเชียววันนี้ มีเรื่องกับพวกหมอ เงินเดือนเป็นแสน เส้นสายเยอะ มีเรื่องกันเราคงลำบาก โชคดี พ่อโบกมือมั่วๆ เขาก็เดินจากไป 555 "
ขณะที่ ชายจากรถเก๋ง พาลูกเดินไปตามทางจะไปมอบตัวในโรงเรียน ก็เหลือบไปเห็นกระบะคู่กรณี เลี้ยวรถเข้ามาจอด และ ชายรูปร่างสันทัด พร้อม สาวคนที่เคยเห็นที่แยกไฟแดง ก็ลงมาพร้อมกัน ทำให้ ชายจากรถเก๋ง รีบพาลูกหลบข้างเสาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเห็นว่า ชายจากรถกระบะ กับหญิงสาว ได้เดินลับตาไปแล้ว
ชายจากรถเก๋ง ถอนใจ ก่อนรีบพาลูกขึ้นกระไดไปตามทางเพื่อมอบตัว เพื่อให้รีบจบธุระโดยเร็วจะได้รีบๆไปจากโรงเรียน
ขณะเดียวกัน ณ ห้อง ผอ ของโรงเรียน ชายจากรถกระบะ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี มีน้ำเย็นเสิร์ฟให้ และ ผอ ของโรงเรียน ก็เดินมาและนั่งลง และ เริ่มคุยภาษาอีสาน กันอย่างถูกคอกับชายผู้ขับรถกระบะ จนจบการสนทนา ทั้งสามคน ผอ คนขับกระบะ และผู้หญิงต่างยิ้มแย้ม และ เริ่มบอกลากัน
ก่อนแยกกัน คนขับรถกระบะก็ มีแถมท้ายเล่าเรื่องให้ ผอ ฟังก่อนจากว่า
" วันนี้ผมเกือบมีเรื่องกับตำรวจที่พาคนร้ายไปสถานี มอบตัว ดีนะ เขาโบกมือไม่เอาเรื่องผม ไม่งั้น คงไม่ได้ไปเล่นหมอลำให้ที่หมู่บ้าน ท่าน ผอ วันจันทร์หน้า กับ หมู่บ้านเมีย ผอ ในวันศุกร์กันเลยทีเดียว 555 "
จบละครับ