SKINCARE กู้ผิวหลังจากสิวหาย
สวัสดีค่ะทุกคน ช่วงนี้หยกเป็นสิวจากการแพ้สกินแคร์ตัวนึง(ขอไม่บอกแบรนด์) ตอนนี้ได้รักษาจนหายแล้ว ซึ่งก็ยังเหลือร่องรอยสงครามจากสิวทิ้งไว้เต็มหน้าเลย แงแงTT ตอนนี้สกินแคร์ที่หยกใช้เลยจะเป็นสกินแคร์ที่เน้นในเรื่องของช่วยให้ผิวใส ลดรอยสิว วันนี้เลยอยากจะมารีวิวแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ดูกัน ถ้าใครพร้อมแล้วก็ไปดูกันได้เลยค่า
เริ่มกันที่ตัวแรก โทนเนอร์นั่นเองงงงง กับ
Neutrogena Alcohol Free Toner
ก่อนจะเริ่มทาสกินแคร์เราก็ต้องเช็ดโทนเนอร์กันก่อน เพื่อปรับสภาพผิวหลังล้างหน้า และทำความสะอาดให้หมดจรดอีกรอบค่ะ ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ที่ราคาถูกและดี ไม่มีแอลกอฮอล์ หยกใช้มานานมากกกก ใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนเลย เพราะน้องเค้าราคาถูกมากกกกกก(ราคาประมาณ100ปลายๆ-200) อ่อนโยน หยกใช้แล้วไม่แพ้ค่ะ
เนื้อของเค้าก็จะเป็นน้ำๆเลย ไม่เหนอะไม่ทิ้งความมันไว้ที่ผิว กลิ่นสดชื่นๆ อ่อนโยน เช็ดแล้วไม่แสบหน้า ปกติใช้บางตัวเช็ดจะมีอาการแสบๆแถวร่องจมูก ซึ่งตัวนี้ใช้แล้วไม่เป็นเลยค่ะ ชอบมากๆ
ตัวถัดมา ลูกรักที่หลายๆคนก็ชื่นชอบ ก็คือ
Biotherm life plankton essence
ตัวนี้หยกชอบมากกกก อยู่ในทุกกระทู้รีวิวของหยกเลย เป็นน้องน้ำตบแพลงค์ตอนตัวดัง เค้ามี LIFE PLANKTON 5% ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงสุดเท่าที่ Biotherm ใช้ในแบรนด์ เค้าเคลมมาว่าจะช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง สีผิวสม่ำเสมอ ริ้วรอยลดเลือน ผิวจะเรียบเนียน นุ่มชุ่มชื่น ยืดหยุ่น และช่วยปลอบประโลมผิวค่ะ
ตัวนี้ที่หยกใช้จะเป็นสูตรเดิม ไม่ใช่สูตร Clear นะคะ เนื้อของเค้าจะเป็นน้ำๆ แต่ไม่ได้เบาเหมือนน้ำเปล่า พอทาไปแล้วจะมีความหนึบที่ผิวเล็กน้อย ใช้ความชุ่มชื่นได้ดีมากๆ ส่วนตัวชอบสูตรนี้มากกว่าอีกสูตรค่ะ ใช้แล้วผิวฉ่ำดี
ตัวนี้มาอยู่ในสกินแคร์หลังสิวหายได้ เพราะว่าน้องเค้าช่วยในเรื่องของรอยแดงได้ค่ะ ช่วยปลอบประโลมผิวที่เจอยาสิวมาได้ดีมากๆด้วย ผิวหลังทายาสิวจะค่อนข้างแห้ง แดง และแสบ รวมทั้งอาจจะมีรอยแดง ผื่นแดง น้องคนนี้ช่วยได้ค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 สกินแคร์ที่หยกอยากจะแนะนำและบอกต่อมากๆ เพราะส่วนตัวใช้แล้วดีมากกกกกกก ช่วงที่ใช้แรกๆจะรู้สึกได้เลยว่าผิวดูดีขึ้น หน้าใสขึ้น พอใช้ไปนานๆก็เริ่มทรงๆ แต่ก็เลิกใช้ไม่ได้อยู่ดี ชอบมากๆ ใครที่สนใจอยากลองแนะนำซื้อขนาดเล็กมาลองก่อนนะคะ อาจจะมีบางคนแพ้ค่ะ
ตัวถัดมา เป็นคู่หูตัวเด็ดที่จะช่วยในเรื่องรอยสิว ทั้งรอยดำรอยแดง จุดด่างดำ รวมทั้งช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นได้ด้วยค่ะ ก็คือ innisfree brightening pore serum และ innisfree brightening pore spot treatment สองตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์จากไลน์เดียวกัน ใช้คู่กันแล้วเวิคมากๆค่ะ
ตัวแรก
innisfree brightening pore serum
เป็นเซรั่ม เนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ประกอบด้วย 10.1% ของวิตามินทั้ง 3 ชนิด (B3, C, B5) และสารสกัดจากเปลือกส้มฮัลลาบง เน้นช่วยในเรื่องของฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้ผิวกระจ่างใส ดูเรียบเนียน ให้สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น
บรรจุภัณฑ์เป็นฝาหมุนๆ ที่พอหมุนเปิดแล้วตัวปั้มจะเด้งขึ้นมา เพื่อดูดเซรั่มในปริมาณที่พอเหมาะต่อการใช้ 1 ครั้ง ขึ้นมาค่ะ เนื้อเป็นน้ำที่ค่อนข้างบางเบา ซึมง่าย ให้ความชุ่มชื่นได้ดี โดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้ ถือว่าเป็นเนื้อที่ดีเลยค่ะ
ผลหลังการใช้คือช่วยเรื่องรอยสิวได้ดีมากๆ ผิวดูใสขึ้น สีผิวสม่ำเสมอเรียบเนียนมากขึ้น เนื้อดี บางเบาทำให้ทาได้ทั้งเช้าและก่อนนอน ไม่ทำให้ผิวมันเพิ่ม แต่งหน้าต่อไม่เป็นคราบ ชอบมากค่ะ
ถัดมา
innisfree brightening pore spot treatment
ตัวนี้เป็น spot treatment สำหรับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของจุดด่างดำเป็นพิเศษ เหมาะกับผิวหน้าของเราที่เพิ่งจะผ่านการเป็นสิวอย่างหนักหน่วง มีแต่รอยสิวเต็มหน้ามากๆค่ะ ประกอบไปด้วยสารสกัดเดียวกับตัวเซรั่ม ก็คือวิตามินทั้ง 3 ชนิด (B3, C, B5) และสารสกัดจากเปลือกส้มฮัลลาบง เน้นช่วยในเรื่องของฝ้า กระ จุดด่างดำ เนื้อมีความยืดหยุ่น ช่วยเคลือบปกป้องผิวได้
เนื้อของเค้าจะเป็นสีขาวๆแบบนี้เลยค่ะ ดูเหมือนจะหนัก แต่ความเป็นจริงคือบางเบามาก พอเกลี่ยแล้วก็แตกตัวซึมเข้าผิวไปได้อย่างง่ายดายเลย ให้ความชุ่มชื่นได้ดีกว่าตัวเซรั่มค่ะ
วิธีใช้ก็คือทาให้ทั่วบริเวณที่ผิวมีปัญหา ใช้ร่วมกันกับตัวเซรั่มบอกเลยว่าเห็นผลชัดเจนมากๆในเรื่องของรอยสิว ใครที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วนจากปัญหาจุดด่างดำและความกระจ่างใสแนะนำคู่นี้เลยค่ะ
โดยปกติหยกก็จะทาเรียงตามลำดับ ก็คือทาตัวserumก่อน แล้วตามด้วยตัวspot แต่ถ้าหากเป็นช่วงเช้าหรือเวลาที่เร่งรีบ ก็จะผสมตัวเซรั่มกับสปอตทรีทเม้นท์ในอัตราส่วน 1:1 แล้วทาให้ทั่วผิวหน้าเลย เพื่อความไวและสะดวก และยังให้ผลที่ดีเหมือนเดิมค่ะ
หากเป็นในช่วงเช้าหยกจะทาแค่นี้เลยค่ะ เพราะเป็นคนผิวมันมากและต้องแต่งหน้าต่อ หากทาเยอะกว่านี้อาจจะเกิดการเมือกและเครื่องสำอางเป็นคราบได้ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน หยกจะทาตัวต่อไปเพิ่มอีกตัวเพื่อความชุ่มชื่น เพราะผิวที่ทายารักษาสิวมาบางทีอาจมีอาการแห้ง และแสบบริเวณแถวปีกจมูกและมุมปากได้ค่ะ
น้องคนนี้ก็คือ
clarins double serum ตัวดัง
น้องเค้าเป็น oil กับ serum ค่ะ ตามชื่อเลยคือมีทั้งออยล์และเซรั่ม เป็นออยล์ในแบบที่คนผิวมันใช้ได้ ใช้เป็นประจำช่วยในเรื่องของริ้วรอยได้ค่ะ ให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ชุ่มชื่น
ใน 1 ปั้มที่กดมาก็จะมีทั้งเนื้อออยล์และเซรั่มแบบในภาพเลยค่ะ ถูวนแล้วก็จะซึมเข้าผิวไป เหลือสัมผัสของออยล์เคลือบผิวไว้นิดหน่อย ชุ่มชื่นดีมากๆ ที่เด็ดเลยคือกลิ่นค่ะ กลิ่นหอมมาก ใช้แล้วผ่อนคลายสุดๆ ฟินมาก
อย่างที่บอกเลยว่าน้องเป็นออยล์ที่คนผิวมันแบบหยกใช้ได้ ไม่มันมากจนเกินไป ให้ความชุ่มชื่นได้ดี เคลือบผิวได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหยกจะไม่ทาช่วงกลางวันเด็ดขาด ใช้ทาเฉพาะกลางคืน ช่วยในเรื่องของผิวที่แห้งแสบบริเวณมุมปากและข้างจมูกได้ดีมากๆค่ะ
นี่คือบีฟอร์-อาฟเตอร์ที่หยกถ่ายเก็บไว้ หลังจากใช้สกินแคร์ที่รีวิวไปทั้งหมดนี้เป็นเวลา 3 อาทิตย์ จะเห็นได้เลยว่าผิวดูเรียบเนียนขึ้น กระจ่างใสขึ้น รอยสิวและจุดด่างดำจางลงมากๆ บางรอยคือหายไปเลย ซึ่งต้องบอกก่อนว่ารอยส่วนมากเป็นรอยที่เกิดขึ้นใหม่เลยจะหายได้ง่ายและไวกว่ารอยเก่าๆที่เกิดมานานแล้วค่ะ
ยังไงถ้าใครกำลังมีปัญหาเดียวกัน ก็แนะนำมากๆเลยนะคะกับสกินแคร์ทั้งหมดที่รีวิวไปในวันนี้ ส่วนตัวหยกใช้แล้วได้ผลดีมากๆเลยอยากมาบอกต่อค่ะ สำหรับวันนี้ต้องไปก่อนแล้ว บ๊ายบายค่า
[CR] Review สกินแคร์กู้ผิวหลังจากสิวหาย (เน้นผิวใส, ลดรอยสิว)
ก่อนจะเริ่มทาสกินแคร์เราก็ต้องเช็ดโทนเนอร์กันก่อน เพื่อปรับสภาพผิวหลังล้างหน้า และทำความสะอาดให้หมดจรดอีกรอบค่ะ ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ที่ราคาถูกและดี ไม่มีแอลกอฮอล์ หยกใช้มานานมากกกก ใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนเลย เพราะน้องเค้าราคาถูกมากกกกกก(ราคาประมาณ100ปลายๆ-200) อ่อนโยน หยกใช้แล้วไม่แพ้ค่ะ
ตัวนี้หยกชอบมากกกก อยู่ในทุกกระทู้รีวิวของหยกเลย เป็นน้องน้ำตบแพลงค์ตอนตัวดัง เค้ามี LIFE PLANKTON 5% ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงสุดเท่าที่ Biotherm ใช้ในแบรนด์ เค้าเคลมมาว่าจะช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง สีผิวสม่ำเสมอ ริ้วรอยลดเลือน ผิวจะเรียบเนียน นุ่มชุ่มชื่น ยืดหยุ่น และช่วยปลอบประโลมผิวค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 สกินแคร์ที่หยกอยากจะแนะนำและบอกต่อมากๆ เพราะส่วนตัวใช้แล้วดีมากกกกกกก ช่วงที่ใช้แรกๆจะรู้สึกได้เลยว่าผิวดูดีขึ้น หน้าใสขึ้น พอใช้ไปนานๆก็เริ่มทรงๆ แต่ก็เลิกใช้ไม่ได้อยู่ดี ชอบมากๆ ใครที่สนใจอยากลองแนะนำซื้อขนาดเล็กมาลองก่อนนะคะ อาจจะมีบางคนแพ้ค่ะ
เป็นเซรั่ม เนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ประกอบด้วย 10.1% ของวิตามินทั้ง 3 ชนิด (B3, C, B5) และสารสกัดจากเปลือกส้มฮัลลาบง เน้นช่วยในเรื่องของฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้ผิวกระจ่างใส ดูเรียบเนียน ให้สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น
ตัวนี้เป็น spot treatment สำหรับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของจุดด่างดำเป็นพิเศษ เหมาะกับผิวหน้าของเราที่เพิ่งจะผ่านการเป็นสิวอย่างหนักหน่วง มีแต่รอยสิวเต็มหน้ามากๆค่ะ ประกอบไปด้วยสารสกัดเดียวกับตัวเซรั่ม ก็คือวิตามินทั้ง 3 ชนิด (B3, C, B5) และสารสกัดจากเปลือกส้มฮัลลาบง เน้นช่วยในเรื่องของฝ้า กระ จุดด่างดำ เนื้อมีความยืดหยุ่น ช่วยเคลือบปกป้องผิวได้
หากเป็นในช่วงเช้าหยกจะทาแค่นี้เลยค่ะ เพราะเป็นคนผิวมันมากและต้องแต่งหน้าต่อ หากทาเยอะกว่านี้อาจจะเกิดการเมือกและเครื่องสำอางเป็นคราบได้ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน หยกจะทาตัวต่อไปเพิ่มอีกตัวเพื่อความชุ่มชื่น เพราะผิวที่ทายารักษาสิวมาบางทีอาจมีอาการแห้ง และแสบบริเวณแถวปีกจมูกและมุมปากได้ค่ะ
น้องคนนี้ก็คือ clarins double serum ตัวดัง
น้องเค้าเป็น oil กับ serum ค่ะ ตามชื่อเลยคือมีทั้งออยล์และเซรั่ม เป็นออยล์ในแบบที่คนผิวมันใช้ได้ ใช้เป็นประจำช่วยในเรื่องของริ้วรอยได้ค่ะ ให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ชุ่มชื่น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้