แม่น้ำที่คดเคี้ยวโดยธรรมชาติ

 Alatna


แม่น้ำ Alatna เป็นหนึ่งในแม่น้ำที่มีลักษณะเส้นทางเป็นป่าและทิวทัศน์ ในรัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการดูแลโดยรัฐบาล ซึ่งบางส่วนอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติ Gates of the Arctic National Park ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางแม่น้ำที่สวยที่สุดในประเทศ โดยแม่น้ำแห่งนี้มีต้นกำเนิดมาจากกลางเทือกเขาบรูคส์ ก่อนที่จะไหลผ่านเทือกเขาคอตต์ และวงกลมทะเลสาบ Peaks Arrigetch และ Takahula มาจนถึงเทือเขา  Helpmeja และปลายแม่น้ำไหลมาบรรจบกับแม่น้ำ Koyukuk  

ลักษณะเส้นทางของแม่น้ำ Alatna นั้น 40 กิโลเมตรแรก จะมีลักษณะเป็นน้ำตื้น เต็มไปด้วยหิน ในระยะ 24 กิโลเมตรต่อมา จะมีลักษณะเป็นแก่งและมีน้ำเชี่ยวกราก จากนั้นน้ำจะไหลออกสู่ทะเลสาบ Takahula และทะเลสาบ Circle ที่มีความลึกมากขึ้นและมีความเลี้ยวลดคดเคี้ยว ตามลักษณะของภูมิแระเทศที่มีทั้งทิวเขา เนินเขาไปสู่ทุ่งหญ้าที่ผืนป่า โดยแม่น้ำแห่งนี้มีความยาวทั้งหมด 296 กิโลเมตร

แม่น้ำแห่งนี้เป็นที่นิยมในด้านการท่องเที่ยวด้วยการล่องเรือไปตามเส้นทางแม่น้ำที่เงียบสงบและมีทิวทัศน์อันงดงามตลอดการเดินทาง โดยปกติแล้วจะใช้เวลาในการล่องเรือตั้งแต่ 4-10 วัน ขึ้นอยู่กับจุดขึ้นเรือและจุดลงเรือรวมถึงสภาพอากาศ ส่วนไฮไลท์เด็ดของการล่องเรือคือวิวทิวทัศน์ของเส้นทางแม่น้ำระหว่างทุ่งหน้าเรียบเนินเขาที่ให้มุมมองกว้างไกล และจุดแวะชมบริเวณทะเลสาบต่างๆทั้งหมด 3 แห่ง
ที่มา amusingplanet.com
Cr. https://travel.thaiza.com/foreign/390574/

Rapa (Rapatno) 


แม่น้ำ Rapa (Rapatno) มีเส้นทางไหลผ่านอุทยานแห่งชาติ Sarek ที่มีเส้นทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวผ่านทิวเขาอันงดงามและหุบเขาแคบ ๆ ตั้งอยู่ทางเหนือของ Norrland ใน Norrbotten County ประเทศสวีเดน โดยแม่น้ำ Rapa แยกสาขามาจากแม่น้ำ Lesser Lule ที่ทอดตัวยาวกว่า 75 กิโลเมตร จากแหล่งกำเนิดจากธารน้ำแข็ง Sarektjkk ไปสู่ปากทะเลสาบ Laitaure และไหลผ่านหุบเขายาว 35 กิโลเมตร โดยแม่น้ำ Rapa มีความสำคัญเปรียบดั่งหลอดเลือดแดงของอุทยานแห่งชาติ Sarek

แม่น้ำ Rapa มีการไหลของแม่น้ำมหาศาล โดยแม่น้ำมีสีออกสีเขียวครามซึ่งมาจากการละลายของธารน้ำแข็งนั่นเอง โดยจุดเด่นของแม่น้ำแห่งนี้คือบริเวณที่แม่น้ำมาบรรจบกันเรียกว่า “สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ” จนได้ขื่อว่าเป็นสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่สวยงามที่สุดในสแกนดิเนเวีย ซึ่งแม่น้ำจะไหลเลี้ยวลดคดเคี้ยวราวกับต้นไม้แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปจนเกิดเป็นภาพเส้นทางแม่น้ำที่สวยงาม

การชมภาพเส้นทางของแม่น้ำ Rapa ที่สวยงามที่สุดคือการนั่งเฮลิคอฟเตอร์ชมเส้นทางน้ำจากมุมสูงเหนือพื้นดินซึ่งจะทำให้เห็นทั้งสาขาที่แม่น้ำแบ่งตัวออกไปและไหลโค้งไปตามเส้นทางของทิวเขา ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของท้องฟ้าสีสดใส หรือถ้าใครไม่สามารถเก็บภาพจากเฮลิคอปเตอร์ก็สามารถใช้ “โดรน” เพื่อบินสำรวจในมุมมองสูงก็จะได้ภาพที่สวยงามเช่นกัน
ที่มา amusingplanet.com
Cr.https://travel.thaiza.com/amaze/441566/

 Odeleite River


นี่คือภาพของแม่น้ำที่มีชื่อว่า Odeleite River (แม่น้ำโอเดลีท) เป็นแม่น้ำที่มีต้นกำเนิดมาจากแม่น้ำ Serra de Caldeirao มีขนาดใหญ่และกว้างขวาง ความพิเศษของแม่น้ำแห่งนี้ก็คือ เมื่อเรามองจากมุมสูงจะเห็นรูปร่างของแม่น้ำแห่งนี้คล้ายกับ มังกรจีนตัวยาว ที่กำลังเลื้อยคดเคี้ยวไปมา สวยงามราวกับภาพวาดที่น่าอัศจรรย์มากๆ

ด้วยรูปร่างที่ดูเหมือนมังกรเช่นนี้ทำให้แม่น้ำโอเดลีท ได้รับฉายาว่า Blue Dragon หรือมังกรสีน้ำเงิน จัดว่าเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่สวยอัศจรรย์ที่สุดในโลก ก่อนหน้านี้เคยมีการแชร์ภาพของแม่น้ำแห่งนี้กันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะชาวจีนที่เชื่อกันว่าจะทำให้โชคดี

ความเชื่อระหว่างชาวจีนและสัตว์ในเทพนิยายอย่างมังกรนั้นมีมายาวนานเป็นเวลานับพันปี ตั้งแต่สมัยยังปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ ทั้งนี้เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่า มังกรเป็นตัวแทนของความมีพลัง ความแข็งแกร่ง และโชคลาภ
ภาพจาก : brightside
ที่มา:http://www.xn--12c1bij4d1a0fza6gi5c.com/แม่น้ำ-odeleite-ฉายา-blue-dragon-หนึ่งในแม่น้ำที่สวยอัศจรรย์ที่สุดในโลก.html
Cr.https://board.postjung.com/943159 / โพสท์โดย ิทาสแมว

โคโลราโด


แม่น้ำโคโรราโดมีความยาวกว่า 2,330 กิโลเมตร ในช่วงฤดูแล้งจะมีน้ำไหลผ่านประมาณ  570 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนฤดูที่น้ำหลากจะมีอัตราการไหลอยู่ที่ 28,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีอุณหภูมิคงที่อยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส  เป็นแม่น้ำที่มีขนาดใหญ่มากตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ของสหรัฐอเมริกา และตะวันตกเฉียงเหนือของ เม็กซิโก รัฐที่ไหลผ่าน ได้แก่ Colorado, Utah, Arizona , Nevada, California , Baja California และ Sonora
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้แม่น้ำแห่งนี้มีร่องหินที่สวยงามคดเคี้ยวไปมา เพราะว่าน้ำในแม่น้ำไหลผ่านด้วยความเร็วประมาณ 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  เส้นทางของแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวและคดเคี้ยวที่สุดในโลกที่มากกว่า 160 เส้นทาง และใช้ระยะเวลาในการเดินทางสามารถอยู่ได้เป็นเวลาหนึ่งถึง 25 วัน

และสายน้ำแห่งนี้ถือเป็นจุดกำเนิดสำคัญของแกรนด์แคนยอน โดยแม่น้ำโคโลราโดได้กัดเซาะแกรนด์แคนยอนมาตลอดระยะเวลาหลายร้อยพันปีที่ผ่านมา และกลายเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้ออกเดินทางเพื่อไปยลโฉมความงดงามของประติมากรรมบนแม่น้ำสายนี้กันเป็นจำนวนมาก 
 ที่มา : http://www.lonelyplanet.com/adventure-travel/best-of-adventure-travel/content/travel-tips-and-articles/the-best-of-the-colorado-river-one-step-pedal-or-stroke-at-a-time          
Cr.https://www.gsbgen.com/smartgen/44851/
Cr.http://www.urbanbox.in.th/12418/

ญอเกว๊


แม่น้ำญอเกว๊ ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนาม แม่น้ำญอเกว๊ ที่คดเคี้ยวเหมือนเส้นด้ายสีเขียวที่ทอดยาวมาจากตอนเหนือของสรวงสวรรค์ ความยาวของแม่น้ำมีกว่า 192 กิโลเมตร แม่น้ำสายนี้ทอดยาวไปทั่วแถบที่ดินในประเทศเวียดนามและไหลผ่านภูเขาหินปูนลาดชันของระบบธรณีวิทยา ด้วยการสร้างกระแสน้ำเชี่ยวกับแก่งสีขาวมากมายให้เกิดแทรกอยู่ตามระหว่างหุบเขาที่ซ่อนอยู่ระหว่างภูเขา, ภูเขาสีเงิน, เมือง Ha Giang ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ได้สร้างภูมิทัศน์ตามธรรมชาติที่เหมือนฝันอันงดงามขึ้นมา

แม่น้ำที่สวยที่สุดในภูมิภาคดอกไม้นี้มาจากภูเขา Nghiem Son จังหวัดยูนนานประเทศจีน ด้วยความสูงที่ 1,800 เมตรไหลไปทางตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ของแม่น้ำไหลผ่านถิ่นทุรกันดารที่เป็นภูเขา ชุมชนลุงกู, ดงวาน, จังหวัด Ha Giang และไหลเข้าประเทศเวียดนาม 

แม่น้ำญอเกว๊มีสีฟ้าอมเขียวสวยงาม ที่ส่องผ่านผืนป่าเขียวขจีเกือบทุกฤดูของปี สายน้ำที่ดุร้ายแต่อ่อนโยนเพราะในแม่น้ำยังมีความงดงามประกอบกับบรรดาดอกไม้ตามหุบเขาที่ขึ้นมาให้เกิดทิวทัศน์อันอ่อนโยน
ที่มา asiatouradvisor.com
Cr.ภาพ https://vietnam.travel/things-to-do/ha-giang-loop-four-day-road-trip
Cr. https://travel.thaiza.com/foreign/462211/

The Saar Loop


The Saar Loop คือเวิ้งแม่น้ำซาร์ทรงโค้งคล้ายเกาะกลางถนนในจุดยูเทิร์นรถ ตั้งอยู่ที่ภูเขา Vosges ชายแดนเมือง Alsace และ Lorraine ประเทศฝรั่งเศส ทิศทางน้ำไหลจากทางเหนือของฝรั่งเศสไปสู่เยอรมันตะวันตกบรรจบที่แม่น้ำ Mosel ระหว่างทางแม่น้ำจะมีจุดที่เปนไฮไลท์เด็ดคือช่วงหักโค้งหักศอกของแม่น้ำที่มีความคดเคี้ยวมากนั่นเอง

The Saar Loop มีลักษณะเป็นโค้งหักศอกรูปตัวยู ตรงกลางเป็นภูเขาคล้ายเกาะกลางทะเล มีป่าไม้ขึ้นอย่างชุกชุม เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง เวิ้งน้ำนี้มีความคล้ายกับ Horse Shoe Bend ในแอริโซนา เพียงแต่ว่าไม่ใช่หินทรายและไม่ได้เป็นเหวลึกมาก เพราะล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ทั้งหมด ที่จะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล
ฤดูฝนก็จะมีสีเขียวชอุ่มดูชุ่มชื้น ช่วงฤดูใบไม้ร่วงและบไม้ผล ป่าไม้ก็จะเปลี่ยนสีเป็นสีส้มสีเหลือง สร้างความรู้สึกหลายอารมณ์แม้จะเป็นสถานที่เดียวกัน และเมื่อบริเวณดักล่าวมีอุณภมิลดลง สายหมอกทั้งหลายก็จะออกันอยู่บริเวณเหนทอแม่น้ำและเหนือป่าไม้ สร้างความงดงามให้กับธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์
การเดินทางเข้าไปเที่ยวที่นี่ต้องใช้เรือเพื่อล่องผ่านแม่น้ำ และเมื่อถึงไฮไลท์เด็ดบริเวณ The Saar Loop นักท่องเที่ยวจะได้พบกับเส้นทางเดินเรือสุดคดเคี้ยวแบบโค้งหักศอก ถือเป็นสถานที่สุดพิเศษอีกแห่งหนึ่งของเมือง
ที่มา amusingplanet.com
Cr.ภาพ https://rossaprimavera.ru/
Cr.https://travel.thaiza.com/foreign/349828/

Amazon River


 "แอมะซอน" เป็นทั้งชื่อของแม่น้ำสายยาวคดเคี้ยวและป่าฝนเขตร้อนผืนใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งหากผนวกเข้ากับอาณาเขตของแม่น้ำสาขาอีกกว่า ๑,๑๐๐ สายกลายเป็นลุ่มแม่น้ำแอมะซอนแล้ว จะมีพื้นที่รวมประมาณ ๖.๗๔ ล้านตารางกิโลเมตรหรือราวๆ ๑ ใน ๓ ของทวีปอเมริกาใต้

ลุ่มแม่น้ำแอมะซอนครอบคลุมพื้นที่ ๙ ประเทศ โดยส่วนใหญ่อยู่ในเขตประเทศบราซิล (ร้อยละ ๖๗.๐) รองลงมาเป็นเปรู (ร้อยละ ๑๔.๓) โบลิเวีย โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เวเนซุเอลา กายอานา ซูรินาเม และเฟรนซ์เกียนา ตามลำดับ

ต้นกำเนิดของแม่น้ำแอมะซอนอยู่ในประเทศเปรูบนเทือกเขาแอนดีสทางฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ และทอดตัวลัดเลาะผืนป่าทึบไหลออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกที่ประเทศบราซิล รวมระยะทางประมาณ ๖,๔๐๐ กิโลเมตร ยาวเป็นอันดับ ๒ รองจากแม่น้ำไนล์ของทวีปแอฟริกา แต่ปล่อยน้ำจืดลงสู่มหาสมุทรในปริมาณมากที่สุดในโลก

น้ำที่หมุนเวียนอยู่ในลุ่มแม่น้ำแอมะซอนคิดเป็นร้อยละ ๑๕ – ๑๖ ของน้ำจืดทั่วโลก การไหลของมันช่วยพัดพาตะกอนดินและแร่ธาตุไปเติมความอุดมสมบูรณ์ ให้แก่พื้นที่สองฝั่งแม่น้ำ ดินดอนปากแม่น้ำ และระบบนิเวศชายฝั่งมากถึง ๑.๒ ล้านตันต่อปี   หากยึดตัวเลขการคาดประมาณที่ว่า โลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิต ๑๒.๕ ล้านชนิดพันธุ์ ป่าแอมะซอนก็เป็นบ้านหลังใหญ่สำหรับ ๑ ใน ๑๐ ของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่พบทั่วโลก

นับถึงปัจจุบัน ยอดรวมการค้นพบสิ่งมีชีวิตในป่าแอมะซอนที่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์แล้วเป็นดังนี้ : พืช ๔๐,๐๐๐ ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ๔๒๗ ชนิด นก ๑,๓๐๐ ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน ๓๗๘ ชนิด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมากกว่า ๔๐๐ ชนิด ปลาน้ำจืดอีกมากกว่า ๓,๐๐๐ ชนิด และแมลงราว ๒.๕ ล้านสายพันธุ์ ถือเป็นสุดยอดของความหลากหลายทางชีวภาพที่ไม่มีพื้นที่ธรรมชาติใดใดเทียบเคียง

นอกจากนี้ ป่าฝนเขตร้อนแอมะซอนยังมีบทบาทสำคัญต่อชั้นบรรยากาศโลก เพราะเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนประมาณ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ของที่หมุนเวียนอยู่ทั่วโลก  สิ่งที่คุกคามป่าแอมะซอนมากที่สุดคือการตัดไม้ทั้งที่ถูกกฎหมายและลักลอบตัด มีรายงานว่าช่วงปี ค.ศ. ๒๐๐๒–๒๐๐๗ การตัดไม้เฉพาะในเขตประเทศบราซิล ทำให้พื้นที่ป่าแอมะซอนหายไปวันละ ๕๒ ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว
ที่มา  https://myfreezer.wordpress.com/2011/01/14/superb-amazon/
Cr. http://www.digitalschool.club/digitalschool/social1_1_1/social3_5/lesson5_3/page4.php

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่