หากพูดถึงการแข่งฟุตบอลรายการใหญ่ที่น่าตื่นตาตื่นใจคงหนีไม่พ้นการแข่งขัน Uefa Champions League การแข่งขันฟุตบอลระหว่างสโมสรต่าง ๆ ในยุโรปเพื่อชิงความเป็นสโมสรที่ถือได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุดในปีนั้น ๆ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเมื่อครั้งอดีตเคยมือสโมสรเล็ก ๆ นอกสายตาทีมนึงขึ้นมาหักปากกาเซียนในยุคนั้นและล้มสโมสรต่าง ๆ และสามารถคว้าแชมป์ European Cup 2 สมัยติดต่อกัน (Uefa Champions League ในปัจจุบัน) ซึ่งเกิดขึ้น ช่วงปี 1978-79 , 1979-1980 ทีมนั้นคือ “น็อตติ้งแฮมฟอเรสต์” และเบื้องหลังของความสำเร็จในการคว้าเจ้ายุโรป 2 สมัยของเจ้าป่าก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเหนือไปจากยอดผู้จัดการทีมชาวอังกฤษที่ถูกยกย่องในฐานะตำนานกุนซือแห่งน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์นามว่า “ไบรอัน ฮาวเวิร์ด คลัฟ”
.
ไบรอัน คลัฟ เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งกับ Middlesbrough ยอดทีมจาก North Yorkshire และต่อมาได้ย้ายไปอยู่กับ Sunderland ตลอดการค้าแข้งกับทั้งสองสโมสรเขาลงฟาดแข้งไปทั้งหมด 296 นัดและซัดไป 267 ประตู รวมถึงถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ไป 2 นัด ในวัยเพียงแค่ 29 ปี คลัฟตัดสินใจแขวนสตั้ดเนื่องจากอาการบาดเจ็บacl (อาการของเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าฉีกขาด) หลังจากนั้นไม่นาน Sunderland มอบโอกาสในการคุมทีมเยาวชนของสโมสรซึ่งคลัฟได้คุมทีมเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะรับงานคุมทีม Hartlepools United ประโยคแรกที่คลัฟพูดเมื่อไปถึงสโมสรคือ ฉันไม่ชอบที่นี่เอาซะเลย (I don’t fancy the place) เขาผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีมหลังจากเลิกเล่นไปเพียงปีเดียวโดยในขณะนั้นที่ตนเองมีอายุเพียง 30 ปี ทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการที่อายุน้อยที่สุดในลีก หลังจากรับงานคุมทีมคลัฟติดต่อเพื่อนสนิทสมัยค้าแข้งที่ Middlesbrough และผู้ช่วยคู่บุญอย่าง ปีเตอร์ เทย์เลอร์ มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทันทีซึ่งสโมสร ณ เวลานั้นกำลังอยู่ในสถาการณ์ที่ย่ำแย่ด้านทั้งผลงานและสถานะการเงินของทีม
.
จากที่ดิ้นรนวนเวียนอยู่ท้ายตารางมาหลายปี คลัฟพา Hartlepools จบในอันดับที่8 ก่อนที่ในปี 1967 เขาได้ย้ายไปคุมทีม Derby County ที่อยู่ใน Division 2 (ลีค Championship ในปัจจุบัน) โทรฟี่เดียวที่สโมสรเคยครอบครองต้องย้อนไปถึงปี 1946 ที่สโมสรคว้าแชมป์ FA Cup มาครอง ปีแรกในการเข้ามาคุมทีมของคลัฟเขาพาทีมจบต่ำกว่าฤดูกาลก่อนแต่เขาได้วางรากฐานใหม่ให้สโมสรรวมถึงการซื้อนักเตะใหม่เข้าร่วมทีมและขายนักเตะเก่าออก เพียงหนึ่งฤดูกาลหลังจากนั้นคลัฟพา Derby เลื่อนขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดของตารางด้วยตำแหน่งแชมป์และไร้พ่ายยาวนานถึง 22 เกมติดต่อกัน
.
ในฤดูกาล 1969-70 ปีแรกที่คลัฟพา Derby County ขึ้นมาลีกสูงสุดของอังกฤษเขาพาทีมจบอันดับที่สี่ ถัดมาเพียงสองฤดูกาลในปี 1971-72 คลัฟสามารถพาทีมผงาดคว้าแชมป์ First Division (Premier League ในปัจจุบัน) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร รวมถึงพาทีมไปเตะบอลถ้วยยุโรปและไปไกลได้ถึงรอบรองชนะเลิศก่อนที่จะไปพ่าย Juventus ยอดทีมจากอิตาลีด้วยสกอร์รวม 3-1 อย่างน่าเสียดาย ในฤดูกาลต่อมาทั้งตัวคลัฟเองและผู้ช่วยอย่าง ปีเตอร์ เทย์เลอร์ ต้องการลาออกจากทีม โดยเหตุผลหลัก ๆ มาจากการไม่ลงรอยและความเห็นที่ไม่ตรงกันกับประธานสโมสร ณ ขณะนั้นอย่าง แซม ลองสัน เพียงแค่สองอาทิตย์ให้หลังออกจากทีมคลัฟย้ายมาคุม Brighton And Hove Albion ที่ในตอนนั้นอยู่ Division Three (League One ในปัจจุบัน) คลัฟอยู่กับทีมจากทางแดนใต้ได้ไม่ถึงปีและทำผลงานได้ค่อนข้างแย่ด้วยการจบอันดับ 19 ของลีก ในกรกฎาคม 1974 ดอน เลวี่ บรมกุนซือของ Leeds United ยอดทีมของเกาะอังกฤษในยุคนั้นตัดสินใจรับงานคุมทีมชาติอังกฤษ คลัฟจึงตัดสินใจไปจากทีมเพื่อไปคุมบิ้กทีมอย่าง Leeds United เขาดำรงตำแหน่งได้เพียงแค่ 44 วันก่อนที่จะถูกสโมสรไล่ออก เหตุเพราะไบรอัน คลัฟ ทำผลงานการคุมทีมได้อย่างย่ำแย่ด้วยการชนะเพียงนัดเดียวจากแปดนัด สาเหตุส่วนนึงมาจากการที่ตัวของคลัฟเองไม่ลงรอยกับอดีตกุนซืออย่าง ดอน เลวี่ ที่เปรียบเสมือนกับพ่อแท้ ๆ ของบรรดาเหล่านักเตะ Leeds โดยเฉพาะกับสตาร์ดังของสโมสรอย่าง จอห์นนี่ ไจลส์ , นอร์แมน ฮันเตอร์ และ บิลลี่ เบรมเนอร์ ที่ไม่ยอมรับในตัวเขาเหตุเนื่องจากสมัยที่คลัฟสมัยคุมทีม Derby County เขาเคยวิจารณ์ออกสื่อถึงการเล่นที่สกปรกและรุนแรงของบรรดานักเตะ Leeds United
.
สามเดือนให้หลัง ในช่วงต้นปี 1975 คลัฟกลับเข้าสู่วงการฟุตบอลอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาไปรับงานคุมทีม ”เจ้าป่า” Nottingham Forest ที่กำลังแข่งขันอยู่ใน Division Two ขณะนั้นเช่นเดียวกับตอนที่คลัฟรับงานคุม Derby County
เขาเข้ามารับช่วงต่อจาก Allan Brown ในช่วงกลางฤดูกาลและพาทีมจบอันดับ 16 ของลีกรองอังกฤษ ในฤดูกาลถัดมาจากการกลับมาของคู่ซี้อย่าง ปีเตอร์ เทย์เลอร์ ช่วยให้ทีมทำผลงานดีขึ้นและจบในอันดับที่ 8 ต่อมาที่ฤดูกาล 1976-77 ไบรอัน คลัฟทำการซื้อนักเตะมาหลายต่อหลายคน หนึ่งในนั้นคือ
ปีเตอร์ วิธ อดีตกุนซือทีมชาติไทยและในปีนั้นเขาสามารถพา ”เจ้าป่า” เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีคสูงสุดรวมถึงการชูถ้วย Anglo-Scottish Cup ในฤดูกาลแรกของการพาทีมฟาดแข้งบนลีกสูงสุดอังกฤษ คลัฟสามารถคว้าแชมป์ลีกไปอย่างเหลือเชื่อ โดยที่ทิ้งห่างยอดทีมดังอย่าง Liverpool ไปถึง7แต้มรวมถึงคว้าแชมป์ League Cup ที่ต้องมาพบกับ Liverpool ด้วยเช่นกัน การคว้าแชมป์ลีกทำให้พวกเขามีสิทธิ์ในการได้ไปเล่นบอลยุโรปในฤดูกาล 1978-79 ทีมชุดนั้นนำทัพมาโดย เทรเวอร์ ฟรานซิส นักเตะที่มีค่าตัวหนึ่งล้านปอนด์เป็นคนแรกของเกาะอังกฤษและ ปีเตอร์ ชิลตัน ตำนานผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ฤดูกาลนั้นเจ้าป่าเปิดหัวมาด้วยกันถล่ม Ipswich Town 5-0 และคว้า Community Shield ไปครอง ซึ่งในปีนั้นเจ้าป่าได้สร้างตำนานของพวกเขาด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปอย่างเหนือความคาดหมาย เมื่อคลัฟพาทีมเฉือนชนะ Malmo ทีมสุดแกร่งจากลีคสวีเดนไป 1-0 จากการยิงประตูของ เทรเวอร์ ฟรานซิส ณ สนามกลางอย่าง Olympiastadion ณ กรุงมิวนิค ในฐานะแชมป์ European Cup น็อตติ้งแฮมต้องมาพบกับสุดยอดสโมสรแห่งแคว้นคาตาลันอย่าง Fc Barcelona ที่นำทัพมาด้วย อลัน ซิโมนเซ่น ตำนานลูกหนังแดนโคนมในรายการ European Super Cup เกมจบลงด้วยการที่ลูกทีมของคลัฟสามารถเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 2-1 ในฤดูกาลถัดมาของพวกเขาในการลงเล่นบนเวทียุโรปในฐานะแชมป์เก่าและปีนี้นี่เองไบรอัน คลัฟทำสิ่งที่แฟนบอลและแฟนกีฬาทั่วโลกต้องจดจำช่วงเวลาอันแสนมหัศจรรย์ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ European Cup เป็นสมัยที่สองติดต่อกันสำเร็จ โดยฤดูกาลนี้เป็นการพบกับยอดทีมจากเยอรมันอย่าง Hamburger SV ที่มี เควิน คีแกน เจ้าของรางวัล ballon d'or สองสมัย ด้วยการเอาชนะไป 1-0 ท้ายที่สุดไบรอัน คลัฟ ร่วมงานกับเจ้าป่ายาวนานถึง 18 ปี ก่อนจะตัดสินใจอำลาวงการลูกหนังและลาออกจากสโมสรในเดือ่นมกราคม 2003 ไบรอัน คลัฟจากโลกไปในวัย 69 ปี ด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เหลือฝากไว้เพียงเรื่องราวการพาสโมสรเล็ก ๆ แห่งนึงพิชิตความเป็นจ้าวยุโรปราวกับเทพนิยายที่ยังคงตราตรึงในความทรงจำของเหล่าแฟนบอลทั้งอดีตมาจนถึง ณ ปัจจุบัน
อ้างอิง:
https://www.theguardian.com/football/2015/oct/10/brian-clough-miracle-nottingham-forest-european-champions-film-jose-mourinho
https://www.nationalfootballmuseum.com/halloffame/brian-clough/
https://en.wikipedia.org/wiki/Brian_Clough
ติดตามเพจเราได้ที่
https://www.facebook.com/Wannabe-Football-101453671603427
ไบรอัน คลัฟ ตำนานกุนซือสัญชาติอังกฤษที่ดีที่สุดที่ไม่เคยคุมทีมชาติ
.
ไบรอัน คลัฟ เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งกับ Middlesbrough ยอดทีมจาก North Yorkshire และต่อมาได้ย้ายไปอยู่กับ Sunderland ตลอดการค้าแข้งกับทั้งสองสโมสรเขาลงฟาดแข้งไปทั้งหมด 296 นัดและซัดไป 267 ประตู รวมถึงถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ไป 2 นัด ในวัยเพียงแค่ 29 ปี คลัฟตัดสินใจแขวนสตั้ดเนื่องจากอาการบาดเจ็บacl (อาการของเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าฉีกขาด) หลังจากนั้นไม่นาน Sunderland มอบโอกาสในการคุมทีมเยาวชนของสโมสรซึ่งคลัฟได้คุมทีมเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะรับงานคุมทีม Hartlepools United ประโยคแรกที่คลัฟพูดเมื่อไปถึงสโมสรคือ ฉันไม่ชอบที่นี่เอาซะเลย (I don’t fancy the place) เขาผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีมหลังจากเลิกเล่นไปเพียงปีเดียวโดยในขณะนั้นที่ตนเองมีอายุเพียง 30 ปี ทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการที่อายุน้อยที่สุดในลีก หลังจากรับงานคุมทีมคลัฟติดต่อเพื่อนสนิทสมัยค้าแข้งที่ Middlesbrough และผู้ช่วยคู่บุญอย่าง ปีเตอร์ เทย์เลอร์ มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทันทีซึ่งสโมสร ณ เวลานั้นกำลังอยู่ในสถาการณ์ที่ย่ำแย่ด้านทั้งผลงานและสถานะการเงินของทีม
.
จากที่ดิ้นรนวนเวียนอยู่ท้ายตารางมาหลายปี คลัฟพา Hartlepools จบในอันดับที่8 ก่อนที่ในปี 1967 เขาได้ย้ายไปคุมทีม Derby County ที่อยู่ใน Division 2 (ลีค Championship ในปัจจุบัน) โทรฟี่เดียวที่สโมสรเคยครอบครองต้องย้อนไปถึงปี 1946 ที่สโมสรคว้าแชมป์ FA Cup มาครอง ปีแรกในการเข้ามาคุมทีมของคลัฟเขาพาทีมจบต่ำกว่าฤดูกาลก่อนแต่เขาได้วางรากฐานใหม่ให้สโมสรรวมถึงการซื้อนักเตะใหม่เข้าร่วมทีมและขายนักเตะเก่าออก เพียงหนึ่งฤดูกาลหลังจากนั้นคลัฟพา Derby เลื่อนขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดของตารางด้วยตำแหน่งแชมป์และไร้พ่ายยาวนานถึง 22 เกมติดต่อกัน
.
ในฤดูกาล 1969-70 ปีแรกที่คลัฟพา Derby County ขึ้นมาลีกสูงสุดของอังกฤษเขาพาทีมจบอันดับที่สี่ ถัดมาเพียงสองฤดูกาลในปี 1971-72 คลัฟสามารถพาทีมผงาดคว้าแชมป์ First Division (Premier League ในปัจจุบัน) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร รวมถึงพาทีมไปเตะบอลถ้วยยุโรปและไปไกลได้ถึงรอบรองชนะเลิศก่อนที่จะไปพ่าย Juventus ยอดทีมจากอิตาลีด้วยสกอร์รวม 3-1 อย่างน่าเสียดาย ในฤดูกาลต่อมาทั้งตัวคลัฟเองและผู้ช่วยอย่าง ปีเตอร์ เทย์เลอร์ ต้องการลาออกจากทีม โดยเหตุผลหลัก ๆ มาจากการไม่ลงรอยและความเห็นที่ไม่ตรงกันกับประธานสโมสร ณ ขณะนั้นอย่าง แซม ลองสัน เพียงแค่สองอาทิตย์ให้หลังออกจากทีมคลัฟย้ายมาคุม Brighton And Hove Albion ที่ในตอนนั้นอยู่ Division Three (League One ในปัจจุบัน) คลัฟอยู่กับทีมจากทางแดนใต้ได้ไม่ถึงปีและทำผลงานได้ค่อนข้างแย่ด้วยการจบอันดับ 19 ของลีก ในกรกฎาคม 1974 ดอน เลวี่ บรมกุนซือของ Leeds United ยอดทีมของเกาะอังกฤษในยุคนั้นตัดสินใจรับงานคุมทีมชาติอังกฤษ คลัฟจึงตัดสินใจไปจากทีมเพื่อไปคุมบิ้กทีมอย่าง Leeds United เขาดำรงตำแหน่งได้เพียงแค่ 44 วันก่อนที่จะถูกสโมสรไล่ออก เหตุเพราะไบรอัน คลัฟ ทำผลงานการคุมทีมได้อย่างย่ำแย่ด้วยการชนะเพียงนัดเดียวจากแปดนัด สาเหตุส่วนนึงมาจากการที่ตัวของคลัฟเองไม่ลงรอยกับอดีตกุนซืออย่าง ดอน เลวี่ ที่เปรียบเสมือนกับพ่อแท้ ๆ ของบรรดาเหล่านักเตะ Leeds โดยเฉพาะกับสตาร์ดังของสโมสรอย่าง จอห์นนี่ ไจลส์ , นอร์แมน ฮันเตอร์ และ บิลลี่ เบรมเนอร์ ที่ไม่ยอมรับในตัวเขาเหตุเนื่องจากสมัยที่คลัฟสมัยคุมทีม Derby County เขาเคยวิจารณ์ออกสื่อถึงการเล่นที่สกปรกและรุนแรงของบรรดานักเตะ Leeds United
.
สามเดือนให้หลัง ในช่วงต้นปี 1975 คลัฟกลับเข้าสู่วงการฟุตบอลอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาไปรับงานคุมทีม ”เจ้าป่า” Nottingham Forest ที่กำลังแข่งขันอยู่ใน Division Two ขณะนั้นเช่นเดียวกับตอนที่คลัฟรับงานคุม Derby County
เขาเข้ามารับช่วงต่อจาก Allan Brown ในช่วงกลางฤดูกาลและพาทีมจบอันดับ 16 ของลีกรองอังกฤษ ในฤดูกาลถัดมาจากการกลับมาของคู่ซี้อย่าง ปีเตอร์ เทย์เลอร์ ช่วยให้ทีมทำผลงานดีขึ้นและจบในอันดับที่ 8 ต่อมาที่ฤดูกาล 1976-77 ไบรอัน คลัฟทำการซื้อนักเตะมาหลายต่อหลายคน หนึ่งในนั้นคือ
ปีเตอร์ วิธ อดีตกุนซือทีมชาติไทยและในปีนั้นเขาสามารถพา ”เจ้าป่า” เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีคสูงสุดรวมถึงการชูถ้วย Anglo-Scottish Cup ในฤดูกาลแรกของการพาทีมฟาดแข้งบนลีกสูงสุดอังกฤษ คลัฟสามารถคว้าแชมป์ลีกไปอย่างเหลือเชื่อ โดยที่ทิ้งห่างยอดทีมดังอย่าง Liverpool ไปถึง7แต้มรวมถึงคว้าแชมป์ League Cup ที่ต้องมาพบกับ Liverpool ด้วยเช่นกัน การคว้าแชมป์ลีกทำให้พวกเขามีสิทธิ์ในการได้ไปเล่นบอลยุโรปในฤดูกาล 1978-79 ทีมชุดนั้นนำทัพมาโดย เทรเวอร์ ฟรานซิส นักเตะที่มีค่าตัวหนึ่งล้านปอนด์เป็นคนแรกของเกาะอังกฤษและ ปีเตอร์ ชิลตัน ตำนานผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ฤดูกาลนั้นเจ้าป่าเปิดหัวมาด้วยกันถล่ม Ipswich Town 5-0 และคว้า Community Shield ไปครอง ซึ่งในปีนั้นเจ้าป่าได้สร้างตำนานของพวกเขาด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปอย่างเหนือความคาดหมาย เมื่อคลัฟพาทีมเฉือนชนะ Malmo ทีมสุดแกร่งจากลีคสวีเดนไป 1-0 จากการยิงประตูของ เทรเวอร์ ฟรานซิส ณ สนามกลางอย่าง Olympiastadion ณ กรุงมิวนิค ในฐานะแชมป์ European Cup น็อตติ้งแฮมต้องมาพบกับสุดยอดสโมสรแห่งแคว้นคาตาลันอย่าง Fc Barcelona ที่นำทัพมาด้วย อลัน ซิโมนเซ่น ตำนานลูกหนังแดนโคนมในรายการ European Super Cup เกมจบลงด้วยการที่ลูกทีมของคลัฟสามารถเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 2-1 ในฤดูกาลถัดมาของพวกเขาในการลงเล่นบนเวทียุโรปในฐานะแชมป์เก่าและปีนี้นี่เองไบรอัน คลัฟทำสิ่งที่แฟนบอลและแฟนกีฬาทั่วโลกต้องจดจำช่วงเวลาอันแสนมหัศจรรย์ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ European Cup เป็นสมัยที่สองติดต่อกันสำเร็จ โดยฤดูกาลนี้เป็นการพบกับยอดทีมจากเยอรมันอย่าง Hamburger SV ที่มี เควิน คีแกน เจ้าของรางวัล ballon d'or สองสมัย ด้วยการเอาชนะไป 1-0 ท้ายที่สุดไบรอัน คลัฟ ร่วมงานกับเจ้าป่ายาวนานถึง 18 ปี ก่อนจะตัดสินใจอำลาวงการลูกหนังและลาออกจากสโมสรในเดือ่นมกราคม 2003 ไบรอัน คลัฟจากโลกไปในวัย 69 ปี ด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เหลือฝากไว้เพียงเรื่องราวการพาสโมสรเล็ก ๆ แห่งนึงพิชิตความเป็นจ้าวยุโรปราวกับเทพนิยายที่ยังคงตราตรึงในความทรงจำของเหล่าแฟนบอลทั้งอดีตมาจนถึง ณ ปัจจุบัน
อ้างอิง: https://www.theguardian.com/football/2015/oct/10/brian-clough-miracle-nottingham-forest-european-champions-film-jose-mourinho
https://www.nationalfootballmuseum.com/halloffame/brian-clough/
https://en.wikipedia.org/wiki/Brian_Clough
ติดตามเพจเราได้ที่ https://www.facebook.com/Wannabe-Football-101453671603427