คิดก่อนซื้อ!อย่างแรกควรจะตอบตัวเองให้ได้ก่อน ต้องการซื้อชุดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ (Home Theater) เข้าบ้านไว้ทำอะไร? จะใช้ต่อกับเครื่องเล่นไฟล์อย่าง iPod เพื่อใช้ฟังเพลงด้วยหรือเปล่า? เปิดไฟล์หนังที่มีเสียง 5.1/7.1 (มัลติแชนเนล) ด้วยมั้ย? หรือ เพียงต้องการให้เสียงจากช่องรายการทีวีปกติดีขึ้นเท่านั้น? หากต้องการใช้งานชุดโฮมเธียเตอร์เพื่อการชมภาพยนตร์เป็นหลักหรือเล่นเกมที่มีการบันทึกเสียงแบบมัลติแชนเนลด้วย ก็ควรเลือกชุด 5.1/7.1 (มัลติแชนเนล) แต่หากแค่ต้องการฟังเพลงเป็นหลัก ชุดเครื่องเสียงมัลติมีเดีย 2.0/2.1 ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
Receiver รีซีฟเวอร์โฮมเธียเตอร์ คือ หัวใจสำคัญของระบบเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ เพราะรีซีฟเวอร์ทำหน้าที่เป็น
- จูนเนอร์ หรือ เครื่องรับสัญญาณจากภาครับวิทยุ
- อินติเกรตแอมป์ ขยายสัญญาณเสียงที่มาจากเครื่องเล่น DVD หรือมาจาก Box รับสัญญาณเคเบิลทีวี
- แปลงสัญญาณที่ส่งมาได้ทั้ง ระบบดิจิตอล (Digital) และ อะนาล็อก (Analog) โดยจะอ่านสัญญาณแยกออกเป็น 5.1 แชนแนล หรือมากกว่านั้น บางรุ่นอาจเป็น 7.1 แชนแนล เพื่อขับลำโพง ได้แก่
- ลำโพง Center ใช้ขับเสียงกลางหรือเสียงพูด ซึ่งการดูหนัง ลำโพง Center จะทำหน้าที่มากที่สุด
- ลำโพงหน้าซ้าย-ขวา (Front) และลำโพง Surround เป็นลำโพงที่แยกมิติเสียง และช่วยให้การสร้างเอฟเฟคมีความสมจริง
ที่สำคัญลำโพงโฮมเธียเตอร์ทั้งหมดควรจะเป็นลำโพงยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน เพราะจะทำให้สนามเสียงที่ได้กลมกลืนกันทั้งระบบ ซึ่งปัจจุบันนี้ผู้ขายได้พยายามขายเป็น Set อยู่แล้ว ราคามีให้เลือกตั้งแต่ระดับ Low ถึง Hi แต่หลักในการเลือกซื้อเหมือนกัน คือสเปคลำโพงต้องอยู่ใน Series เดียวกัน
สำหรับ Receiver Home Theater ซึ่งเป็นตัวขยายเสียง ยิ่งมีความยุ่งยากวุ่นวายมากกว่า ซึ่งในปัจจุบันรีซีฟเวอร์มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีช้ากว่าแอมปลิฟาย (Amplifier) สำหรับฟังเพลงที่มีให้เลือกมากกว่า และออกแบบวงจรที่หลากหลายกว่า นับตั้งแต่ชุดโฮมเธียเตอร์เกิดขึ้นมาในตลาด Home Use ระบบโฮมเธียเตอร์ยังคงมุ่งเน้นผลิตให้กับกลุ่ม Mid-End จนไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของรีซีฟเวอร์ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ ผู้ผลิตเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาเรื่องจุกจิกเพิ่มเข้ามาในเครื่องเล่นรุ่นใหม่ๆ แทนที่จะพัฒนาปรับปรุงเรื่องของคุณภาพเสียง เช่น สนามเสียงเทียมในแบบต่างๆ อย่าง Hall, โรงหนัง, สนามเสียงที่ใช้ในห้องแคบๆ การปรับเสียงตามแนวเพลงร็อค, แจ๊ส, ป๊อบ วงจรอีควอไลเซอร์ปรับแต่งความถี่สูง หรือเหล่าโปรแกรม Pro Logic ทั้งหลายนั้น ส่วนใหญ่ทำให้คุณภาพเสียงแย่ลง ถ้าถามคนที่ใช้งานจริงๆ แล้วจะพบว่า การปรับเสียงปลอมๆ เหล่านี้ ทำให้คุณภาพเสียงของรีซีฟเวอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โหมดเหล่านี้เป็นเพียงลูกเล่นไร้ค่าสำหรับมือใหม่ อยากให้พิจารณาในเรื่องของกำลังขับมากกว่า
ส่วนระบบการถอดรหัสเสียง เช่น Dolby Digital, Dolby Pro-Logic, DTS รวมไปถึง THX มักจะทำให้คนซื้อสับสนว่ามันคืออะไรกันบ้าง จำเป็นแค่ไหน ระบบถอดรหัสเสียงของ Dolby ดูเหมือนจะครองตลาดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ โดยทำหน้าที่แยกเสียงที่ถูกบันทึกมาจากแผ่น DVD ให้ถูกต้องที่สุด จากซ้ายไปขวา จากเซอร์ราวด์ไปเซ็นเตอร์ เครื่องที่ติด Label พวกนี้ก็สามารถทำงานกับแผ่นที่บันทึกมาในระบบนั้นๆ ซึ่งรีซีฟเวอร์ส่วนใหญ่จะมีระบบถอดรหัสแทบทุกตัว ส่วน Label THX ที่คนส่วนใหญ่คิดว่ามันคือ ระบบเสียง แต่กลับไม่ใช่เช่นนั้น รีซีฟเวอร์ที่สามารถติด Label THX ได้ จะต้องนำเครื่องไปให้ THX ทดสอบว่าเครื่องยี่ห้อนั้น รุ่นนั้น ผ่านมาตรฐาน THX หรือไม่ มาตรฐานที่ว่า เช่น กำลังขับ การตอบสนองความถี่ และความเที่ยงตรง ต้องอยู่ระดับไหนถึงจะใช้มาตรฐาน THX ได้ ส่วนการถอดรหัสเสียงระบบ Dolby หรือ DTS เป็นตัวทำหน้าที่นั่นเอง
การวัดขนาดของห้องฟัง
ขนาดห้อง คือ สิ่งที่ควรคิดเป็นอันดับแรกก่อนที่คุณจะออกจากบ้านไปจ่ายเงิน นั่นก็เพราะว่า ลำโพงโฮมเธียเตอร์ทุกตัวจะมีระดับเสียงที่เป็นโซน “เสียงดี” ไม่เท่ากัน ยิ่งตัวเล็กก็จะยิ่งมีขีดจำกัด การที่คุณนำชุดโฮมเธียเตอร์ที่มีลำโพงตัวกะปิ๋วหลิวไปวางไว้ในห้องระดับคฤหาสน์ อาจจะทำให้คุณพลาดความกลมกลืนของรายละเอียดเสียงขณะชมภาพยนตร์ก็เป็นได้
นอกจากนี้การเร่งเสียงให้ดังเกินลิมิตก็มีส่วนทำให้อายุการใช้งานของเครื่องเสียงลดลงอีกด้วย ฉะนั้นแล้ว ขนาดของห้องจึงเป็นข้อมูลลำดับแรกที่คุณควรมีไว้ก่อนที่จะไปพิจารณาในเรื่องอื่นๆ
เบิกงบประมาณ
หลังจากที่คุณทราบขนาดห้องเรียบร้อยแล้ว เราก็มาประเมินงบประมาณซื้อโฮมเธียเตอร์ที่จะต้องใช้กัน ทางทีมงานเข้าใจครับ ว่า การยื่นเรื่องขออนุมัติงบประมาณฟุ่มเฟือยของคุณพ่อบ้านจากสถาบันการเงินในครัวเรือนเป็นเรื่องยากเพียงใด ดังนั้นหน้าที่ของคุณก็คือ การอธิบายชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อให้คุณเธอยอมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าห้องฟังของคุณมีขนาดใหญ่พอสมควร คุณอาจจะต้องใช้เงินเยอะหน่อยในการรังสรรค์สวรรค์ไฮไฟให้ออกมาอย่างที่หวังไว้
คิดว่าต้องการรองรับระบบเสียงขนาดไหน?
ปัจจุบันวงการเครื่องเสียงและโฮมเธียเตอร์ของเรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบเสียงแบบใหม่ ที่เพิ่มเอาเสียงจากด้านบนเพดานเข้ามาด้วย ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่ติดใจในเสียงรอบทิศทางหรือเคยได้มีโอกาสเข้าชมภาพยนตร์แบบ Dolby Atmos มาบ้างแล้ว และฐานะการเงินพร้อม ผมก็แนะนำให้จัดเต็มเพื่อรองรับเสียงยาวๆ ไปเลย บางท่านอาจจะบอกว่าไม่ทันแล้วน้องพี่ปิดฝ้าไปเรียบร้อย ไม่ต้องกังวลฮะ เรามีลำโพง Dolby Enable Speaker แค่เอามาวางข้างบนคู่หน้า คุณก็จะได้แชนแนลเสียงด้านบนเพิ่มเข้ามาทันที
สำรวจโปรโมชั่น
การซื้อของ หรือซื้อโฮมเธียเตอร์ ถ้าจะให้ดีก็ต้องช่วงโปรโมชั่น หรือตามงานอิเล็กทรอนิกส์เอ็กซ์โปต่างๆ เหตุผลหลักก็เพราะว่า คุณจะได้ซื้อสินค้าในราคาต่ำกว่าปกติ ไม่ว่าจะจากการที่ห้างร้านนำมาลดราคาเอง หรือจากโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ฉะนั้นแล้วคอยติดตามข่าวสารให้ดีจากเว็บไซต์ต่างๆ จากนั้นนำไปเปรียบเทียบกับโปรโมชั่นจากหลายๆ ที่ และเมื่อได้เป้าหมายที่ต้องการแล้ว ก็ลุยไปขั้นตอนสุดท้ายได้เลยครับ
ขั้นตอนสุดท้าย บุกไปซื้อโฮมเธียเตอร์
เมื่อคุณเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ก็ได้เวลาลุยเข้าไปที่ร้านเพื่อจะเลือกซื้อชุดโฮมเธียเตอร์ที่ได้มั่นหมายเอาไว้ สิ่งที่ทีมงานอยากจะขอฝากไว้ก็คือให้ใจเย็นๆ ครับ ประเมินสถานการณ์ให้เป็น ทำตัวให้ได้เปรียบพนักงานขาย ตรวจสอบสินค้าให้เรียบร้อย เช็คสภาพให้ดีว่าต้องไม่บอบช้ำ ที่สำคัญคือประกันต้องครบ และอย่าลืม! เลือกซื้อโฮมเธียเตอร์ของจากผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง
HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง
http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
คิดก่อนซื้อ! เลือกชุดโฮมเธียเตอร์ เลือกให้ดี ใช้ได้คุ้มค่า
คิดก่อนซื้อ!อย่างแรกควรจะตอบตัวเองให้ได้ก่อน ต้องการซื้อชุดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ (Home Theater) เข้าบ้านไว้ทำอะไร? จะใช้ต่อกับเครื่องเล่นไฟล์อย่าง iPod เพื่อใช้ฟังเพลงด้วยหรือเปล่า? เปิดไฟล์หนังที่มีเสียง 5.1/7.1 (มัลติแชนเนล) ด้วยมั้ย? หรือ เพียงต้องการให้เสียงจากช่องรายการทีวีปกติดีขึ้นเท่านั้น? หากต้องการใช้งานชุดโฮมเธียเตอร์เพื่อการชมภาพยนตร์เป็นหลักหรือเล่นเกมที่มีการบันทึกเสียงแบบมัลติแชนเนลด้วย ก็ควรเลือกชุด 5.1/7.1 (มัลติแชนเนล) แต่หากแค่ต้องการฟังเพลงเป็นหลัก ชุดเครื่องเสียงมัลติมีเดีย 2.0/2.1 ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
Receiver รีซีฟเวอร์โฮมเธียเตอร์ คือ หัวใจสำคัญของระบบเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ เพราะรีซีฟเวอร์ทำหน้าที่เป็น
- จูนเนอร์ หรือ เครื่องรับสัญญาณจากภาครับวิทยุ
- อินติเกรตแอมป์ ขยายสัญญาณเสียงที่มาจากเครื่องเล่น DVD หรือมาจาก Box รับสัญญาณเคเบิลทีวี
- แปลงสัญญาณที่ส่งมาได้ทั้ง ระบบดิจิตอล (Digital) และ อะนาล็อก (Analog) โดยจะอ่านสัญญาณแยกออกเป็น 5.1 แชนแนล หรือมากกว่านั้น บางรุ่นอาจเป็น 7.1 แชนแนล เพื่อขับลำโพง ได้แก่
- ลำโพง Center ใช้ขับเสียงกลางหรือเสียงพูด ซึ่งการดูหนัง ลำโพง Center จะทำหน้าที่มากที่สุด
- ลำโพงหน้าซ้าย-ขวา (Front) และลำโพง Surround เป็นลำโพงที่แยกมิติเสียง และช่วยให้การสร้างเอฟเฟคมีความสมจริง
ที่สำคัญลำโพงโฮมเธียเตอร์ทั้งหมดควรจะเป็นลำโพงยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน เพราะจะทำให้สนามเสียงที่ได้กลมกลืนกันทั้งระบบ ซึ่งปัจจุบันนี้ผู้ขายได้พยายามขายเป็น Set อยู่แล้ว ราคามีให้เลือกตั้งแต่ระดับ Low ถึง Hi แต่หลักในการเลือกซื้อเหมือนกัน คือสเปคลำโพงต้องอยู่ใน Series เดียวกัน
สำหรับ Receiver Home Theater ซึ่งเป็นตัวขยายเสียง ยิ่งมีความยุ่งยากวุ่นวายมากกว่า ซึ่งในปัจจุบันรีซีฟเวอร์มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีช้ากว่าแอมปลิฟาย (Amplifier) สำหรับฟังเพลงที่มีให้เลือกมากกว่า และออกแบบวงจรที่หลากหลายกว่า นับตั้งแต่ชุดโฮมเธียเตอร์เกิดขึ้นมาในตลาด Home Use ระบบโฮมเธียเตอร์ยังคงมุ่งเน้นผลิตให้กับกลุ่ม Mid-End จนไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของรีซีฟเวอร์ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ ผู้ผลิตเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาเรื่องจุกจิกเพิ่มเข้ามาในเครื่องเล่นรุ่นใหม่ๆ แทนที่จะพัฒนาปรับปรุงเรื่องของคุณภาพเสียง เช่น สนามเสียงเทียมในแบบต่างๆ อย่าง Hall, โรงหนัง, สนามเสียงที่ใช้ในห้องแคบๆ การปรับเสียงตามแนวเพลงร็อค, แจ๊ส, ป๊อบ วงจรอีควอไลเซอร์ปรับแต่งความถี่สูง หรือเหล่าโปรแกรม Pro Logic ทั้งหลายนั้น ส่วนใหญ่ทำให้คุณภาพเสียงแย่ลง ถ้าถามคนที่ใช้งานจริงๆ แล้วจะพบว่า การปรับเสียงปลอมๆ เหล่านี้ ทำให้คุณภาพเสียงของรีซีฟเวอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โหมดเหล่านี้เป็นเพียงลูกเล่นไร้ค่าสำหรับมือใหม่ อยากให้พิจารณาในเรื่องของกำลังขับมากกว่า
ส่วนระบบการถอดรหัสเสียง เช่น Dolby Digital, Dolby Pro-Logic, DTS รวมไปถึง THX มักจะทำให้คนซื้อสับสนว่ามันคืออะไรกันบ้าง จำเป็นแค่ไหน ระบบถอดรหัสเสียงของ Dolby ดูเหมือนจะครองตลาดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ โดยทำหน้าที่แยกเสียงที่ถูกบันทึกมาจากแผ่น DVD ให้ถูกต้องที่สุด จากซ้ายไปขวา จากเซอร์ราวด์ไปเซ็นเตอร์ เครื่องที่ติด Label พวกนี้ก็สามารถทำงานกับแผ่นที่บันทึกมาในระบบนั้นๆ ซึ่งรีซีฟเวอร์ส่วนใหญ่จะมีระบบถอดรหัสแทบทุกตัว ส่วน Label THX ที่คนส่วนใหญ่คิดว่ามันคือ ระบบเสียง แต่กลับไม่ใช่เช่นนั้น รีซีฟเวอร์ที่สามารถติด Label THX ได้ จะต้องนำเครื่องไปให้ THX ทดสอบว่าเครื่องยี่ห้อนั้น รุ่นนั้น ผ่านมาตรฐาน THX หรือไม่ มาตรฐานที่ว่า เช่น กำลังขับ การตอบสนองความถี่ และความเที่ยงตรง ต้องอยู่ระดับไหนถึงจะใช้มาตรฐาน THX ได้ ส่วนการถอดรหัสเสียงระบบ Dolby หรือ DTS เป็นตัวทำหน้าที่นั่นเอง
การวัดขนาดของห้องฟัง
ขนาดห้อง คือ สิ่งที่ควรคิดเป็นอันดับแรกก่อนที่คุณจะออกจากบ้านไปจ่ายเงิน นั่นก็เพราะว่า ลำโพงโฮมเธียเตอร์ทุกตัวจะมีระดับเสียงที่เป็นโซน “เสียงดี” ไม่เท่ากัน ยิ่งตัวเล็กก็จะยิ่งมีขีดจำกัด การที่คุณนำชุดโฮมเธียเตอร์ที่มีลำโพงตัวกะปิ๋วหลิวไปวางไว้ในห้องระดับคฤหาสน์ อาจจะทำให้คุณพลาดความกลมกลืนของรายละเอียดเสียงขณะชมภาพยนตร์ก็เป็นได้
นอกจากนี้การเร่งเสียงให้ดังเกินลิมิตก็มีส่วนทำให้อายุการใช้งานของเครื่องเสียงลดลงอีกด้วย ฉะนั้นแล้ว ขนาดของห้องจึงเป็นข้อมูลลำดับแรกที่คุณควรมีไว้ก่อนที่จะไปพิจารณาในเรื่องอื่นๆ
เบิกงบประมาณ
หลังจากที่คุณทราบขนาดห้องเรียบร้อยแล้ว เราก็มาประเมินงบประมาณซื้อโฮมเธียเตอร์ที่จะต้องใช้กัน ทางทีมงานเข้าใจครับ ว่า การยื่นเรื่องขออนุมัติงบประมาณฟุ่มเฟือยของคุณพ่อบ้านจากสถาบันการเงินในครัวเรือนเป็นเรื่องยากเพียงใด ดังนั้นหน้าที่ของคุณก็คือ การอธิบายชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อให้คุณเธอยอมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าห้องฟังของคุณมีขนาดใหญ่พอสมควร คุณอาจจะต้องใช้เงินเยอะหน่อยในการรังสรรค์สวรรค์ไฮไฟให้ออกมาอย่างที่หวังไว้
คิดว่าต้องการรองรับระบบเสียงขนาดไหน?
ปัจจุบันวงการเครื่องเสียงและโฮมเธียเตอร์ของเรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบเสียงแบบใหม่ ที่เพิ่มเอาเสียงจากด้านบนเพดานเข้ามาด้วย ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่ติดใจในเสียงรอบทิศทางหรือเคยได้มีโอกาสเข้าชมภาพยนตร์แบบ Dolby Atmos มาบ้างแล้ว และฐานะการเงินพร้อม ผมก็แนะนำให้จัดเต็มเพื่อรองรับเสียงยาวๆ ไปเลย บางท่านอาจจะบอกว่าไม่ทันแล้วน้องพี่ปิดฝ้าไปเรียบร้อย ไม่ต้องกังวลฮะ เรามีลำโพง Dolby Enable Speaker แค่เอามาวางข้างบนคู่หน้า คุณก็จะได้แชนแนลเสียงด้านบนเพิ่มเข้ามาทันที
สำรวจโปรโมชั่น
การซื้อของ หรือซื้อโฮมเธียเตอร์ ถ้าจะให้ดีก็ต้องช่วงโปรโมชั่น หรือตามงานอิเล็กทรอนิกส์เอ็กซ์โปต่างๆ เหตุผลหลักก็เพราะว่า คุณจะได้ซื้อสินค้าในราคาต่ำกว่าปกติ ไม่ว่าจะจากการที่ห้างร้านนำมาลดราคาเอง หรือจากโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ฉะนั้นแล้วคอยติดตามข่าวสารให้ดีจากเว็บไซต์ต่างๆ จากนั้นนำไปเปรียบเทียบกับโปรโมชั่นจากหลายๆ ที่ และเมื่อได้เป้าหมายที่ต้องการแล้ว ก็ลุยไปขั้นตอนสุดท้ายได้เลยครับ
ขั้นตอนสุดท้าย บุกไปซื้อโฮมเธียเตอร์
เมื่อคุณเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ก็ได้เวลาลุยเข้าไปที่ร้านเพื่อจะเลือกซื้อชุดโฮมเธียเตอร์ที่ได้มั่นหมายเอาไว้ สิ่งที่ทีมงานอยากจะขอฝากไว้ก็คือให้ใจเย็นๆ ครับ ประเมินสถานการณ์ให้เป็น ทำตัวให้ได้เปรียบพนักงานขาย ตรวจสอบสินค้าให้เรียบร้อย เช็คสภาพให้ดีว่าต้องไม่บอบช้ำ ที่สำคัญคือประกันต้องครบ และอย่าลืม! เลือกซื้อโฮมเธียเตอร์ของจากผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง
HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง http://bit.ly/HomeGuru_Homepro