( The 50 best movies of all time ) ## แนะนำหนังวันละเรื่อง ## " Back To The Future Trilogy " เคยดูกันหรือยัง ?

เนื่องจาก จขกท.เป็นคนที่ชื่นชอบการดูหนังมากๆ จึงอยากจะมาขอแชร์
ภาพยนตร์ 50 เรื่อง ที่จขกท.ชื่นชอบมากที่สุดเท่าที่เคยดูมา
แต่จะเป็นการแนะนำวันละเรื่อง กระทู้ของเราอาจไม่ใช่การวิเคราะห์
หรือวิจารณ์แบบกูรูเก่งๆ แต่เป็นการพูดเล่าต่อจากความรู้สึกส่วนตัว
ที่ได้ดูเท่านั้น เผื่อถ้าใครยังไม่ได้ดู ก็อยากแนะนำให้ดูในช่วงวิกฤตแบบนี้
จะไม่มีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญใดๆทั้งสิ้น วันนี้จะเป็นการนำเสนอหนังเรื่องที่ 17


17.Back To The Future เจาะเวลาหาอดีต ภาค 1 ( 1985 )
Back To The Future Part ii เจาะเวลาหาอดีต ภาค 2 ( 1989 )
Back To The Future Part iii เจาะเวลาหาอดีต ภาค 3 ( 1990 )
โหมดหนัง : ภาพยนตร์ตลก / บันเทิงคดีวิทยาศาสตร์
ความชอบส่วนตัว : 8.5/10

หนังแนวผจญภัย ผสมวิทยาศาสตร์ กำกับโดยโรเบิร์ต เซเม็กคิส อำนวยการสร้างโดยสตีเฟน สปีลเบิร์ก ซึ่งเห็นชื่อ ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้าง ก็สามารถการันตีความสนุกสนานและรอยยิ้มแห่งความประทับใจได้เลย เรื่องนี้มีนักแสดงนำโดย ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ แสดงเป็น มาร์ตี้ แม็กฟลาย และ คริสโตเฟอร์ ลอยด์ แสดงเป็นด็อกเตอร์สติเฟื้อง เอ็มเม็ต แอล. บราวน์ (ซึ่งหนังตั้งใจทำให้บุคลิกโดยเฉพาะทรงผมเหมือนไอสไตล์) ที่สามารถสร้างรถข้ามเวลาได้

ภาพยนตร์ที่นับว่าปฏิวัติวงการภาพยนตร์ด้วยเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่มากๆในยุคนั้น ไม่มีใครทำ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในทุกๆภาค หนังภาคแรกดังสุด และสนุกที่สุด(คหสต.) เจาะเวลาหาอดีต ได้รับการคัดเลือกหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน ให้เก็บไว้ในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติ ในฐานะเป็นหนังเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือโดดเด่นทางด้านสุนทรียศาสตร์

ภาคเริ่มต้นที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของสองคนสองบุคลิกและสองวัย หนึ่งคือ มาร์ตี้ แมคฟราย หนุ่มเฟี้ยวที่มีปัญหาว่าใครจะมาล้อว่าขี้ขลาดไม่ได้ กับศาสตราจารย์สติเฟื่องอย่าง ดร.เอ็มเม็ตต์ บราวน์ หรือที่มาร์ตี้เรียกว่า ด็อค ในปี 1985 ด็อคกำลังทดลองการเดินทางท่องเวลาด้วยรถเดอลอรีนที่ถูกปรับแต่งโดยมีมาร์ตี้เป็นผู้ช่วย เมื่อการท่องเวลาจะบังเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว 88 ไมล์/ชม. แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมาร์ตี้หลุดเข้าไปในอดีตในปี 1955 และดันไปเปลี่ยนเหตุการณ์เข้าโดยบังเอิญ แถมยังเป็นเหตุสำคัญเพราะมันคือช่วงเวลาที่พ่อกับแม่ของเขาจะได้เจอและรักกัน ถ้าการรักของทั้งคู่ไม่เกิดขึ้น นั่นก็จะหมายถึงมาร์ตี้และพี่น้องก็จะต้องหายไป


ภาค 2 ยังคงเป็นเรื่องราวการผจญภัยข้ามเวลาของ มาร์ตี้ แม็กฟลาย และด็อก เอ็มเม็ตต์ บราวน์ โดยคราวนี้พวกเขาใช้ไทม์แมชชีน ย้อนเวลาไปในอนาคตจากปี 1985 ไปปี 2015 เพื่อแก้ไขความผิดที่ลูกชายของมาตี้ก่อเรื่องเอาไว้ แต่แล้วพวกเขาก็ยังต้องย้อนกลับไปในอดีตปี 1955 อยู่ดีเพราะบลีฟศัตรูคนเก่าของตระกูลแม็ก ฟลายที่อยู่ในปีอนาคตได้แอบย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตของตัวเอง จนทำให้เขากลายเป็นเศรษฐี ทำให้ด็อกเตอร์บราวร์และมาตี้ต้องย้อนกลับไปปี 1955 อีกครั้งหนึ่งเพื่อแก้ไขในสิ่งที่บลีฟทำไปทั้งหมด


ภาค3 ย้อนเวลาไปไกลถึงราวปี 1885 เป็นยุคคาวบอยครองเมือง มาร์ตี้ต้องย้อนกลับไปในยุคนั้นเพื่อไปช่วยด็อคที่ติดอยู่และกลับมาไม่ได้เพราะเทคโนโลยีในเวลานั้นไม่เอื้ออำนวย ไอเดียของการย้อนเวลากลับสู่ปี 1985 จึงต้องใช้หลากหลายวิธี ก่อนจะลงเอยด้วยการขโมยหัวรถจักรไอน้ำมาผลักดันรถเดอรอลีนให้วิ่งได้ 88 ไมล์/ชม. ช่วงสุดท้าย หนังก็ยังชวนให้ลุ้นเช่นเคยว่าพวกเขาจะกลับมายังปัจจุบันได้หรือไม่


ถ้าเป็นคนที่โตมากับยุค80-90 หรือชอบอะไรที่เป็นสิ่งล้ำๆ น่าจะเพลิดเพลินไปกับอุปกรณ์ไฮเทค เวลาเช่นรถ ข้ามเวลาได้ รถเหาะได้ รถไฟเหาะได้ สเก็ตบอร์ดที่ลอยบนพื้นได้ ถนนที่อยู่บนท้องฟ้า เครื่องสั่งและเสิร์ฟอาหารอัตโนมัติ โดยเฉพาะในภาค 2 นั้นจะเห็นเทคนิคพิเศษ CG ซึ่งถ้าเทียบแล้วในยุคนั้นนับว่าล้ำหน้าเป็นอย่างมาก ดูหนังมีการลงทุนสูง ฉากต่างๆ ทำได้ดีมาก แล้วเพลงประกอบที่นำมาใช้ในภาพยนตร์คิดถึงเพลงช่วงปี 80's-90's เช่นเพลงของไมเคิล แจ็คสันได้ดีจริงๆ แม้ว่าการแสดงของนักแสดง ที่ถ้าคนยุคสมัยนี้ได้ดูอาจจะคิดว่ดูโอเว่อแอคติ้งมากไป แต่ถ้าย้อนกลับไปดูว่าหนังมันตั้งแต่ยุค80แล้ว สำหรับเราถือว่าสนุกมาก



พูดถึงนักแสดงหลักของเรื่อง แต่ละคนเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดที่ชอบมากๆ
นักแสดงทุกคนเล่นดีและมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเองทุกคน จำได้ทุกคน ต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับส่วนนึงที่ทำให้แต่ละตัวละครมีเสน่ห์มนแบบของตัวเอง ทุกตัวละครเราจะรู้สึกผูกพันธ์กับพวกเขาเพียงแค่ดูจากจอภาพยนตร์เท่านั้น ชอบทุกคน รักทุกนักแสดงที่เล่นเรื่องนี้ เป็นดาราฝรั่งที่เราโปรดปรานหลายๆคนมากๆ มีดาราวัยรุ่นที่เป็นขวัญใจยุค80-90อีกด้วย


ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด ชีวิตจริงไม่ใช่ในหนัง เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตที่เกิดขึ้นแล้วได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่