เที่ยวถ้ำมาก็หลายที่แล้ว ถ้าไม่ได้ไปถ้ำที่ใหญ่ติดอันดับ4ของโลก และใหญ่ที่สุดในไทย(ตามคำบอกเล่าจากไกด์ท้องถิ่น ซึ่งยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด) กับมุมอลังการ ลานแสงมรกตคงจะพลาดอย่างแรง
ถ้ำภูผาเพชร อยู่จังหวัดสตูล โดยองค์การUNESCO ประกาศให้ อุทยานธรณีสตูล เป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นลำดับที่ 36 ของโลกด้วย ที่นี่ค่อนข้างห่างไกลแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งถ้าไปก็คือจะใช้เวลา เรียกได้ว่าไม่สามารถไปไหนต่อได้แล้ว แต่เราว่ามันคุ้มค่ามากจริงค่ะ
ภายในถ้ำเป็นถ้ำหินปูน มีหินงอกหินย้อยที่ยังมีการเจริญเติบโตอยู่ คือเป็นห้องสำหรับการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีเลยนะคะ พื้นที่ใหญ่มากๆมีเนื้อที่ภายในถ้ำกว่า 50 ไร่(เปิดให้เข้าชมเป็นบางส่วน) ด้านในถ้ำมีการจัดการที่ค่อนข้างดี เราเรียกว่าดีที่สุดที่เคยไปถ้ำในไทยมาเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยความอัศจรรย์ภายในนั้นยิ่งใหญ่สมกับเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในบ้านเราจริงๆอีกด้วยค่ะ
ความอัศจรรย์แรกที่อยากพรีเซ้นต์มากคือภาพนี้ค่ะ ไกด์ท้องถิ่นฉายไฟไปที่เพดานมุมสูงมากแล้วถามพวกเราว่าเห็นเป็นภาพอะไร เราพยายามมองด้วยสายตาอันสั้นของเรา จนเพื่อนเราพูดขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าขนลุกเลยอ่ะ ก่อนจะเฉลย ลองย้อนไปมองภาพดีดีอีกทีนึงกันค่ะ ใช้ใจมองแล้วจะขนลุกตามพวกเรา ภาพที่ปรากฎต้องขอชื่นชมคนที่ค้นพบคนแรกจริงๆเพราะไม่ได้อยู่ในระดับสายตาเลยค่ะ อยู่มุมสูง ไกลและมืดถ้าไม่มีไฟฉายส่องไม่สามารถรู้ได้เลย เห็นกันรึยังคะ ใช่ค่ะ พ่ออยู่กับพวกเราทุกที่ เห็นเหมือนกันมั้ยคะ เป็นรูปในหลวงรัชกาลที่๙ ถือแผนที่ทรงงาน ภาพที่พวกเราทุกคนเห็นแล้วคุ้นตาอย่างแน่นอน
ที่นี่ได้ค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีที่สันนิษฐานได้ว่า ถ้ำภูผาเพชรน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ประมาณกว่า3,000 ปี โดยมีการพบกระดูกมนุษย์ยุคโบราณส่วนกระโหลกศีรษะ เศษภาชนะดินเผาเคลือบลายเชือกทาบ ที่ก้นภาชนะมีเปลือกหอยยึดเกาะ
มหัศจรรย์หินงอกหินย้อย เห็นแบบนี้อย่าได้ซนเอามือไปจับไปแตะเชียวนะ ให้เขาได้อยู่ต่อไปอย่างธรรมชาติของเขาเพราะมันไม่ง่ายนะคะกว่าจะเกิดขึ้นมาได้ มันใช้เวลาเป็นร้อยเป็นพันปี หากเราไปจับเขาอาจหยุดการงอกไปเลยก็ได้นะ
ค่าเข้าต่างๆตามภาพเลยค่ะ ถูกมากๆเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราได้สัมผัส จะบอกว่าคนน้อยมาก แทบไม่มีเลย ทางเดินภายในถ้ำก็ทำมาดีมาก ไปเถอะค่ะ
นอกจากค่าธรรมเนียมการเข้าแล้ว จะมีค่าไกด์นำทาง ไกด์ท้องถิ่นกลุ่มละ1คน50บาท และจุดนี้มีจะไฟฉายให้เช่า ควรจะเช่า!!! เพราะมันมืดมากจริงๆค่ะ เพื่อความปลอดภัยในการเดินนะคะ ไฟมือถือที่เราใช้กันมันอ่อนเกินไปจะส่องในถ้ำได้ และส่วนในทางเดินนั้นเราต้องเดินขึ้นบันไดไปกว่า300ขั้นก่อนจะได้เข้าถ้ำกันค่ะ เรียกเหงื่อและหอบไปพร้อมๆกันเลย
มาถึงปากถ้ำแล้วค่ะ ช่องเล็กๆทางด้านขวาของภาพนั่นแหละค่ะทางเข้าต้องมุดกันหน่อย เป็นทางเข้าที่ถูกเจาะขึ้นใหม่ สาเหตุที่มีช่องที่แคบเพราะว่าป้องกันการรบกวนสภาพแวดล้อมภายในถ้ำ
เรามาดูข้อควรปฏิบัติ และสิ่งที่เราจะได้พบเห็นภายในถ้ำกันก่อนค่ะ
พอมุดทางเข้ามาก็ว๊าวแล้วอ่า มันเป็นโถงที่ใหญ่มากๆ สูงโปร่ง ไม่อึดอัด หินก็มีลักษณะรูปทรงต่างๆออกไปตามจินตนาการของแต่ละคน ถ้าเด็กๆมานี่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีมากๆเลยนะ
หินพวกนี้จะเป็นหินปูนเวลาถูกแสงไฟส่องแล้วจะเป็นประกายระยิบระยับ เลยเป็นที่มาของชื่อ
ถ้ำภูผาเพชร สวยมากอย่างกับกากเพชร
ในถ้ำแห่งนี้มีหินงอกหินย้อยจำนวนมากที่มีพวกแร่ธาตุต่างๆมารวมกัน
ทางเดินมีไฟให้เกือบจะตลอดทางให้พอเห็น แต่บางช่วงไม่มีไฟก็จะมืดแบบน่ากลัวมากเมื่อปิดไฟ เดินๆอยู่ไกด์ก็พูดขึ้นมาว่าในถ้ำแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่หลายชนิด รอบเมื่อเช้าโชคดีมากเลยเจองู โอ๊ยยย ไม่อยากโชคดีจ้าพี่จ๋า หลังจากไกด์พูดจบขนลุกเดินระแวงเสียวขามาก
มันเกิดขึ้นเป็นทรงต่างๆแปลกๆได้ไงก็แอบสงสัย มันคงเป็นความอัศจรรย์อ่าแหละ
เส้นทางคดเตี้ยว มีมุดบ้าง อย่าเดินเพลินเด๋วหัวจะโดนสอยไป ดูได้เลยว่าทางเดินทำไว้ดีมากและรับประกันเลยว่าถ้ำนี้สวยที่สุด ต้องมาๆ
ใครมาถ้ำภูผาเพชรบอกเลย มีอะไรให้ได้ศึกษาเยอะมาก อันนี้เขาเรียกอะไรเราก็จำไม่ได้แฮะ ขออภัยค่ะ
เดินเพลินๆก็มาถึงครึ่งทางแล้วค่ะ เจ้าก้อนนี้ โคตะระอภิมหึมา หลักพันปีแน่นอนกว่าจะมาเป็นโดมนี้ได้ โดยเจ้าก้อนนี้เขาเรียกกันว่าโดมศิลาเพชรค่ะ
ยิ่งเดินก็ยิ่งทึ่งกับธรรมชาติสรรสร้าง จะเห็นได้เลยว่าถ้าไม่มีคนไปทำลาย ธรรมชาติก็จะมอบของขวัญให้เราแบบนี้แหละ
ทางเดินดีแทบไม่ต้องลงมาเดินที่พื้นดินเลย แต่มีบางช่วงที่ต้องสัมผัสพื้นดินบ้าง อาจมีลื่นบ้างเดินด้วยความระมัดระวังกันด้วยนะคะ
เรามาสุดทางของถ้ำที่ ลานแสงมรกตแล้วค่ะ กับแสงส่องสว่างจากปากปล่องถ้ำ ว๊าวมากๆ พวกเราตัดสินใจมากันเพราะมุมนี้เลย ยิ่งใหญ่สมกับตำแหน่งที่1ในไทย นี่แหละที่ต้องการมันคือไฮไลท์ของถ้ำภูผาเพชรเลยล่ะ
มาให้ถูกช่วงเวลาก็จะได้เห็นแสงจากธรรมชาติสาดลงมากระทบกับหินกลายเป็นสีเขียวมรกตสวยงามแบบนี้ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมคือเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน เวลาประมาณบ่าย3 แต่ขนาดว่าเราไม่ได้ไปตามช่วงเดือนที่เขาว่ากันว่าเหมาะสม เรายังตะลึงกับความงามที่อยู่ตรงหน้าเลยค่ะ เห็นทางลาดแบบนี้มันลื่นและทรงตัวยากอยู่นะคะ ใครเดินขึ้นไประวังกันด้วยน๊า
อย่างที่บอกว่าในถ้ำนี้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ นี่คือ จิ้งหรีดถ้ำ (น่าจะใช่นะ)
เดินมาสุดทางแล้ว พวกเราใช้เวลาในถ้ำพอสมควร เต็มอิ่มมากๆสมกับที่อยากมา
จบแล้วกับการพาทัวร์ในถ้ำ ภายในสวยจริง การจัดการทางเดินก็ดีจริง ไกด์ก็ให้ข้อมูลความรู้ได้ดีจริง ทุกอย่างประทับใจ แต่ไม่รู้ทำไมคนไม่ค่อยมากัน หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นอีก1ทริปที่น่าสนใจนะคะ อยากให้ไปๆค่ะ ช่วยกันส่งเสริมการท่องเที่ยว เมืองไทยเรามีของดีอยู่เยอะเลยนะคะ เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ค่ะ
เวลาทำการ - ทุกวัน 8.30-15.30น.
ติดตามเราต่อเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้FB:ชอบเที่ยวมีไรปะ
https://www.facebook.com/BeCrazyAboutTravel/
ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้ กระทู้นี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้า
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ
[CR] มหัศจรรย์ ถ้ำภูผาเพชร ถ้ำใหญ่ที่สุดในไทย
เที่ยวถ้ำมาก็หลายที่แล้ว ถ้าไม่ได้ไปถ้ำที่ใหญ่ติดอันดับ4ของโลก และใหญ่ที่สุดในไทย(ตามคำบอกเล่าจากไกด์ท้องถิ่น ซึ่งยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด) กับมุมอลังการ ลานแสงมรกตคงจะพลาดอย่างแรง
ถ้ำภูผาเพชร อยู่จังหวัดสตูล โดยองค์การUNESCO ประกาศให้ อุทยานธรณีสตูล เป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นลำดับที่ 36 ของโลกด้วย ที่นี่ค่อนข้างห่างไกลแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งถ้าไปก็คือจะใช้เวลา เรียกได้ว่าไม่สามารถไปไหนต่อได้แล้ว แต่เราว่ามันคุ้มค่ามากจริงค่ะ
ภายในถ้ำเป็นถ้ำหินปูน มีหินงอกหินย้อยที่ยังมีการเจริญเติบโตอยู่ คือเป็นห้องสำหรับการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีเลยนะคะ พื้นที่ใหญ่มากๆมีเนื้อที่ภายในถ้ำกว่า 50 ไร่(เปิดให้เข้าชมเป็นบางส่วน) ด้านในถ้ำมีการจัดการที่ค่อนข้างดี เราเรียกว่าดีที่สุดที่เคยไปถ้ำในไทยมาเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยความอัศจรรย์ภายในนั้นยิ่งใหญ่สมกับเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในบ้านเราจริงๆอีกด้วยค่ะ
ความอัศจรรย์แรกที่อยากพรีเซ้นต์มากคือภาพนี้ค่ะ ไกด์ท้องถิ่นฉายไฟไปที่เพดานมุมสูงมากแล้วถามพวกเราว่าเห็นเป็นภาพอะไร เราพยายามมองด้วยสายตาอันสั้นของเรา จนเพื่อนเราพูดขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าขนลุกเลยอ่ะ ก่อนจะเฉลย ลองย้อนไปมองภาพดีดีอีกทีนึงกันค่ะ ใช้ใจมองแล้วจะขนลุกตามพวกเรา ภาพที่ปรากฎต้องขอชื่นชมคนที่ค้นพบคนแรกจริงๆเพราะไม่ได้อยู่ในระดับสายตาเลยค่ะ อยู่มุมสูง ไกลและมืดถ้าไม่มีไฟฉายส่องไม่สามารถรู้ได้เลย เห็นกันรึยังคะ ใช่ค่ะ พ่ออยู่กับพวกเราทุกที่ เห็นเหมือนกันมั้ยคะ เป็นรูปในหลวงรัชกาลที่๙ ถือแผนที่ทรงงาน ภาพที่พวกเราทุกคนเห็นแล้วคุ้นตาอย่างแน่นอน
ที่นี่ได้ค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีที่สันนิษฐานได้ว่า ถ้ำภูผาเพชรน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ประมาณกว่า3,000 ปี โดยมีการพบกระดูกมนุษย์ยุคโบราณส่วนกระโหลกศีรษะ เศษภาชนะดินเผาเคลือบลายเชือกทาบ ที่ก้นภาชนะมีเปลือกหอยยึดเกาะ
มหัศจรรย์หินงอกหินย้อย เห็นแบบนี้อย่าได้ซนเอามือไปจับไปแตะเชียวนะ ให้เขาได้อยู่ต่อไปอย่างธรรมชาติของเขาเพราะมันไม่ง่ายนะคะกว่าจะเกิดขึ้นมาได้ มันใช้เวลาเป็นร้อยเป็นพันปี หากเราไปจับเขาอาจหยุดการงอกไปเลยก็ได้นะ
ค่าเข้าต่างๆตามภาพเลยค่ะ ถูกมากๆเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราได้สัมผัส จะบอกว่าคนน้อยมาก แทบไม่มีเลย ทางเดินภายในถ้ำก็ทำมาดีมาก ไปเถอะค่ะ
นอกจากค่าธรรมเนียมการเข้าแล้ว จะมีค่าไกด์นำทาง ไกด์ท้องถิ่นกลุ่มละ1คน50บาท และจุดนี้มีจะไฟฉายให้เช่า ควรจะเช่า!!! เพราะมันมืดมากจริงๆค่ะ เพื่อความปลอดภัยในการเดินนะคะ ไฟมือถือที่เราใช้กันมันอ่อนเกินไปจะส่องในถ้ำได้ และส่วนในทางเดินนั้นเราต้องเดินขึ้นบันไดไปกว่า300ขั้นก่อนจะได้เข้าถ้ำกันค่ะ เรียกเหงื่อและหอบไปพร้อมๆกันเลย
มาถึงปากถ้ำแล้วค่ะ ช่องเล็กๆทางด้านขวาของภาพนั่นแหละค่ะทางเข้าต้องมุดกันหน่อย เป็นทางเข้าที่ถูกเจาะขึ้นใหม่ สาเหตุที่มีช่องที่แคบเพราะว่าป้องกันการรบกวนสภาพแวดล้อมภายในถ้ำ
เรามาดูข้อควรปฏิบัติ และสิ่งที่เราจะได้พบเห็นภายในถ้ำกันก่อนค่ะ
พอมุดทางเข้ามาก็ว๊าวแล้วอ่า มันเป็นโถงที่ใหญ่มากๆ สูงโปร่ง ไม่อึดอัด หินก็มีลักษณะรูปทรงต่างๆออกไปตามจินตนาการของแต่ละคน ถ้าเด็กๆมานี่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีมากๆเลยนะ
หินพวกนี้จะเป็นหินปูนเวลาถูกแสงไฟส่องแล้วจะเป็นประกายระยิบระยับ เลยเป็นที่มาของชื่อ ถ้ำภูผาเพชร สวยมากอย่างกับกากเพชร
ในถ้ำแห่งนี้มีหินงอกหินย้อยจำนวนมากที่มีพวกแร่ธาตุต่างๆมารวมกัน
ทางเดินมีไฟให้เกือบจะตลอดทางให้พอเห็น แต่บางช่วงไม่มีไฟก็จะมืดแบบน่ากลัวมากเมื่อปิดไฟ เดินๆอยู่ไกด์ก็พูดขึ้นมาว่าในถ้ำแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่หลายชนิด รอบเมื่อเช้าโชคดีมากเลยเจองู โอ๊ยยย ไม่อยากโชคดีจ้าพี่จ๋า หลังจากไกด์พูดจบขนลุกเดินระแวงเสียวขามาก
มันเกิดขึ้นเป็นทรงต่างๆแปลกๆได้ไงก็แอบสงสัย มันคงเป็นความอัศจรรย์อ่าแหละ
เส้นทางคดเตี้ยว มีมุดบ้าง อย่าเดินเพลินเด๋วหัวจะโดนสอยไป ดูได้เลยว่าทางเดินทำไว้ดีมากและรับประกันเลยว่าถ้ำนี้สวยที่สุด ต้องมาๆ
ใครมาถ้ำภูผาเพชรบอกเลย มีอะไรให้ได้ศึกษาเยอะมาก อันนี้เขาเรียกอะไรเราก็จำไม่ได้แฮะ ขออภัยค่ะ
เดินเพลินๆก็มาถึงครึ่งทางแล้วค่ะ เจ้าก้อนนี้ โคตะระอภิมหึมา หลักพันปีแน่นอนกว่าจะมาเป็นโดมนี้ได้ โดยเจ้าก้อนนี้เขาเรียกกันว่าโดมศิลาเพชรค่ะ
ยิ่งเดินก็ยิ่งทึ่งกับธรรมชาติสรรสร้าง จะเห็นได้เลยว่าถ้าไม่มีคนไปทำลาย ธรรมชาติก็จะมอบของขวัญให้เราแบบนี้แหละ
ทางเดินดีแทบไม่ต้องลงมาเดินที่พื้นดินเลย แต่มีบางช่วงที่ต้องสัมผัสพื้นดินบ้าง อาจมีลื่นบ้างเดินด้วยความระมัดระวังกันด้วยนะคะ
เรามาสุดทางของถ้ำที่ ลานแสงมรกตแล้วค่ะ กับแสงส่องสว่างจากปากปล่องถ้ำ ว๊าวมากๆ พวกเราตัดสินใจมากันเพราะมุมนี้เลย ยิ่งใหญ่สมกับตำแหน่งที่1ในไทย นี่แหละที่ต้องการมันคือไฮไลท์ของถ้ำภูผาเพชรเลยล่ะ
มาให้ถูกช่วงเวลาก็จะได้เห็นแสงจากธรรมชาติสาดลงมากระทบกับหินกลายเป็นสีเขียวมรกตสวยงามแบบนี้ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมคือเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน เวลาประมาณบ่าย3 แต่ขนาดว่าเราไม่ได้ไปตามช่วงเดือนที่เขาว่ากันว่าเหมาะสม เรายังตะลึงกับความงามที่อยู่ตรงหน้าเลยค่ะ เห็นทางลาดแบบนี้มันลื่นและทรงตัวยากอยู่นะคะ ใครเดินขึ้นไประวังกันด้วยน๊า
อย่างที่บอกว่าในถ้ำนี้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ นี่คือ จิ้งหรีดถ้ำ (น่าจะใช่นะ)
เดินมาสุดทางแล้ว พวกเราใช้เวลาในถ้ำพอสมควร เต็มอิ่มมากๆสมกับที่อยากมา
จบแล้วกับการพาทัวร์ในถ้ำ ภายในสวยจริง การจัดการทางเดินก็ดีจริง ไกด์ก็ให้ข้อมูลความรู้ได้ดีจริง ทุกอย่างประทับใจ แต่ไม่รู้ทำไมคนไม่ค่อยมากัน หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นอีก1ทริปที่น่าสนใจนะคะ อยากให้ไปๆค่ะ ช่วยกันส่งเสริมการท่องเที่ยว เมืองไทยเรามีของดีอยู่เยอะเลยนะคะ เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ค่ะ
เวลาทำการ - ทุกวัน 8.30-15.30น.
ติดตามเราต่อเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้