สวัสดีค่ะ
เรามีปัญหาครอบครัวค่อนข้างหนักใจ สำหรับชีวิตหลังการมีครอบครัว
สำหรับคนอื่นอาจมองว่าเรื่องเล็ก แต่สำหรับเรามันเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ
เราหนักใจเรื่องแม่สามี และพี่สามีค่ะ
เรากับสามี แต่งงานจดทะเบียนสมรส มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน
ซื้อบ้าน 1 หลังรถ 1 คัน (เป็นสินสมรส/กู้ร่วม)
สามีเราทำงานไป ๆ กลับ ๆ ต่างจังหวัด
ไม่สามารถขอย้ายกับมาได้
และเราไม่สามารถย้ายตามไปอยู่กับสามีได้ เพราะเป็นการอยู่ไม่ถาวรในแต่ละแห่ง
สามีดีกับเรา รักเรารักลูกมากค่ะ
ครอบครัวสามี
-แม่สามีปัจจุบันอยู่กับสามีและเรา
(ให้เงินเดือนใช้ทุกเดือน ค่าของใช้ส่วนตัว ค่ากับข้าวไม่ต้องจ่าย เราและสามีจ่ายให้หมด เงินที่ได้เก็บทุกเดือน)
-พ่อสามีเสียแล้ว
-สามีมีพี่ชาย 1 คน แต่งงานแล้ว ปัจจุบันพี่ชายอยู่บ้านของภรรยาเขา
-แม่สามีไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร คือ ไม่มีบ้านไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพย์ใด ๆ เป็นของตนเอง
-พี่ชายสามีและพี่สะใภ้ไม่มีสมบัติอะไรเป็นของตัวเอง ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
พี่สะใภ้อยู่ในบ้านของตายาย ตายายพี่สะใภ้มีลูกหลายคน / พี่สะใภ้มีพี่น้องหลายคน
บ้านหลังที่อยู่พี่สะใภ้จะได้เป็นสมบัติของพี่สะใภ้ไหม คาดการณ์ยากมาก
พี่ชายสามีเป็นบุคคลล้มละลาย (มีหนังสือค่ะ)
ยืมเงินสามีเราบ่อย และไม่คืน
-ตัวสามีเรา มีบ้านหลังที่เป็นสินสมรสที่กู้ร่วมกับเราหลังนี้ มีรถ 1 คน มีเงินเก็บซึ่งเราห้ามเขาไม่ให้บอกใครว่ามีเงินเก็บไม่มากหลักแสน
(ซึ่งสามีเองก็ไม่รู้เพราะเรากระจายเก็บหลายบัญชี ให้เป็นหลักหมื่นจะได้ดูมีไม่มากเมื่อยังไม่ได้รวมกัน เพราะถ้ารู้สามีจะใจอ่อนเสมอเวลาพี่ชายมายืม)
แม่สามีมีข้อดีไหม:
มีค่ะ ดีค่ะ
-เลี้ยงลูกสาวเราดี เลี้ยงด้วยความรัก
แต่ถ้าหากพี่ชายคนโตมา ไม่ค่อยสนใจลูกเราค่ะ
-ให้เงินเราและสามียืม ครั้งที่เริ่มทำงานใหม่ ๆ เงินเดือนน้อย
สิ่งที่เราอึดอัด
1.แม่สามีกำลังพยายามทำให้บ้านหลังที่เราซื้อกับสามีซึ่งเป็นสินสมรส
กลายเป็นสมบัติของครอบครัวเขา กลายเป็นบ้านพี่น้อง ไม่ใช่บ้านลูกชายลูกสะใภ้
ทำไมเราคิดแบบนั้น :
-แม่ย่าพยายามจะจัดห้องนอนแบบถาวรให้พี่ชาย 1 ห้อง ในบ้านของเรา
พูดออกมาเลยว่าจะเอาไว้ให้ “ชื่อพี่ชาย” มันนอน
-รถทุกคันของเราและสามีให้พี่ชายเอาไปขับได้ตามสบาย ในเวลาที่สามีเราไม่อยู่ ถ้าจะใช้รถพี่ชายหยิบกุญแจขับไปได้เลย (เมื่อก่อนเรามีรถ 2 คน ขายไปแล้วให้เหลือ 1 พอ)
-มีหลายเหตุการณ์ที่แม่สามีพยายามทำให้พี่ชายเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้อีกคนหนึ่ง
หากเราลงรายละเอียดมากกว่านี้ คิดว่าสามีมาอ่านคงรู้ และเกิดปัญหาเพิ่มขึ้น
แม่สามีรักพี่ชายสามีมาก
เพราะพี่ชายสามีเอาตัวไม่รอด
ทุกอย่างที่ทำจะนึกถึงพี่ชายก่อนเสมอ
2.พี่ชายและพี่สะใภ้เป็นคนไม่มีความเกรงใจ
-พี่ชายกับพี่สะใภ้ คิดจะพาเพื่อนคนไหนของเขามาบ้านก็มา คิดจะพาใครมาค้างก็มา
ไม่เคยพูดคำว่าขออนุญาตเรา หรือสามี ขอแม่ก็ไม่ได้ขอ
เคยพาเพื่อนผู้ชายมาค้างมานั่งดื่มเบียร์ที่บ้าน โดยที่สามีเราไม่อยู่
ไม่ได้บอกสามีเรา ไม่ได้บอกเรา เขาถือว่ามาหาแม่เขา
3.ถ้าเรามีปัญหากับการที่พี่ชายสามีหรือพี่สะใภ้พาใครมาค้างที่บ้าน
แม่สามีจะมีปัญหาแสดงหน้าบึงตึงกับเราเสมอ
เราต้องพยายามยอม ๆ นิ่ง ๆ เพราะเขาเลี้ยงลูกเรา
เรากลัวเขาจะพาลไม่ดีกับลูกเรา
4.ทุกครั้งที่พี่ชายและพี่สะใภ้มา รวมทั้งบรรดาเพื่อน ๆ พี่ชายพี่สะใภ้มา
คนที่ต้องเกรงใจ คือ เราและลูกสาวเรา
ลูกสาวเราจะถูกดุเสมอหากเล่นส่งเสียง
แม่สามีให้เหตุผลว่ารบกวนผู้ใหญ่จะนอน ซึ่งเราก็เห็นอยู่ ว่าจริง ๆ เขาเล่นกัน แต่แม่สามีจะเอาใจพี่ชายไว้ก่อนเสมอ
หรือกรณีเช่น พี่ชายพี่สะใภ้มา เพื่อนมาด้วย
แม่สามีก็ประเคนทำอาหารเสิร์ฟแบบไม่ต้องเกรงใจเรากันเลย
หรือ ถ้าพี่ชายพี่สะใภ้เข้าครัวเองก็เละ เราก็พูดอะไรไม่ได้
สิ่งที่เราหนักใจและกลัว
กลัวว่าสักวันหนึ่ง พี่ชายสามีจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเราค่ะ
ทำไมถึงคิดว่าจะย้ายมา
เพราะพี่ชายสามีและพี่สะใภ้ มีปัญหากันไม่ค่อยราบรื่น
ปัญหาเรื่องเงินด้วย พี่ชายสามีและพี่สะใภ้ไม่ได้มีงานประจำ หรืออาชีพค้าขายอะไรที่แน่นอน
ส่วนใหญ่เน้นไปทางการขายแบบขายตรง ทำมาตั้งแต่ก่อนเรารู้จักสามี และจนถึงปัจจุบันเกือบ 20 ปี แล้ว
ก็ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเพิ่มขึ้นมา แต่หนี้สินเยอะมาก
(เราไม่ได้พูดว่าขายตรงดีหรือไม่ดีอย่างไร เราเพียงอธิบายให้ฟังถึงสถานะทางการเงินและครอบครัวของเขา)
ถ้าพี่ชายสามีย้ายเข้ามาอยู่ด้วยแล้วมันจะมีปัญหาอะไร:
-พี่ชายสามีเป็นคนไม่มีความเกรงใจ หากย้ายเข้ามาอยู่คิดจะพาเพื่อนมากินเหล้าเบียร์คงไม่เกรงใจเราและลูก
-พี่ชายสามีเป็นคนไม่ยอมคน อันธพาลในระดับหนึ่ง ทะเลาะกับคนบ่อย ๆ ไม่เคยฟังใคร ไม่เคยยอมใคร
-พี่ชายสามีเป็นคนค่อยข้างไม่ค่อยสะอาดน้ำไม่ค่อยอาบ เสื้อผ้าใส่เหม็นอับ ใส่ซ้ำได้แบบไม่ต้องซัก (มีกลิ่นเหม็น)
เรากับลูกคงอยู่ลำบากมาก
เราและลูกในขณะสามีไปทำงานต่างจังหวัด
พี่ชายสามีและแม่สามีอยู่ด้วยกัน เขาจะทำอะไรก็ได้
พี่ชายจะพาเพื่อนมากินเหล้าหรืออะไรเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
และเราพูดอะไรไม่ได้เลยในสิ่งที่เราไม่ชอบ
เราเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาวเรา
(เราค่อยข้างไม่ไว้ใจสังคมในปัจจุบันระดับหนึ่งด้วย)
ถามว่าเราเคยพูดกับสามีไหมในสิ่งที่เราอึดอัด และหนักใจ
เราเคยพูดกับสามีในสิ่งที่เราอึดอัด
กลับกลายเป็นว่าสามีก็อึดอัดไม่แพ้กัน เพราะสามีบอกว่าเขาเป็นคนกลาง นั้นก็พี่และแม่ นี่ก็เมีย
สามีพูดว่าพี่ชายก็เคยมีบุญคุณกับเขาสมัยเรียน ก็เคยให้เงินสามีใช้ไปเรียน
เราก็อึดอัดไปใหญ่ คือ พี่ชายเป็นคนที่มีบุญคุณกับสามี
แล้วเรากับลูก ต้องยอมอะไรก็ได้เหรอ
เราพูดกับสามีในสิ่งที่เราหนักใจและกลัว
กลัวว่าเขาจะย้ายมาอยู่ที่บ้าน และเกิดปัญหาแบบที่เราคิด
สามีบอกว่าเราใจแคบ
ใจคอเราจะไม่เอาญาติพี่น้องเลยเหรอ
เราจะอยู่ตัวคนเดียวบนโลกเหรอ
กลับกลายว่าเราเป็นคนใจแคบ เราผิด
เราเสียใจนะ เราอึ้งมากเลย นี่บ้านเรานะ
เรากู้ด้วยกันผ่อนด้วยกัน
เราก็อยากอยู่กันแบบสบายใจในบ้านของเรา
เราไม่เคยคิดจะพาญาติพี่น้องคนไหนมาอยู่ให้สามีลำบากใจอึดอัดใจ
ลำพังแม่สามีมาอยู่ เราไม่มีปัญหาเลยเราเข้าใจ คือ บุพการี
แต่กลับพี่ชาย หากมาอยู่แล้วขอให้อยู่แบบเกรงใจเราได้ เราก็พอยอมไหวนะ
แต่จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิด เราคิดว่า ทั้งพี่ชายทั้งแม่สามีคงไม่เกรงใจเราและลูกแน่ ๆ
เราคุยกับสามีจากที่หาทางแก้ปัญหา กลายเป็นเรา 2 คนทะเลาะกันเอง
เรามองว่าต่อไป มีแนวโน้นมากว่าหากเหตุการณ์เกิดขึ้น ครอบครัวเราคงพังแน่ ๆ
เพราะถ้าหาก
สามีเลือกบุญคุณของพี่ชายที่มีให้เขา มากกว่า เลือกเรากับลูก
ยอมให้พี่ชายเข้ามาอยู่
เราคงขอหย่ากับสามีด้วยการแบ่งสินสมรส
และเราก็ให้ลูกอยู่กับเรา ปล่อยสามีไปอยู่กับครอบครัวเขา แม่ พี่ชายเขาไป
เราคิดไว้แบบนั้นจริง ๆ
ทุกครั้งเราก็คิด ถ้า คิดจะต้องตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณมากขนาดนั้น
แล้วสามีจะมีเรากับลูกมาเพื่ออะไร
เราไม่ได้มีครอบครัวมาเพื่อตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณสามีแบบไร้เหตุผล
แบบไม่ลืมหูลืมตานะ
ไม่ใช่ว่าเราไม่มีน้ำใจ แต่เราว่าเกินความพอดี ล้ำเส้น
ที่เราเครียด
เพราะเราไม่อยากให้ครอบครัวเราพังเพราะคนอื่น
เราควรพูดกับสามียังไงให้เข้าใจเรา
หรือเราใจแคบไปจริง ๆ เราควรใจกว้างกว่านี้ เราควรคิดใหม่เหรอค่ะ
เรายินดีรับฟังนะคะ ถ้าเราเป็นคนใจแคบจริง ๆ ทัศนคติแย่
เรายินดีเปลี่ยนค่ะ จริง ๆ เราไม่ได้อยากเสียความเป็นครอบครัวไปค่ะ
เผื่ออะไร ๆ มันจะดีขึ้นเผื่อความรู้สึกเราที่เปลี่ยนไปมันจะทำให้เราดีขี้นนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมากคะ
(คะ/ค่ะ ตรงไหนผิดขออภัยไว้ในที่นี่คะ)
เรามีปัญหาครอบครัวค่อนข้างหนักใจ สำหรับชีวิตหลังการมีครอบครัว
เรามีปัญหาครอบครัวค่อนข้างหนักใจ สำหรับชีวิตหลังการมีครอบครัว
สำหรับคนอื่นอาจมองว่าเรื่องเล็ก แต่สำหรับเรามันเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ
เราหนักใจเรื่องแม่สามี และพี่สามีค่ะ
เรากับสามี แต่งงานจดทะเบียนสมรส มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน
ซื้อบ้าน 1 หลังรถ 1 คัน (เป็นสินสมรส/กู้ร่วม)
สามีเราทำงานไป ๆ กลับ ๆ ต่างจังหวัด
ไม่สามารถขอย้ายกับมาได้
และเราไม่สามารถย้ายตามไปอยู่กับสามีได้ เพราะเป็นการอยู่ไม่ถาวรในแต่ละแห่ง
สามีดีกับเรา รักเรารักลูกมากค่ะ
ครอบครัวสามี
-แม่สามีปัจจุบันอยู่กับสามีและเรา
(ให้เงินเดือนใช้ทุกเดือน ค่าของใช้ส่วนตัว ค่ากับข้าวไม่ต้องจ่าย เราและสามีจ่ายให้หมด เงินที่ได้เก็บทุกเดือน)
-พ่อสามีเสียแล้ว
-สามีมีพี่ชาย 1 คน แต่งงานแล้ว ปัจจุบันพี่ชายอยู่บ้านของภรรยาเขา
-แม่สามีไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร คือ ไม่มีบ้านไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพย์ใด ๆ เป็นของตนเอง
-พี่ชายสามีและพี่สะใภ้ไม่มีสมบัติอะไรเป็นของตัวเอง ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
พี่สะใภ้อยู่ในบ้านของตายาย ตายายพี่สะใภ้มีลูกหลายคน / พี่สะใภ้มีพี่น้องหลายคน
บ้านหลังที่อยู่พี่สะใภ้จะได้เป็นสมบัติของพี่สะใภ้ไหม คาดการณ์ยากมาก
พี่ชายสามีเป็นบุคคลล้มละลาย (มีหนังสือค่ะ)
ยืมเงินสามีเราบ่อย และไม่คืน
-ตัวสามีเรา มีบ้านหลังที่เป็นสินสมรสที่กู้ร่วมกับเราหลังนี้ มีรถ 1 คน มีเงินเก็บซึ่งเราห้ามเขาไม่ให้บอกใครว่ามีเงินเก็บไม่มากหลักแสน
(ซึ่งสามีเองก็ไม่รู้เพราะเรากระจายเก็บหลายบัญชี ให้เป็นหลักหมื่นจะได้ดูมีไม่มากเมื่อยังไม่ได้รวมกัน เพราะถ้ารู้สามีจะใจอ่อนเสมอเวลาพี่ชายมายืม)
แม่สามีมีข้อดีไหม:
มีค่ะ ดีค่ะ
-เลี้ยงลูกสาวเราดี เลี้ยงด้วยความรัก
แต่ถ้าหากพี่ชายคนโตมา ไม่ค่อยสนใจลูกเราค่ะ
-ให้เงินเราและสามียืม ครั้งที่เริ่มทำงานใหม่ ๆ เงินเดือนน้อย
สิ่งที่เราอึดอัด
1.แม่สามีกำลังพยายามทำให้บ้านหลังที่เราซื้อกับสามีซึ่งเป็นสินสมรส
กลายเป็นสมบัติของครอบครัวเขา กลายเป็นบ้านพี่น้อง ไม่ใช่บ้านลูกชายลูกสะใภ้
ทำไมเราคิดแบบนั้น :
-แม่ย่าพยายามจะจัดห้องนอนแบบถาวรให้พี่ชาย 1 ห้อง ในบ้านของเรา
พูดออกมาเลยว่าจะเอาไว้ให้ “ชื่อพี่ชาย” มันนอน
-รถทุกคันของเราและสามีให้พี่ชายเอาไปขับได้ตามสบาย ในเวลาที่สามีเราไม่อยู่ ถ้าจะใช้รถพี่ชายหยิบกุญแจขับไปได้เลย (เมื่อก่อนเรามีรถ 2 คน ขายไปแล้วให้เหลือ 1 พอ)
-มีหลายเหตุการณ์ที่แม่สามีพยายามทำให้พี่ชายเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้อีกคนหนึ่ง
หากเราลงรายละเอียดมากกว่านี้ คิดว่าสามีมาอ่านคงรู้ และเกิดปัญหาเพิ่มขึ้น
แม่สามีรักพี่ชายสามีมาก
เพราะพี่ชายสามีเอาตัวไม่รอด
ทุกอย่างที่ทำจะนึกถึงพี่ชายก่อนเสมอ
2.พี่ชายและพี่สะใภ้เป็นคนไม่มีความเกรงใจ
-พี่ชายกับพี่สะใภ้ คิดจะพาเพื่อนคนไหนของเขามาบ้านก็มา คิดจะพาใครมาค้างก็มา
ไม่เคยพูดคำว่าขออนุญาตเรา หรือสามี ขอแม่ก็ไม่ได้ขอ
เคยพาเพื่อนผู้ชายมาค้างมานั่งดื่มเบียร์ที่บ้าน โดยที่สามีเราไม่อยู่
ไม่ได้บอกสามีเรา ไม่ได้บอกเรา เขาถือว่ามาหาแม่เขา
3.ถ้าเรามีปัญหากับการที่พี่ชายสามีหรือพี่สะใภ้พาใครมาค้างที่บ้าน
แม่สามีจะมีปัญหาแสดงหน้าบึงตึงกับเราเสมอ
เราต้องพยายามยอม ๆ นิ่ง ๆ เพราะเขาเลี้ยงลูกเรา
เรากลัวเขาจะพาลไม่ดีกับลูกเรา
4.ทุกครั้งที่พี่ชายและพี่สะใภ้มา รวมทั้งบรรดาเพื่อน ๆ พี่ชายพี่สะใภ้มา
คนที่ต้องเกรงใจ คือ เราและลูกสาวเรา
ลูกสาวเราจะถูกดุเสมอหากเล่นส่งเสียง
แม่สามีให้เหตุผลว่ารบกวนผู้ใหญ่จะนอน ซึ่งเราก็เห็นอยู่ ว่าจริง ๆ เขาเล่นกัน แต่แม่สามีจะเอาใจพี่ชายไว้ก่อนเสมอ
หรือกรณีเช่น พี่ชายพี่สะใภ้มา เพื่อนมาด้วย
แม่สามีก็ประเคนทำอาหารเสิร์ฟแบบไม่ต้องเกรงใจเรากันเลย
หรือ ถ้าพี่ชายพี่สะใภ้เข้าครัวเองก็เละ เราก็พูดอะไรไม่ได้
สิ่งที่เราหนักใจและกลัว
กลัวว่าสักวันหนึ่ง พี่ชายสามีจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเราค่ะ
ทำไมถึงคิดว่าจะย้ายมา
เพราะพี่ชายสามีและพี่สะใภ้ มีปัญหากันไม่ค่อยราบรื่น
ปัญหาเรื่องเงินด้วย พี่ชายสามีและพี่สะใภ้ไม่ได้มีงานประจำ หรืออาชีพค้าขายอะไรที่แน่นอน
ส่วนใหญ่เน้นไปทางการขายแบบขายตรง ทำมาตั้งแต่ก่อนเรารู้จักสามี และจนถึงปัจจุบันเกือบ 20 ปี แล้ว
ก็ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเพิ่มขึ้นมา แต่หนี้สินเยอะมาก
(เราไม่ได้พูดว่าขายตรงดีหรือไม่ดีอย่างไร เราเพียงอธิบายให้ฟังถึงสถานะทางการเงินและครอบครัวของเขา)
ถ้าพี่ชายสามีย้ายเข้ามาอยู่ด้วยแล้วมันจะมีปัญหาอะไร:
-พี่ชายสามีเป็นคนไม่มีความเกรงใจ หากย้ายเข้ามาอยู่คิดจะพาเพื่อนมากินเหล้าเบียร์คงไม่เกรงใจเราและลูก
-พี่ชายสามีเป็นคนไม่ยอมคน อันธพาลในระดับหนึ่ง ทะเลาะกับคนบ่อย ๆ ไม่เคยฟังใคร ไม่เคยยอมใคร
-พี่ชายสามีเป็นคนค่อยข้างไม่ค่อยสะอาดน้ำไม่ค่อยอาบ เสื้อผ้าใส่เหม็นอับ ใส่ซ้ำได้แบบไม่ต้องซัก (มีกลิ่นเหม็น)
เรากับลูกคงอยู่ลำบากมาก
เราและลูกในขณะสามีไปทำงานต่างจังหวัด
พี่ชายสามีและแม่สามีอยู่ด้วยกัน เขาจะทำอะไรก็ได้
พี่ชายจะพาเพื่อนมากินเหล้าหรืออะไรเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
และเราพูดอะไรไม่ได้เลยในสิ่งที่เราไม่ชอบ
เราเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาวเรา
(เราค่อยข้างไม่ไว้ใจสังคมในปัจจุบันระดับหนึ่งด้วย)
ถามว่าเราเคยพูดกับสามีไหมในสิ่งที่เราอึดอัด และหนักใจ
เราเคยพูดกับสามีในสิ่งที่เราอึดอัด
กลับกลายเป็นว่าสามีก็อึดอัดไม่แพ้กัน เพราะสามีบอกว่าเขาเป็นคนกลาง นั้นก็พี่และแม่ นี่ก็เมีย
สามีพูดว่าพี่ชายก็เคยมีบุญคุณกับเขาสมัยเรียน ก็เคยให้เงินสามีใช้ไปเรียน
เราก็อึดอัดไปใหญ่ คือ พี่ชายเป็นคนที่มีบุญคุณกับสามี
แล้วเรากับลูก ต้องยอมอะไรก็ได้เหรอ
เราพูดกับสามีในสิ่งที่เราหนักใจและกลัว
กลัวว่าเขาจะย้ายมาอยู่ที่บ้าน และเกิดปัญหาแบบที่เราคิด
สามีบอกว่าเราใจแคบ
ใจคอเราจะไม่เอาญาติพี่น้องเลยเหรอ
เราจะอยู่ตัวคนเดียวบนโลกเหรอ
กลับกลายว่าเราเป็นคนใจแคบ เราผิด
เราเสียใจนะ เราอึ้งมากเลย นี่บ้านเรานะ
เรากู้ด้วยกันผ่อนด้วยกัน
เราก็อยากอยู่กันแบบสบายใจในบ้านของเรา
เราไม่เคยคิดจะพาญาติพี่น้องคนไหนมาอยู่ให้สามีลำบากใจอึดอัดใจ
ลำพังแม่สามีมาอยู่ เราไม่มีปัญหาเลยเราเข้าใจ คือ บุพการี
แต่กลับพี่ชาย หากมาอยู่แล้วขอให้อยู่แบบเกรงใจเราได้ เราก็พอยอมไหวนะ
แต่จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิด เราคิดว่า ทั้งพี่ชายทั้งแม่สามีคงไม่เกรงใจเราและลูกแน่ ๆ
เราคุยกับสามีจากที่หาทางแก้ปัญหา กลายเป็นเรา 2 คนทะเลาะกันเอง
เรามองว่าต่อไป มีแนวโน้นมากว่าหากเหตุการณ์เกิดขึ้น ครอบครัวเราคงพังแน่ ๆ
เพราะถ้าหาก
สามีเลือกบุญคุณของพี่ชายที่มีให้เขา มากกว่า เลือกเรากับลูก
ยอมให้พี่ชายเข้ามาอยู่
เราคงขอหย่ากับสามีด้วยการแบ่งสินสมรส
และเราก็ให้ลูกอยู่กับเรา ปล่อยสามีไปอยู่กับครอบครัวเขา แม่ พี่ชายเขาไป
เราคิดไว้แบบนั้นจริง ๆ
ทุกครั้งเราก็คิด ถ้า คิดจะต้องตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณมากขนาดนั้น
แล้วสามีจะมีเรากับลูกมาเพื่ออะไร
เราไม่ได้มีครอบครัวมาเพื่อตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณสามีแบบไร้เหตุผล
แบบไม่ลืมหูลืมตานะ
ไม่ใช่ว่าเราไม่มีน้ำใจ แต่เราว่าเกินความพอดี ล้ำเส้น
ที่เราเครียด
เพราะเราไม่อยากให้ครอบครัวเราพังเพราะคนอื่น
เราควรพูดกับสามียังไงให้เข้าใจเรา
หรือเราใจแคบไปจริง ๆ เราควรใจกว้างกว่านี้ เราควรคิดใหม่เหรอค่ะ
เรายินดีรับฟังนะคะ ถ้าเราเป็นคนใจแคบจริง ๆ ทัศนคติแย่
เรายินดีเปลี่ยนค่ะ จริง ๆ เราไม่ได้อยากเสียความเป็นครอบครัวไปค่ะ
เผื่ออะไร ๆ มันจะดีขึ้นเผื่อความรู้สึกเราที่เปลี่ยนไปมันจะทำให้เราดีขี้นนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมากคะ
(คะ/ค่ะ ตรงไหนผิดขออภัยไว้ในที่นี่คะ)