คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
คำว่า 5 ขั้นตอน มันคือ เครื่องกรองน้ำ ที่ผ่านกระบวนการกรอง 5 ขั้นตอน ตามชื่อของมัน
ซึ่งในท้องตลาด มันมี ตั้งแต่
1 ขั้นตอน
2 ขั้นตอน
3 ขั้นตอน
4 ขั้นตอน
5 ขั้นตอน
6 ขั้นตอน
7 ขั้นตอน
ฯลฯ ตามแต่จะสรรหามาใส่ ให้มันดูยิ่งใหญ่
การที่มีขั้นตอน มาก หรือ น้อย ส่วนตัวผมว่าไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าน้ำที่ได้หลังจากการกรอง จะสะอาด หรือ สกปรก
ให้ดูที่ระบบของมันจะดีกว่า

แต่การที่น้ำจะเหลือสิ่งเจือปนอยู่มากน้อยแค่ไหน เหมาะสมสำหรับเป็นน้ำบริโภคแค่ไหน ต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัว
เพราะ เครื่องกรองแต่ละแบบก็มีข้อดี และข้อเสียต่างกัน ทำความเข้าใจมัน แล้วเลือกให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องการ
อันนั้นต่างหากคือจุดประสงค์หลัก
เครื่องกรองน้ำ ที่เป็นที่นิยมใช้ในครัวเรือน เท่าที่เห็นขายตามท้องตลาด หลักๆก็มีอยู่ 3 ระบบ ก็คือ RO UF 5ขั้นตอน
(ความเป็นจริงคือ มีมากมายกว่านั้น แต่โฟกัส ที่ 3 ระบบนี้ก่อน)
หัวใจของเครื่องกรองนั้น อยู่ที่ขั้นตอน ที่เรียกว่า Membrane
ตามหลักการตลาด ของร้านค้าแล้ว มักจะเรียกชื่อระบบกรองน้ำโดยเรียกจาก Membrane มันเนี่ยแหล่ะ
เพราะมันคือจุดเด่นที่สุดในระบบ ในเรื่องของความละเอียดในการกรอง และราคาที่แพง ซึ่งจะมี Membrane เพียงชนิดเดียวในเครื่องกรองน้ำ จะไม่มีการผสมข้ามพันธ์ Membrane กันมั่วซั่ว
ผมจะยกตัวอย่างเครื่องกรองน้ำ 5 ขั้นตอน ขึ้นมาสัก 3 เครื่อง สำหรับ Home use
- เครื่องนี้อาจจะมีไส้กรอง sediment, seramic, carbonเกล็ด หรืออัดแท่ง หรือ resin อะไรอีกก็ตามที่เรียกว่ากรองหยาบ ซึ่งมีกระบอกไส้กรองทั้งหมด 5 กระบอก และดันมี RO membrane
การตลาดก็จะเรียกว่าระบบกรองน้ำนี้ว่าระบบ RO เพราะไส้กรองนี้กรองได้ละเอียดที่สุด 0.0001 ไมครอน และมีราคาแพงจึงดึงเอามาเป็นชื่อสินค้า แต่ข้อเสียระบบนี้ก็มีคือ มีการใช้ไฟฟ้า ระบบมีแรงดัน น้ำดื่มมีความเป็นกรดอ่อนๆ
- เครื่องนี้อาจจะมีไส้กรอง sediment, seramic, carbonเกล็ด หรืออัดแท่ง หรือ resin อะไรอีกก็ตามอะไรอีกก็ตามที่เรียกว่ากรองหยาบ ซึ่งมีกระบอกไส้กรองทั้งหมด 5 กระบอก และดันมี UF membrane
การตลาดก็จะเรียกว่าระบบกรองน้ำนี้ว่าระบบ UF เพราะไส้กรองนี้กรองได้ละเอียด 0.01 ไมครอน และมีราคาต่ำกว่า RO แต่ก็ยังถือว่าเป็นไส้ที่กรองได้ละเอียด สามารถนำจุดเด่นมาใช้เรียกสินค้าได้ ความสะอาดก็ยังถือว่ามีคุณภาพ และมีข้อดี คือความยุ่งยากน้อยกว่า เพราะไม่มีระบบไฟฟ้าเข้ามายุ่ง
- เครื่องนี้อาจจะมีไส้กรอง sediment, seramic, carbonเกล็ด หรืออัดแท่ง หรือ resin อะไรอีกก็ตามอะไรอีกก็ตามที่เรียกว่ากรองหยาบ ซึ่งมีกระบอกไส้กรองทั้งหมด 5 กระบอก แต่ไม่มี membrane ซึ่งอาจจะเอาไส้กรองใดในด้านบนจับมาใส่แทน Membrane เพื่อลดต้นทุน
การตลาดก็จะเรียกว่าระบบกรองน้ำนี้ว่าระบบ 5 ขั้นตอน ซึ่งความสะอาดที่ได้จากการกรอง อาจจะไม่พอเพียงเพราะต้องมาดูว่าไส้กรองที่ละเอียดที่สุดละเอียดอยู่ที่เท่าไหร่ 1-5 ไมครอน ขึ้นอยู่กับคุณภาพกรองหยาบที่เราซื้อมา ซึ่งจะสู้ระบบ 2 ตัวข้างต้นไม่ได้ ที่สำคัญคือไม่มี Membrane ที่จะนำมาใช้เป็นจุดเด่น เรียกชื่อสินค้า
นอกจากนี้ก็อาจจะมีระบบ UV ระบบ Alkaline สุดแท้แต่พ่อค้าแม่ขายจะชักแม่น้ำทั้ง5 มาเป็นจุดขาย
ในอีกทางหนึ่งซึ่งเมื่อมองที่ระบบแล้ว ระบบกรอง RO แบบ 3 ขั้นตอน สามารถผลิตน้ำที่มีคุณภาพกว่าระบบธรรมดาที่มี 7,8,9 ขั้นตอนก็ได้
พอเข้าใจมั้ยครับ
ส่วนในแต่ละระบบ แต่ละยี่ห้อ ตัวไหนดีกว่ากัน ตัวนี้ไม่ดีตรงไหน เพราะอะไร ก็ต้องเจาะลึกลงไปเรื่อยๆ ครับ
ซึ่งในท้องตลาด มันมี ตั้งแต่
1 ขั้นตอน
2 ขั้นตอน
3 ขั้นตอน
4 ขั้นตอน
5 ขั้นตอน
6 ขั้นตอน
7 ขั้นตอน
ฯลฯ ตามแต่จะสรรหามาใส่ ให้มันดูยิ่งใหญ่
การที่มีขั้นตอน มาก หรือ น้อย ส่วนตัวผมว่าไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าน้ำที่ได้หลังจากการกรอง จะสะอาด หรือ สกปรก
ให้ดูที่ระบบของมันจะดีกว่า

แต่การที่น้ำจะเหลือสิ่งเจือปนอยู่มากน้อยแค่ไหน เหมาะสมสำหรับเป็นน้ำบริโภคแค่ไหน ต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัว
เพราะ เครื่องกรองแต่ละแบบก็มีข้อดี และข้อเสียต่างกัน ทำความเข้าใจมัน แล้วเลือกให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องการ
อันนั้นต่างหากคือจุดประสงค์หลัก
เครื่องกรองน้ำ ที่เป็นที่นิยมใช้ในครัวเรือน เท่าที่เห็นขายตามท้องตลาด หลักๆก็มีอยู่ 3 ระบบ ก็คือ RO UF 5ขั้นตอน
(ความเป็นจริงคือ มีมากมายกว่านั้น แต่โฟกัส ที่ 3 ระบบนี้ก่อน)
หัวใจของเครื่องกรองนั้น อยู่ที่ขั้นตอน ที่เรียกว่า Membrane
ตามหลักการตลาด ของร้านค้าแล้ว มักจะเรียกชื่อระบบกรองน้ำโดยเรียกจาก Membrane มันเนี่ยแหล่ะ
เพราะมันคือจุดเด่นที่สุดในระบบ ในเรื่องของความละเอียดในการกรอง และราคาที่แพง ซึ่งจะมี Membrane เพียงชนิดเดียวในเครื่องกรองน้ำ จะไม่มีการผสมข้ามพันธ์ Membrane กันมั่วซั่ว
ผมจะยกตัวอย่างเครื่องกรองน้ำ 5 ขั้นตอน ขึ้นมาสัก 3 เครื่อง สำหรับ Home use
- เครื่องนี้อาจจะมีไส้กรอง sediment, seramic, carbonเกล็ด หรืออัดแท่ง หรือ resin อะไรอีกก็ตามที่เรียกว่ากรองหยาบ ซึ่งมีกระบอกไส้กรองทั้งหมด 5 กระบอก และดันมี RO membrane
การตลาดก็จะเรียกว่าระบบกรองน้ำนี้ว่าระบบ RO เพราะไส้กรองนี้กรองได้ละเอียดที่สุด 0.0001 ไมครอน และมีราคาแพงจึงดึงเอามาเป็นชื่อสินค้า แต่ข้อเสียระบบนี้ก็มีคือ มีการใช้ไฟฟ้า ระบบมีแรงดัน น้ำดื่มมีความเป็นกรดอ่อนๆ
- เครื่องนี้อาจจะมีไส้กรอง sediment, seramic, carbonเกล็ด หรืออัดแท่ง หรือ resin อะไรอีกก็ตามอะไรอีกก็ตามที่เรียกว่ากรองหยาบ ซึ่งมีกระบอกไส้กรองทั้งหมด 5 กระบอก และดันมี UF membrane
การตลาดก็จะเรียกว่าระบบกรองน้ำนี้ว่าระบบ UF เพราะไส้กรองนี้กรองได้ละเอียด 0.01 ไมครอน และมีราคาต่ำกว่า RO แต่ก็ยังถือว่าเป็นไส้ที่กรองได้ละเอียด สามารถนำจุดเด่นมาใช้เรียกสินค้าได้ ความสะอาดก็ยังถือว่ามีคุณภาพ และมีข้อดี คือความยุ่งยากน้อยกว่า เพราะไม่มีระบบไฟฟ้าเข้ามายุ่ง
- เครื่องนี้อาจจะมีไส้กรอง sediment, seramic, carbonเกล็ด หรืออัดแท่ง หรือ resin อะไรอีกก็ตามอะไรอีกก็ตามที่เรียกว่ากรองหยาบ ซึ่งมีกระบอกไส้กรองทั้งหมด 5 กระบอก แต่ไม่มี membrane ซึ่งอาจจะเอาไส้กรองใดในด้านบนจับมาใส่แทน Membrane เพื่อลดต้นทุน
การตลาดก็จะเรียกว่าระบบกรองน้ำนี้ว่าระบบ 5 ขั้นตอน ซึ่งความสะอาดที่ได้จากการกรอง อาจจะไม่พอเพียงเพราะต้องมาดูว่าไส้กรองที่ละเอียดที่สุดละเอียดอยู่ที่เท่าไหร่ 1-5 ไมครอน ขึ้นอยู่กับคุณภาพกรองหยาบที่เราซื้อมา ซึ่งจะสู้ระบบ 2 ตัวข้างต้นไม่ได้ ที่สำคัญคือไม่มี Membrane ที่จะนำมาใช้เป็นจุดเด่น เรียกชื่อสินค้า
นอกจากนี้ก็อาจจะมีระบบ UV ระบบ Alkaline สุดแท้แต่พ่อค้าแม่ขายจะชักแม่น้ำทั้ง5 มาเป็นจุดขาย
ในอีกทางหนึ่งซึ่งเมื่อมองที่ระบบแล้ว ระบบกรอง RO แบบ 3 ขั้นตอน สามารถผลิตน้ำที่มีคุณภาพกว่าระบบธรรมดาที่มี 7,8,9 ขั้นตอนก็ได้
พอเข้าใจมั้ยครับ
ส่วนในแต่ละระบบ แต่ละยี่ห้อ ตัวไหนดีกว่ากัน ตัวนี้ไม่ดีตรงไหน เพราะอะไร ก็ต้องเจาะลึกลงไปเรื่อยๆ ครับ
แสดงความคิดเห็น
เครื่องกรองน้ำ 5 ขั้นตอน เราจะรู้ได้ไงว่ามันสะอาดจริง?
ถ้าใครตามเรื่องนี้ดีๆ จะเห็นได้ว่า เครื่องกรองน้ำเดี๋ยวนี้ มีขายอยู่ทั่วไปตามเว็บขายของ ราคาก็มีตั้งแต่ 800 กว่าๆ ไปจนถึงหลักหมื่น
ประเด็นคือ แบบไหนมันสะอาดจริง คนเราต้องการความสะอาดของน้ำมากแค่ไหน เรามีวิธีตรวจเช็คอย่างไร ?
น้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการดำรงค์ชีวิต เราควรเลือกดื่มน้ำที่เราคิดว่าควรค่าแก่การบริโภคจริงๆ (ถ้าซื้อขวดละ 10 บาททุกวันก็ไม่ไหว)
รบกวนผู้รู้แนะนำด้วยครับ