โดนหัวหน้าคุกคามความเป็นส่วนตัว น่ากลัวมาก!!!

เราต้องบอกก่อนว่า เราทำงานที่ญี่ปุ่น เป็น พนง. พาร์ทไทม์  ( พาร์ทไทม์ ที่คนญี่ปุ่นเรียก อะรุไบโตะ )ที่ทำงานจะมี 3 ระบบคนทำงาน
1 พนง บ. ที่กินเงินเดือน ได้สิทธิ์ทุกอย่าง แต่จะต้องย้ายสาขาทุกๆ2ปี ทั้งจังหวัดมี13สาขา แต่ถ้าไกลจากบ้านเกินก็ ขึ้นอยู่กับ เจ้าของบ. ว่าจะย้ายใครไหน

2 พาร์ทไทม์   เงินเดือนได้ตามรายชั่วโมง ไม่มีสิทธิ์อะไร แต่ค่าจ้างแพงกว่า ระดับที่3 แต่ก็ วันหยุดจะน้อยลง จะทำครึ่งวันหรือเต็มวันก็ได้

3 พาร์ทไทม์แบบ อะรุไบโตะ คือ กินรายชั่วโมง ไม่มีสิทธิ์ อะไรใดๆจากทางร้าน ส่วนมากคนกลุ่มนี้จะเป็นแม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา คนชราที่ยังแข็งแรง ค่าจ้างได้ตามค่าแรงขั้นต่ำจังหวัด


ทีนี้หัวหน้า ย้ายมาใหม่ เพราะ คนเก่าอยู่มามากกว่า 2ปีแล้ว แล้วคนนี้มาใหม่ แต่มาจาก บ. อื่นที่ยุบตัวลงและ เพิ่งจะมาเป็นหัวหน้า

มีเหตุการณ์ ที่เราทะเลาะกับคนในบ้านรุนแรง จน ออกไป อยู่ อพาร์ทรายวัน ซึ่งไกลจากที่ทำงาน

เราจึงต้องบอก ผจก. ว่า 7วันนี้ ขอเอารถยนต์มาทำงาน ดังนั้น หัวหน้าก็เลยต้องทราบเหตุผล

ระหว่างที่อยู่ อพาร์ท เพื่อรอให้สามี เครีย ปห กับคนในบ้าน ถ้าเครียไม่ได้ ก็จะตัดสินใจหย่า
แต่จะหย่าแล้วกลับไทย หรือ หย่าแล้วอยู่ต่อ ก็แล้วแต่เราจะเป็นคนกำหนด

ตอนนี้ในแผนกเรา ขาดคน เราทำเดลิ ในซุปเปอร์ คนที่ทำ จุดของทอด มีเรากับหัวหน้า2คน ที่ทำได้ (( อีก2คน.  1 คนทำได้ช่วงบ่ายเพราะงานทอดไม่เยอะ เน้นเก็บเครีย อีกคนเป็น คนสูงวัยที่ได้รับ เงินเกษียญ แต่ยังแข็งแรง เลยทำของ เบาๆ เช่น ทำเบนโตะ ))

หัวหน้าจึงพยายามให้เราไปคุยไปขอร้องสามี ให้ดีกันแล้วมาทำงานต่อ. แต่เรายังไม่ให้คำตอบ หว่าง7วัน หัวหน้าพูดเกือบทุกวัน เราก็ยังเฉย และ บอกว่า ให้สามีเครียเรื่องตัวเองให้จบ

จนวันที่6 ซึ่งจะหมดสัญญาเรื่องอพาร์ท และสามีก็เครีย ปห ใกล้จบ เราจึงย้ายกลับมา

แต่เรื่องนี้ เราไม่อยากบอกใคร ในสถานะ การเป๋นอยู่. เราจึงไลน์ไปบอกหัวหน้าว่า “เราจะไม่ลาออกจากงาน” แต่ไม่บอกสถานะ เรื่อง ระหว่างเรากับสามี

พอดีบ้านข้างๆ ติดกัน เขามีลูก4คน จึงจะขยับขยายบ้าน จึงขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ ที่อื่น
สามี จึงซื้อบ้านหลังนั้น เพราะลดความขัดแย้งกัน

ทีนี้ เราก็คุยกัน และ ถามเพื่อนร่วมงาน ว่า เราจะย้ายของ บ. ไหนดี อะไรยังไงดี

หัวหน้าได้ยินครึ่งๆกลางๆ ว่าเราคงหย่าและย้ายบ้าน  หัวหน้าเลยมาพูดกับเราทุกวัน ว่า ให้กลับไปอยู่ด้วยกัน โน่นนี่นั่น. เราไม่ตอบ ตอบแค่ ไม่รู้ ไม่รู้ อย่างเดียว

เวลาเราพูดเรื่องลูก หัวหน้าก็ยิ่งแบบ มีลูกด้วยกัน ทำไมไม่อดทน โน่นนี่นั่น !!

เราปล่อยให้ หัวหน้า มโน ต่อไปว่า เราอยู่ในสถานะหย่าและ ย้ายที่อยู่  (( เพราะถ้าบอกเรื่อง กลับมาอยู่บ้าน ถ้าเกิดมี ปห ก็จะไม่จบไม่สิ้น))

ตอนนี้ ใกล้จะย้ายไปอยู่บ้านที่ซื้อ ติดกัน
หัวหน้าก็ มโน ต่อไป และถามเราว่า

อนาคตจะกลับมาอยู่กับ สามีไหม? อะไรไหม? ลูกหล่ะ ค่าใช้จ่ายใครออก สามีให้เงินใหม?  คือ เหมือนโดนคุกคามความเป็นส่วนตัว. แถมคนในแผนก ก็ พูดว่า เวลาเราไม่อยู่ จะชอบมาถามเรื่องเรา กับ สามี ตลอดๆ เราก็ได้แต่พูดว่า ไม่รู้ อย่างเดียว และ ปล่อยให้มโน ต่อไป

และที่เราไม่อยากพูดแรงๆ ก็คือ เราโดนหัวหน้าคนก่อน กลั่นแกล้งเรา มาตลอด2ปี แต่เขาแกล้งเราและเขาเจ็บตัวเอง. แต่กับคนนี้ เราไม่อยากมี ปห ด้วย

ปล แกล้งเราแต่เขาเจ็บตัวเองคือ

ในจุดที่เราทำ เราขอทำแบบนี้ นางไม่ยอมทั้งๆที่ไม่มีอะไรเสียหาย. เขาเลยย้ายเราไป เบนโตะ
แต่เขาเอง ต้องทำงานเพิ่มขึ้น เพราะเมมเบอร์ คนที่สลับจุดกับเรา ทำงานส่วนนั้นได้ช้ามากกว่าเรา เขาจึงต้องเอางาน ไปทำเองเยอะขึ้น

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าตอนแรกเค้ารับทราบแล้วเรื่องปัญหา เรื่องการหย่า ใช่ไหมคะ

ทีนี้ ถ้าจะตัดปัญหา เพื่อให้เค้าเลิกยุ่ง เลิกกลุ้มใจ เพื่อนๆที่ทำงานไม่ต้องคอยลำบากใจในการที่จะต้องตอบปัญหาให้คุณ อาจจะต้องบอกเค้าให้เคลียร์นะคะ ว่าคุณไม่ได้ตะหย่าแล้ว ทุกอย่างโอเคแล้ว คุณแค่จะซื้อบ้าน และคุณกับสามีแค่จะย้ายไปบ้านอีกหลังนึง ขอบคุณที่เค้าเป็นห่วง

มองในมุมของคนเป็นหัวหน้า เค้าต้องคอยบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอนในวิถีชีวิตของลูกจ้างไปด้วยถ้าเกิดอะไรขึ้น

เราเข้าใจในมุมมองของคุณค่ะ เราเห็นใจ

แต่ในเมื่อตอนแรกเราบอกเรื่องปัญหาที่เกิดให้เค้าๆด้รับทราบไปแล้ว คุณพร้อมที่จะขอความช่วยเหลือเค้าเมื่อเกิดปัญหา แต่พอปัญหามันไม่มีแล้ว ถ้าเค้าถามเพื่อติดตาม มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคอยกังวลว่าตื่นเช้ามาพรุ่งนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ปัญหาที่ทำงานต้องเกิด หาคนทำแทนไม่ทันหรืออะไรไป ถ้าคุณเป็นลูกน้องเรา เราจะทำแบบนี้เหมือนกัน คือจะเป็นห่วง ให้คำแนะนำ ให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ลูกน้องอยู่ดีมีสุขเพื่อไม่ให้กระทบกับงาน

แต่เราจะไม่ยุ่งเลย ถ้าคุณไม่บอกอะไรเราไปตั้งแต่ตอนแรก
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าอ่านเท่าที่ จขกท เล่ามานี้
ก็ดูเหมือนเขาไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไรนะครับ

รู้ทั้งรู้ว่าเขารับทราบปัญหา และเข้าใจผิด โดยยังถามด้วยความเป็นห่วง ให้ความเห็นด้วยความหวังดี

การบอกเขาไปว่า ปัญหา ที่เคยแจ้งหัวหน้าไป เคลียร์เรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะยากนะครับ
แล้วก็ไม่เกิดปัญหาที่เขามาคอยถามเรื่องปัญหานี้อีกด้วย

ปล อย่าลืมขอบคุณเขาด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่