ผมอยากจะเล่าประสบการณ์ที่ผมเจอมาคือคนในบ้านผมเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายคือคุณยายผม
ผมขอเกริ่นก่อนนะครับ คุณยานผมท่านเป็นคนแข็งแรงมากออกกำลังกายทุกวันเวลากินก็เลือกกินจะไม่ค่อยกินพวกของทอดของมันแต่มาวันนึงท่านลื่นล้มแล้วไปรักษาที่ รพ แต่ก็ไม่หายสักทีจนตรวจพบว่ามีก้อนเนื้อร้ายตรงเต้านมซึ่งมันเกิดจาดยายผมชอบเกาตรงเสื้อในจนเป็นแผลแข็งเป็นไต ซึ่งตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ประมาณปี 2 ตอนนั้นที่ทราบว่าคุณยายผมเป็นมะเร็งและลามไปที่กระดูก แม่ผมก็ร้องไห้แต่คุณยายผมก็ใจแข็งนะครับไม่ร้องไห้และเข้าทำการรักษาให้คีโม ฉายแสง มาครั้งมากทุกครั้งที่ท่านให้คีโม ฉายแสง ท่านจะทรมาร แต่ผมก็ให้กำลังใจท่านตลอด ท่านจะเชื่อผมเพราะท่านได้เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กๆ รักษาได้มาเรื่อยๆอาการก็คงตัวจนผมประมาณ ปี 4 ท่านได้เริ่มมีอาการไอและหอบหนักจนเข้า รพ ได้และตรวจว่าปอดติดเชื้อและพบว่ามะเร็งได้ลามไปปอด ซึ่งหมายความว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายซึ่งผมกับแม่ผมได้เสียกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะทางบ้านผมไม่ได้มีเงินแม่ผมอยากจะพาท่านไปเที่ยวก็ไม่ได้ไปเพราะช่วงนั้นทางบ้านผมก็ไม่มีเงินได้แต่หาเงินกินไปวันๆ แต่ผมก็ไม่หยุดความพยายามหาวิธีรักษาแกเท่าที่ผมจะทำได้คือให้กำลังใจทุกครั้งที่ผมคุยกับท่านผมจะให้กำลังใจท่านไม่ให้ท่านเครียดหรือคิดมากและจะบอกเสมอว่าต้องสู้อย่าท้อแต่ใจจริงในใจแกรู้อยู่แล้วโรคนี้มันรักษาไม่หายทุกครั้งที่ผมเจอท่านผมจะกอดท่านให้กำลังใจท่านไม่ให้ท่านเดี่ยวดายจะโทรหาท่านตลอดจนในที่สุดหลังจาก 2 ปี ที่ทราบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายท่านก็ได้จากไปสงบเพราะมะเร็งลามไปที่สมองก่อนแกจะจากไปแกได้หลับไปเฉยๆ
ผมอยากจะบอกว่ายาที่รักษาโรคมะเร็งที่ดีที่สุดคือกำลังใจจากครอบครัวครับ ซึ่งคุณหมอยังบอกกับยายผมเลยว่าอยู่มานานถึง 2 ปี หลังจากที่ทราบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
สุดท้ายผมอยากจะให้กำลังใจคนที่เป็นมะเร็งหรือมีญาตินะครับว่าอย่าท้อกำลังใจสำคัญที่สุดครับ
อยากจะมาให้กำลังใจสำหรับคนที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายหรือมีญาติที่เป็นอยู่นะครับ
ผมขอเกริ่นก่อนนะครับ คุณยานผมท่านเป็นคนแข็งแรงมากออกกำลังกายทุกวันเวลากินก็เลือกกินจะไม่ค่อยกินพวกของทอดของมันแต่มาวันนึงท่านลื่นล้มแล้วไปรักษาที่ รพ แต่ก็ไม่หายสักทีจนตรวจพบว่ามีก้อนเนื้อร้ายตรงเต้านมซึ่งมันเกิดจาดยายผมชอบเกาตรงเสื้อในจนเป็นแผลแข็งเป็นไต ซึ่งตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ประมาณปี 2 ตอนนั้นที่ทราบว่าคุณยายผมเป็นมะเร็งและลามไปที่กระดูก แม่ผมก็ร้องไห้แต่คุณยายผมก็ใจแข็งนะครับไม่ร้องไห้และเข้าทำการรักษาให้คีโม ฉายแสง มาครั้งมากทุกครั้งที่ท่านให้คีโม ฉายแสง ท่านจะทรมาร แต่ผมก็ให้กำลังใจท่านตลอด ท่านจะเชื่อผมเพราะท่านได้เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กๆ รักษาได้มาเรื่อยๆอาการก็คงตัวจนผมประมาณ ปี 4 ท่านได้เริ่มมีอาการไอและหอบหนักจนเข้า รพ ได้และตรวจว่าปอดติดเชื้อและพบว่ามะเร็งได้ลามไปปอด ซึ่งหมายความว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายซึ่งผมกับแม่ผมได้เสียกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะทางบ้านผมไม่ได้มีเงินแม่ผมอยากจะพาท่านไปเที่ยวก็ไม่ได้ไปเพราะช่วงนั้นทางบ้านผมก็ไม่มีเงินได้แต่หาเงินกินไปวันๆ แต่ผมก็ไม่หยุดความพยายามหาวิธีรักษาแกเท่าที่ผมจะทำได้คือให้กำลังใจทุกครั้งที่ผมคุยกับท่านผมจะให้กำลังใจท่านไม่ให้ท่านเครียดหรือคิดมากและจะบอกเสมอว่าต้องสู้อย่าท้อแต่ใจจริงในใจแกรู้อยู่แล้วโรคนี้มันรักษาไม่หายทุกครั้งที่ผมเจอท่านผมจะกอดท่านให้กำลังใจท่านไม่ให้ท่านเดี่ยวดายจะโทรหาท่านตลอดจนในที่สุดหลังจาก 2 ปี ที่ทราบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายท่านก็ได้จากไปสงบเพราะมะเร็งลามไปที่สมองก่อนแกจะจากไปแกได้หลับไปเฉยๆ
ผมอยากจะบอกว่ายาที่รักษาโรคมะเร็งที่ดีที่สุดคือกำลังใจจากครอบครัวครับ ซึ่งคุณหมอยังบอกกับยายผมเลยว่าอยู่มานานถึง 2 ปี หลังจากที่ทราบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
สุดท้ายผมอยากจะให้กำลังใจคนที่เป็นมะเร็งหรือมีญาตินะครับว่าอย่าท้อกำลังใจสำคัญที่สุดครับ