เปิดตัวม้าลำพองที่แรงสุดที่เคยทำขาย Ferrari SF90 Stradale กำลัง 1,000 แรงม้า แค่ 40.9 ล้าน !

กระทู้ข่าว


 Ferrari SF90 Stradale ซูเปอร์คาร์สายพันธ์ใหม่ของเฟอร์รารี่
ม้าลำพองที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาจาก Scuderia Ferrari
เฟอร์รารี่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้งด้วยการเผยโฉม SF90 Stradale ยนตรกรรม PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ซีรี่ย์แรก เมื่อวันพุธที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ เมืองมาราเนลโล ประเทศอิตาลี เฟอร์รารี่รุ่นใหม่ล่าสุดคันนี้ เปี่ยมไปด้วยความสุดยอดในทุกรายละเอียด ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพที่ไม่เคยมีในยนตรกรรมใดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น พละกำลัง 1,000 แรงม้า, อัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังที่ 1.57 กก./แรงม้า และ Downforce 390 กก. ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. เป็นต้น สมรรถนะเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ SF90 Stradale เป็นรถเฟอร์รารี่ที่ดีที่สุดในเซกเม้นต์ แต่ยังรวมถึงการเป็นรถขุมพลัง V8 รุ่นท็อปสุดในประวัติศาสตร์ของ Ferrari อีกด้วย
สมญานามของรถคันนี้ บ่งบอกถึงนัยสำคัญของสมรรถนะได้อย่างครบถ้วน ตัวเลข “90” อ้างอิงถึงวันครบรอบ 90 ปีของการก่อตั้ง Scuderia Ferrari เป็นการตอกย้ำถึงสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งที่เชื่อมโยงระหว่างรถแข่งและรถนนของ Ferrari ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นอกจากนั้น SF90 Stradale ยังเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจน ที่แสดงให้เห็นถึงการนำเอาความรู้และทักษะอันเชี่ยวชาญของแบรนด์ Ferrari ที่มีในสนามแข่ง ถ่ายทอดสู่รถยนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

     
SF90 Stradale มาพร้อมกับขุมพลัง V8 ทำมุม 90 องศา ให้กำลังสูงสุด 780 แรงม้า นับเป็นเครื่องยนต์ V8 ที่ทำแรงม้าได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Ferrari ส่วนพละกำลังอีก 220 แรงม้าที่เหลือ ได้มาจากมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวด้วยกัน โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่รู้จักกันในนาม MGUK (Motor Generator Unit, Kinetic) ซึ่งได้รับการสืบทอดมาจากรถแข่ง F1 ติดตั้งไว้ที่ท้ายรถ ในตำแหน่งกลางระหว่างเครื่องยนต์และชุดเกียร์ 8 สปีด คัลทช์คู่ แบบใหม่ล่าสุด ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าอีก 2 ตัว ติดตั้งไว้ที่เพลาล้อหน้า แม้ระบบจะมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่การขับขี่ได้ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย ด้วยโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 4 โหมด  
 
 
 
นอกจากนี้ SF90 Stradale ยังเป็นสปอร์ตคาร์คันแรกของ Ferrari ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยถ่ายทอดพละกำลังมหาศาลของขุมพลังไฮบริดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จนได้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อันน่าทึ่งที่ 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.7 วินาที

ด้วยการใช้พลังไฟฟ้าที่เรียกว่า RAC-e ในการขับเคลื่อนเพลาคู่หน้า วิศวกรของ Ferrari จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งสองตัวนี้ จะทำงานแยกกันอย่างอิสระ ซ้าย-ขวา ในการควบคุมแรงบิดที่ถูกส่งไปยังล้อทั้งสอง และจากการใช้ระบบการกระจายแรงบิด RAC-e ช่วยให้การขับขี่ขณะใช้สมรรถนะของรถอย่างเต็มพิกัด สามารถควบคุมได้ง่ายดายยิ่งขึ้น 
ความท้าทายในการสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ไฮบริดคันนี้ ก็คือการบริหารจัดการน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า โดยมุ่งไปที่การพัฒนาตั้งแต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ไปจนถึงภาพรวมทั้งหมดของตัวรถ และเพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะสูงสุดทั้งในด้านของน้ำหนักโดยรวม, ความแข็งแกร่ง และจุดศูนย์ถ่วงของรถ โครงสร้างและชิ้นส่วนตัวถังของ SF90 Stradale จึงเป็นแบบใหม่ทั้งหมด สร้างขึ้นโดยใช้วัสดุที่ได้มาจากเทคโนโลยีอันล้ำสมัย รวมถึงคาร์บอนไฟเบอร์


การพัฒนายนตรกรรมไฮบริดสมรรถนะสูงเช่นนี้ จำเป็นต้องใช้นวัตกรรมทางด้านอากาศพลศาสตร์ร่วมด้วย การเพิ่มพลังขับเคลื่อนอันมหาศาลเข้าไป นำมาซึ่งปริมาณความร้อนที่มากขึ้นตามไปด้วย ส่งให้ต้องพัฒนาระบบการไหลเวียนมวลอากาศอย่างเจาะลึก รวมถึงต้องหาทางออกใหม่ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพดาวน์ฟอร์ซ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้สมรรถนะการทรงตัวสูงสุดในทุกย่านความเร็วและทุกสภาพการขับขี่
นวัตกรรมที่เป็นจุดเด่นอย่างยิ่งก็คือสปอยเลอร์ขนาดเล็กแบบเปิดปิดได้ (Shut-off Gurney) ระบบแบบแอคทีฟนี้ติดตั้งไว้ที่ส่วนท้ายของรถ เพื่อควบคุมการไหลของอากาศบริเวณส่วนบนของตัวถัง ช่วยลดแรงต้านที่ความเร็วสูงและเพิ่มดาวน์ฟอร์ซทั้งในขณะเข้าโค้ง, เบรค และระหว่างที่ตัวรถเปลี่ยนทิศทางไปมา


แทนที่จะนำแรงบันดาลใจมาจากซูเปอร์คาร์รุ่นก่อนๆ ของ Ferrari อย่างเช่นจากครั้งที่เคยสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับการออกแบบ 360 Modena รถสปอร์ตหลังคาแข็งเครื่องยนต์วางกลางลำเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ยนตรกรรมรุ่นใหม่คันนี้ ได้รับการปรับเปลี่ยนสไตล์ใหม่หมด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือภายในห้องโดยสาร ซึ่งมีพื้นที่ด้านหน้ากะทัดรัดขึ้น
 
และจัดวางไว้ใกล้กับส่วนหน้ารถมากขึ้นเพื่อลดแรงต้านอากาศ โดยไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อความกว้างขวางสะดวกสบายในห้องโดยสาร
ปรัชญา “eyes on the road, hands on the wheel” ที่ได้รับการสืบทอดมาจากสนามแข่ง ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกใน SF90 Stradale เพื่อรวมหลักสรีระศาสตร์และสไตล์ที่โดดเด่นของห้องโดยสารเข้าไว้ด้วยกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ HMI (Human-Machine Interface) และรูปแบบการจัดวางห้องโดยสารที่แตกต่างจากรถทุกรุ่นที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง


อีกนวัตกรรมสำคัญก็คือพวงมาลัยซึ่งมาพร้อมกับ Touchpad และปุ่มแบบสัมผัสที่จะช่วยให้ผู้ขับควบคุมแทบทุกระบบของรถได้เพียงปลายนิ้ว หน้าจอแสดงการทำงานเป็นแบบดิจิตอลทั้งหมด และเป็นครั้งแรกของโลกยนตรกรรมที่มีการนำ “จอโค้ง” ขนาด 16 นิ้ว แบบความคมชัดสูงมาใช้ โดยผู้ขับสามารถปรับและควบคุมได้จากชุดควบคุมที่ติดตั้งบนพวงมาลัย
คอนโซลกลางพัฒนาให้เหมาะกับสรีระและมาพร้อมกับองค์ประกอบที่นำมาจากอดีตอันน่าจดจำ นั่นคือชุดควบคุมการทำงานของเกียร์ที่เป็นแบบ Grille-style ซึ่งเคยใช้กับรถเกียร์ธรรมดาอันโด่งดังในตำนานของ Ferrari หลายๆ รุ่น กำเนิดเป็นการพบกันของอดีตและปัจจุบัน ที่มุ่งไปสู่อนาคต
ไม่เพียงแค่นั้น SF90 Stradale ยังเป็นรถรุ่นแรกของ Ferrari ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Keyless เต็มรูปแบบ และมีชื่อเฉพาะสำหรับแต่ละรุ่น ก่อนที่ระบบนี้จะถูกนำมาใช้กับรถรุ่นอื่นๆ ต่อไป โดยช่องเสียบรีโมทที่ออกแบบมาเป็นพิเศษช่วยให้กุญแจดูเป็นส่วนหนึ่งกับรถมากขึ้น
นอกจากการตกแต่งรถด้วยโลโก้ม้าลำพองทรงเหลี่ยมและสีเหลืองที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ferrari ในรูปแบบสปอร์ตแล้ว SF90 Stradale ยังมีเวอร์ชั่นโลโก้ม้าลำพองที่ตกแต่งด้วยสีเหล็ก ที่ให้สัมผัสหรูหราอีกด้วย
และเป็นครั้งแรกของ Ferrari ที่ผู้เป็นเจ้าของสามารถเลือกระหว่างรุ่นสแตนดาร์ดและรุ่นที่มีสเปคแบบสปอร์ตยิ่งขึ้น โดยสเปค “Assetto Fiorano” มาพร้อมกับช่วงล่างแบบพิเศษ Multimatic ที่พัฒนามาจากรถแข่ง และชิ้นส่วนน้ำหนักเบาซึ่งผลิตจากวัสดุระดับพรีเมี่ยม อาทิ คาร์บอนไฟเบอร์ (แผงประตู และแผ่นปิดใต้ท้องรถ) และไทเทเนียม (สปริง และท่อไอเสียทั้งหมด) ช่วยลดน้ำหนักลงได้อีกถึง 30 กก. 
 

อีกหนึ่งความแตกต่างคือสปอยเลอร์ท้ายที่ให้ Downforce สูงขึ้น สามารถสร้างแรงกดได้ 390 กก. ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. และสเปค Assetto Fiorano ยังมาพร้อมกับยาง Michelin Pilot Sport Cup2 ที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนแห้ง ทั้งยังมีเนื้อยางที่นิ่มและมีพื้นที่สัมผัสกับถนนมากกว่ายางสแตนดาร์ดอีกด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่