เห็นคนไทยบางคนว่าเศรษฐกิจเวียดนามดีนักหนา ยอดส่งออกพุ่ง แต่ทำไมรถไฟฟ้ายังไม่เปิดใช้สักที แถมเคยยกเลิกจัดเอเชี่ยนเกมส์อีก

จากที่มีคนกล่าวถึงเวียดนามว่า เศรษฐกิจเวียดนามดี ยอดส่งออกพุ่งแรงแซงไทย นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเพียบ มีรถยนต์เป็นของตัวเอง แต่สารธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างรถไฟฟ้า ทำไมยังไม่เปิดใช้สักที แถมเลื่อนแล้วเลื่อนอีก อีกทั้งเวียดนามยังเคยยกเลิกจัดเอเชี่ยนเกมส์อีก ยอมอับอายไปทั่วเอเชียให้อินโดนีเซียจัดแทนโดยให้เหตุผลว่ามีเงินไม่พอ จัดไปก็ไม่คุ้ม แต่ทำไมประเทศอื่นจัดได้

เลยอยากรู้ว่าเศรษกิจดีขึ้นขนาดนี้ เงินหายไปไหนหมด แถมรายได้ต่อหัวของประชากรเวียดนาม ยังพอๆกับ ลาว อยู่เลย แถมบางปี แพ้ลาวอีก 

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวทำไมประเทศเวียดนามถึงติดอันดับประเทศที่นักท่องเที่ยวไปแล้ว ไม่อยากกลับไปอีก
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 21
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่ถูกครับ เอาข้อมูลจริงมาพูดกันครับ อย่ามะโน พูดไปเรือย
1. "เค้ากำลังจะรวย" เวียดนามเอาที่ไหนมารวยเหรอ GDP per capita ยังต่ำกว่าไทยเกือบ 3 เท่า ประเทศที่กำลังจะรวยอย่างเวียดนาม ทำไม GDP per capita ยังต่ำกว่าอินโดนีเซีย แถมยังต่ำกว่าคนป่วยแห่งเอเซียประเทศยากจนอย่าง ฟิลิปืนส์ อ้อไม่ต้องดูที่ per capita ก็ได้ ดูที่ GDP ล้วนๆเลย ทำไมประเทศที่กำลังรวยอย่างเวียดนาม ไม่เคยเลยในประวัติศาสตร์ที่ GDP ของเวียดนามจะสูงกว่าไทยเลย แม้ประชากรจะมีเกือบ 100 ล้านคน สูงกว่าไทยเกือบ 30 ล้านคน
2. "ประเทศเรากำลังจะจน" เอ่อ ประเทศไทยมีเงินทุนสำรองติดอันดับ top 15 ของโลก เวียดนามอยู่อันดับไหนครับ แถมไทย ยังได้ดุลการค้าจากการส่งออก สูงกว่าเวียดนามหลายเท่า แถมเงินดองของเวียดนามอ่อนปวกเปียกเทียบกับเงินบาทไทยที่มีเสถียรภาพติดอันดับต้นๆของโลก
3. พูดถึงรถไฟฟ้าที่ จขกท.ถามถึง ไทยมีรถไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2542 แต่ในขณะที่เวียดนามยังไม่มี ปีนี้ปี 63 นั่นหมายความว่า ตอนนี้เวียดนามตามหลังไทยอย่างน้อย 21 ปี แถมตอนนี้ไทยมีรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินเป็นสิบสาย และอีกไม่นานจะตามมาด้วยรถไฟความเร็วสูง แต่เวียดนามไม่เห็นวี่แวว แถมยังส่อแววเลื่อนไปอีกหลายปีตั้งแต่ก่อนโควิด19 แล้วยิ่งเจอพิษโควิดเข้าไป เหอะๆไม่อยากจะคิดว่าจะอีกกี่ปี
4. ค่า HDI ตัววัดความเจริญและคุณภาพประชากรที่แท้จริง แน่นอนดีกว่าผลสอบวัด IQ หรือคะแนน PISA ที่ bias อย่างที่พวกเวียดนามเค้าเอามาโม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามหลักสากลเค้ายึดแต่ค่า HDI ซึงประเทศไทยมีค่า HDI อยู่ระดับ HIGH ที่ 0.765 ในขณะที่เวียดนามอยู่ระดับ MEDIUM ที่  0.693 แพ้ทั้ง  ฟิลิปืนส์ และ อินโดนีเซีย เป็นไงคับ นี่แหละคับที่เรียกว่าความจริง TAKE IT
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
รถไฟฟ้าของเขาที่ยังมีปัญหาอยู่
เพราะเขาใช้ เงินจีน และบริษัทจีน
พอความแตกว่า บริษัทจีนใช้ของไม่มีคุณภาพ ไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน จึงเลื่อนเปิดไม่มีกำหนดครับ

ต่างจากไทยเรา ที่รถไฟฟ้า เรามีผู้รับเหมาก่อสร้างคนไทย แล้วใช้วิธีการสั่งผลิตรถ และพยายามกู้ในประเทศให้มากที่สุด

ของไทย เรื่องก่อสร้าง จึงไม่เป็นรองใคร และมีมาตรฐานด้วย
อย่างเดียวที่ยังพึ่งพาต่างชาติคือ ระบบอาณัติสัญญาณ และขบวนรถ ซึ่งเอกชนไทยที่ประมูลได้ ต้องรับผิดชอบ จัดหามาวิ่งให้บริการให้ได้ แค่นั้น

ใครที่ดูข่าวสารเวียดนาม จะเห็นว่า เงินต่างประเทศ ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างประเทศ ทั้งหมด
เมื่อเกิดวิกฤติใดๆขึ้น ก็จะทำให้ โครงการสะดุด
ถึงแม้ว่าจะบอกว่า แรงงานที่ทำให้กับบริษัทต่างชาติ คือคนในประเทศ แต่เมื่อ ต่างชาติผู้เป็นผู้คุมงานสะดุด แรงงานก็สะดุดตาม เป็นโดมิโน

ที่ฮานอย จีน ตอนนี้ สะดุด ต้อรอการแก้ปัญหาไม่ได้มาตรฐานอยู่ แต่ติดโควิด

ชาวเวียดนามบางคน ก็บอกว่า จะให้ญี่ปุ่น ให้ยุโรป สร้างให้ แต่จนแล้วจนเล่า ก็ติดปัญหาเดียวกันกับจีน

บริษัทรับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าของไทย ที่เราที่สามารถก่อสร้างได้โดยไม่ติดขัดที่เห็นอยู่ก็เช่น อิตาเลียน-ไทย, ช.การช่าง, ยูนิค และอื่นๆ เป็นต้น
ต่อให้ต่างชาติมีปัญหา มันก็ไม่ได้มีผลกระทบกับเรา

ตอนนี้สายสีส้ม สายสีชมพู สายสีเหลือง ก็ลงพื้นที่ก่อสร้างกันอยู่ได้ตามปกติน่ะครับ

ถึงจะบอกว่า เศรษฐกิจดี ส่งออกเยอะมาก แต่ถ้ามันพึ่งพาต่างชาติมากไป เขาสะดุด เราสะอึก เลยนะครับ

มันต้อง แบบว่า พึ่งพาเขาแต่น้อย เราทำโครงสร้างเองให้เสร็จก่อนดีกว่า นี่ถึงจะปลอดภัยที่สุดครับ

ตอนนี้สายสีทอง สร้างโครงสร้างได้เรื่อยๆ ส่วนรถก็แค่รอส่งมาจากจีน เท่านั้นครับ
ความคิดเห็นที่ 12
คนเวียดนามเองก็รู้ดีว่าเวียดนามยังตามหลังไทยอีกมาก มีแต่คนไทยเชื่อสายเวียดนาม คนไทยผู้ชังชาติ คนลาวสายเวียด ที่เชื่อว่าเวียดนามแซงไทยไปแล้วหรือเวียดนามกำลังแซงไทย เป็นการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองทางความคิดอ่ะครับ
ความคิดเห็นที่ 40
ไหนๆ กระทู้นี้ความเห็นส่วนใหญ่ก็จะพูดเปรียบเทียบระหว่างไทยกับเวียดนามแล้วนะครับ งั้นก็ขอลงไปถึงพื้นฐานเลยละกันนะครับ

เริ่มจาก GDP
GDP (gross domestic product) คือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ มีสูตรคิดดังนี้ GDP = C + I + G + (X-M)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สูตรคำนวณตรงนี้ขอให้จำเอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะไปอธิบายทีหลังว่าทำไมไทยกับเวียดนามถึงต่างกัน

คราวนี้ก็มาดูเรื่องการส่งออก หรือค่า X ในสมการของ GDP
จากกราฟตั้งแต่ปี 2008-2018 เราจะเห็นว่าเวียดนามพุ่งขึ้นเร็วมากกว่าไทย
เวียดนามจาก 80 พันล้าน USD ขึ้นมาที่ 260 พันล้าน USD (ขอปัดเป็นตัวเลขกลมๆ นะครับ จะได้คิดง่ายๆ) ในช่วง 8 ปี เพิ่มมา 200+%
ไทยจาก 230 พันล้าน USD ขึ้นมาที่ 330 พันล้าน USD ในช่วง 8 ปี เพิ่มมาไม่ถึง 50%
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://data.worldbank.org/indicator/BX.GSR.GNFS.CD?end=2018&locations=VN-TH&start=2010

แล้วก็มาดูเรื่องการนำเข้า หรือค่า M ในสมการของ GDP
จากกราฟตั้งแต่ปี 2008-2018 เราจะเห็นว่าเวียดนามพุ่งขึ้นเร็วมากกว่าไทยเช่นกัน
เวียดนามจาก 90 พันล้าน USD ขึ้นมาที่ 245 พันล้าน USD ในช่วง 8 ปี เพิ่มมา 170%
ไทยจาก 210 พันล้าน USD ขึ้นมาที่ 280 พันล้าน USD ในช่วง 8 ปี เพิ่มมาแค่ 30%
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://data.worldbank.org/indicator/BM.GSR.GNFS.CD?end=2018&locations=VN-TH&start=2010

จากนั้นก็มาดูเรื่องดุลการค้า หรือค่า (X-M) ในสมการของ GDP
จากกราฟตั้งแต่ปี 2008-2018 เราจะเห็นว่าไทยกลับมีค่าสูงกว่าเวียดนาม
เวียดนามจาก -8 พันล้าน USD ขึ้นมาที่ 12 พันล้าน USD กำไรขั้นต้น (ขอเรียกง่ายๆ เทียบกับงบบริษัทเอกชน) เพิ่มขึ้น 20 พันล้าน USD
ไทยจาก 20 พันล้าน USD ขึ้นมาที่ 45 พันล้าน USD กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 25 พันล้าน USD
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://data.worldbank.org/indicator/BN.GSR.GNFS.CD?end=2018&locations=VN-TH&start=2010

มาสรุปที่บรรทัดตรงนี้ก่อน เราจะเห็นว่าเวียดนามส่งออกเพิ่มมากก็จริง แต่นำเข้าก็มากตามไปด้วย ทำให้กำไรขั้นต้นเหลือน้อย (แต่ก็ดีกว่าขาดทุนในช่วงปีแรกๆ)
แต่ของไทย ส่งออกเพิ่มไม่มาก แต่นำเข้าเพิ่มน้อยกว่าอีก ทำให้กำไรขั้นต้นเหลือมากกว่า

และเมื่อดูเรื่องดุลบัญชีเดินสะพัด (คือค่า X-M เอามาบวกกับเงินที่โอนเข้าออกประเทศสุทธิ ขอเรียกว่าง่ายๆ ว่ากำไรสุทธิ ในกรณีเทียบเป็นบริษัทเอกชนนะครับ)
จากกราฟตั้งแต่ปี 2008-2018 เราจะพบว่าไทยมีมากกว่าเวียดนามด้วยเช่นกัน
เวียดนามจาก -4 พันล้าน USD ขึ้นมาที่ 6 พันล้าน USD กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10 พันล้าน USD
ไทยจาก 11 พันล้าน USD ขึ้นมาที่ 28 พันล้าน USD กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 17 พันล้าน USD
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://data.worldbank.org/indicator/BN.CAB.XOKA.CD?end=2018&locations=VN-TH&start=2010&view=chart

ทั้งๆ ที่เงินโอนเข้าประเทศจากแรงงานที่ไปทำงานในต่างประเทศของเวียดนามนั้นมากกว่าไทย 2.5 เท่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://data.worldbank.org/indicator/BX.TRF.PWKR.CD.DT?end=2019&locations=VN-TH&start=2010

สาเหตุมาจากรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยนั้นสูงกว่าเวียดนาม 6 เท่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://data.worldbank.org/indicator/ST.INT.RCPT.CD?end=2018&locations=VN-TH&start=2010

แม้ว่าจะไทยก็ใช้จ่ายไปเที่ยวต่างประเทศสูงกว่าเวียดนาม 3 เท่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://data.worldbank.org/indicator/ST.INT.XPND.CD?locations=VN-TH

และเมื่อมาดูรายได้จากการส่งออกเทียบต่อ GDP จะพบว่าเวียดนามมีการพึ่งพิงการส่งออกเป็นสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่ไทยมีการพึ่งพิงการส่งออกเป็นสัดส่วนค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://data.worldbank.org/indicator/NE.EXP.GNFS.ZS?end=2018&locations=VN-TH&start=2010&view=chart

และเมื่อดูรายได้ของการท่องเที่ยวเทียบเป็นสัดส่วนกับการส่งออกแล้ว จะพบว่าไทยมีรายได้ของการท่องเที่ยวเทียบเป็นสัดส่วนกับการส่งออกที่มากกว่าเวียดนาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://data.worldbank.org/indicator/ST.INT.RCPT.XP.ZS?end=2018&locations=VN-TH&start=2010

เมื่อสรุปรวมกราฟทั้งหมดแล้ว แนวทางการดำเนินเศรษฐกิจของแต่ละประเทศจะเป็นเช่นนี้
เวียดนาม มุ่งเน้นไปด้านการส่งออกมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มีจุดอ่อนที่ไม่สามารถผลิตวัตถุดิบต้นน้ำได้ ทำให้จึงมีการนำเข้าเป็นสัดส่วนสูงขึ้นตามการส่งออก
ในขณะที่ไทย กลับไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มการส่งออก แต่มุ่งเน้นไปที่การผลิตวัตถุดิบต้นน้ำให้ได้มากขึ้น ทำให้แม้จะส่งออกไม่เพิ่มขึ้นมาก แต่มีกำไรเพิ่มขึ้น และมุ่งไปด้านธุรกิจบริการมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว

และเมื่อพิจารณากับสมการ GDP ที่ให้ข้างต้น เราจะสรุปได้ว่า
เวียดนาม เน้นเพิ่ม X แต่ไม่ได้ลด M อย่างจริงจัง C เพิ่มจากประชาชนมีรายได้จากทำงานเป็นส่วนใหญ่
ส่วนไทย ไม่เน้นเพิ่ม X แต่เน้นลด M และเพิ่ม C จากนักท่องเที่ยวนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในประเทศเข้าไปด้วย

ส่วนเรื่องการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ เช่นการสร้างรถไฟฟ้าที่เจ้าของกระทู้ยกมานั้น อยู่ในส่วนของ G
ถ้ารัฐบาลบริหารสัญญาได้ไม่ดี เช่นโครงการรถไฟฟ้าที่ค้างคาอยู่นาน แสดงว่ามีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพในการใช้งบของรัฐบาล

ดังนั้นจากที่ดูทั้งหมด เราจะพบว่าไทยและเวียดนามมีแนวทางและปัญหาในการดำเนินเศรษฐกิจของแต่ละประเทศไม่เหมือนกันเลย
การเอาตัวเลขบางตัวแค่มาเทียบกันแล้วบอกว่าใครดีกว่านั้น ผมคิดว่าน่าจะเป็นการพิจารณาที่ไม่รอบด้านเท่าที่ควรนะครับ
ฉะนั้นการวิเคราะห์ใดๆ ก็แล้วแต่เราควรคำนึงถึงแนวทางและปัญหาในการดำเนินเศรษฐกิจของแต่ละประเทศด้วยครับ
ความคิดเห็นที่ 6
ขอคัดลอกที่ผมเคยเขียนไว้กระทู้ก่อนมาอีกทีนะครับ

งั้นขอถามนะครับ
ว่าระบบโลจิสติกส์ เช่นท่าเรือ สนามบิน รถไฟทางคู่ ระบบถนน หรือระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเช่น ระบบไฟฟ้า ระบบโทรคมนาคม
เวียดนามเป็นอย่างไรบ้างครับ
แล้วระบบพวกนี้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของเวียดนามไหมครับ
แล้วระบบพวกนี้ใช้เวลากี่ปีในการพัฒนาครับ
แล้วระบบพวกนี้ต้องใช้เม็ดเงินเท่าไรในการพัฒนาครับ
แล้วระบบพวกนี้ต้องใช้คนมีความรู้ มีทักษะ หรือเทคโนโลยีมากขนาดไหนในการพัฒนาครับ

ต้องยอมรับแหละครับว่าเวียดนามทำได้ดีในเรื่องผังเมือง เพราะฝรั่งเศสวางผังเมืองไว้ดี
และที่สำคัญเป็นคอมมิวนิสต์ จะเอาที่ดินตรงไหนก็ได้
แต่ไทยไม่มีในจุดนี้

อีกอย่าง ไทยก็ไม่ได้สร้างแค่รถไฟฟ้าในเมืองนะครับ
ไทยยังขยายท่าเรือ และก่อสร้างท่าเรือใหม่ๆ
ยังขยายสนามบิน และก่อสร้างสนามบินใหม่ๆ
ยังสร้างรถไฟทางคู่ และสร้างรถไฟสายใหม่
ยังสร้างมอเตอร์เวย์สายใหม่ และขยายสายเดิม
การขยายถนน 4เลนในหลายๆเส้นทางทั่วประเทศ
ริเริ่มการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว
หรือแม้แต่มหาวิทยาลัยในไทย ก็มีอันดับที่สูงกว่าเวียดนามในทุกๆด้าน
มหาวิทยาลัยที่ผมจบมา ระดับบัณฑิตศึกษาก็มีชาวเวียดนามมาศึกษาพอควร ทำไมเขาถึงมาศึกษาที่มหาวิทยาลัยของไทย
ซึ่งระบบต่างๆตามข้างบนมันส่งผลต่อพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศครับ
หรือแม้แต่ระบบสาธารณสุขไทย ก็เห็นๆกันอยู่

ผมก็บอกไปด้านบนแล้วนะครับ ไทยไม่ใช่ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนะ
เราต้องหาจุดแข็งของตัวเอง แล้วก็เติบโตไปตามทิศทางที่เราแข็ง
อย่ามองแค่สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ หรือรถยนต์ครับ

ผมไม่เคยดูถูกเวียดนามนะครับ เราก็พัฒนาของเราไป แต่อย่าอคติจนทำให้เสียโอกาสในการลงทุนครับ
ผมว่าคุณลองบินไปเวียดนาม โดยที่ขับรถออกนอกเมืองใหญ่ๆไปสัก 50กิโลเมตรดูนะครับ
จะเห็นภาพอะไรบ้างไม่มากก็น้อย
ความคิดเห็นที่ 17
มันจะมีคนจำพวกหนึ่งที่คอยเอาเรื่องนู้นเรื่องนี้ของเวียดนามมาคุยข่มทับ    โดยจะใช้เหตุผลคลาสสิคว่าที่เอามาพูดเพื่อจะได้ดึงให้คนไทยพยายามมากๆให้เหนือกว่าเขา     แต่พวกนี้ถ้าดูไปนานๆจะรู้ว่าไม่ได้คิดจะกระตุ้นอะไรไทยหรอก    ก็แค่พยายามหาเรื่องมาทับถมไทยและหาเรื่องด่าประเทศตนเอง     เพราะหลายๆเรื่องคนที่เอาข้อดีของเวียดนามมาพูดนี่คนพูดยังไม่รู้ความจริงเลยว่าสภาพจริงเวียดนามเป็นอย่างไร

ดูตัวอย่างง่ายๆคือที่คนชอบเอามาคุยข่มว่าเวียดนามส่งออกแซงไทยไปแล้ว     แต่ในความเป็นจริงคนพูดไม่รู้เลยว่ามันเป็นการแปลงสัญชาติสินค้าจีนไปส่งออกเท่านั้น     ไม่ใช่การส่งออกสินค้าของเวียดนามจริงๆ    เวียดนามได้แค่ตัวเลขส่วนเงินนั้นจีนได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่