คนที่คิดแบบตายตัวจะสนใจทำแต่เรื่องที่มันตรงกับความสามารถที่ตัวเองถนัด คนที่คิดแบบเติบโตจะสนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องที่มันจะขยายขอบเขตความรู้ของตัวเองออกไป และเลือกโอกาสที่จะได้เรียนรู้ มากกว่าความสำเร็จในระยะสั้นที่อยู่ตรงหน้า
งานวิจัยทำให้เรารู้ว่า ความเป็นเลิศในแต่ละด้านไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์ แต่เกิดจากการเรียนรู้และฝึกฝน เช่น Mozart ใช้เวลานับ 10 ปี ก่อนที่จะสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้
ความสำเร็จกับความท้าทาย และโอกาสที่จะได้เรียนรู้
คนที่คิดแบบตายตัวจะมองหาคนที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่พิเศษ คนที่จะเติมเต็มและทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ คนที่จะคอยยกย่องและชื่นชม
คนที่คิดแบบเติบโตจะมองหาคนที่แตกต่าง คนที่จะคอยมองหาและบอกจุดบกพร่องและคอยช่วยแก้ไข คนที่จะท้าทายเพื่อให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม คนที่จะกระตุ้นให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
คนที่คิดแบบเติบโตไม่เพียงแค่มองหาโอกาสที่ท้าทาย แต่ยังโดดเด่นและพยายามทำได้ดี ยิ่งท้าทายมากเท่าไหร่ ก็จะพยายามมากยิ่งขึ้นและเติบโตมากขึ้น
แต่คนที่คิดแบบตายตัวก็ประสบผลสำเร็จได้เช่นกัน แต่เฉพาะในสถานการณ์ที่เค้ามีความมั่นใจว่าจะทำได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีความท้าทาย มีความเสี่ยงที่จะทำไม่สำเร็จ เสี่ยงที่คนอื่นจะมองว่าเป็นคนไร้ความสามารถ คนเหล่านี้ก็จะไม่สนใจ
คนที่คิดแบบตายตัวจะคาดหวังว่าตัวเองจะมาพร้อมกับความสามารถ ไม่ต้องเรียนรู้ ไม่ต้องฝึกฝนก็จะทำได้ และสุดท้ายก็จะคิดว่า ถ้าเราไร้ความสามารถ ไม่มีพรสววรค์ด้านนี้ เราก็จะไม่มีทางทำได้ ถ้าเราทำได้ก็เป็นเพราะเรามีพรสวรรค์ในด้านนี้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็จะขาดความมั่นใจและคิดว่าไม่มีพรสวรรค์ และก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป
วิธีคิดและผลการเรียนของเด็ก
นักเรียนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตมีวิธีจัดการกับความกังวลเพื่อที่จะยังคงให้ความสนใจในการเรียน ในขณะที่นักเรียนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวมักจะกลายเป็นคนที่ไม่กระตือรือร้น
เด็กที่มีวิธีคิดแบบเติบโตจะชอบความท้าทายและชอบการแก้ปัญหา ยิ่งแก้ปัญหายากๆ ได้ ก็จะเรียนรู้ได้มากขึ้น ผลการเรียนอาจจะบอกถึงสถานะในปัจจุบัน แต่เด็กที่มีวิธีคิดแบบนี้เชื่อว่าเค้าสามารถขยันเรียนรู้มากขึ้นได้อีก เด็กเหล่านี้ไม่สนใจผลการเรียนของตัวเอง ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ แต่สนใจแค่การพัฒนาตนเอง และพอใจอยู่กับการท้าทายตัวเอง เพื่อไปให้ถึงศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬา ดนตรี หรือศิลปะ การฝึกฝนอยู่ตลอดเวลาเป็นหนทางที่จะทำให้พัฒนาขึ้นได้เรื่อยๆ บางครั้งอาจจะล้มเหลว แต่ก็มองว่าเป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ
เด็กที่คิดแบบเติบโตจะมองว่าผลการเรียนหรือคะแนนสอบไม่ได้วัดความสามารถ ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนฉลาด เด็กที่คิดแบบเติบโต จะรู้และมองว่ามันต้องใช้เวลาที่จะพัฒนาตนเองและเข้าถึงศักยภาพที่แท้จริง
เด็กที่มีวิธีคิดแบบตายตัว ถ้าเรียนได้เกรดต่ำ ก็จะเชื่อว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่ถนัดวิชานั้นๆ ส่วนเด็กที่มีวิธีคิดแบบเติบโต ก็จะคิดว่าตัวเองจะต้องตั้งใจเรียนหนักมากขึ้น เพื่อให้สอบได้คะแนนดีๆ แต่เด็กที่คิดแบบตายตัวจะมองว่าคะแนนเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้วัดความสามารถ และเชื่อว่ามันจะบอกได้ว่าคนไหนฉลาดกว่ากัน และมันจะบอกว่าใครจะโตขึ้นและเป็นคนฉลาด และนั่นก็ทำให้ความสำเร็จในการเรียนและการสอบได้คะแนนดีมีผลกับเด็กมาก
คนที่คิดแบบตายตัวห่วงเรื่องความสำเร็จมากกว่าคนที่คิดแบบเติบโต สิ่งที่เค้าต้องการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเป็นคนพิเศษกว่าใคร เหนือกว่า มีพรสวรรค์และแตกต่างจากคนอื่นๆ
และความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่คิดแบบตายตัวยิ่งต้องมองหาความสำเร็จ มองหาสิ่งที่จะยืนยันและพิสูจน์ความพิเศษของตัวเอง พิสูจน์ว่าตัวเองมีค่ามากกว่าใคร
คำถามที่เกิดขึ้นคือ ถ้าเราเป็นคนพิเศษในเวลาที่ประสบผลสำเร็จ แล้วในเวลาที่เราล้มเหลว เราจะเป็นตัวอะไร
ความล้มเหลวเกิดจากการทำผิดพลาด ส่งผลให้เกิดความคิดที่ว่า เราเป็นคนทำพลาด และเราเป็นคนล้มเหลว ความคิดแบบนี้เกิดขึ้นได้บ่อยในคนที่คิดแบบตายตัว ความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวก็ส่งผลกระทบ ทำให้หลอกหลอนไปอีกนาน
แต่ความล้มเหลวก็ส่งผลกระทบต่อคนที่คิดแบบเติบโตได้เช่นกัน เป็นเรื่องที่ทำให้เจ็บใจได้เหมือนกัน แต่คนแบบนี้จะไม่คิดว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งที่บอกว่าเราเป็นคนล้มเหลว มันเป็นเพียงแค่ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญ และเรียนรู้จากมัน
แทนที่จะเรียนรู้และพยายามแก้ไขความผิดพลาด คนที่คิดแบบตายตัวมักจะพยายามรักษาความมั่นใจในตนเอง โดยการมองไปที่คนที่ด้อยกว่าตัวเอง ปลอบใจให้ตัวเองยังคงมั่นใจและรู้สึกดี นอกจากนั้นยังพยายามผลักความผิดไปให้คนอื่น และหาข้ออ้างอยู่เสมอ
แต่คนที่คิดแบบเติบโตมักจะมองไปยังคนที่ดีกว่าตัวเอง และมักจะแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แก้ไขจุดบกพร่องของตัวเอง ไม่พยายามปลอบใจตัวเองด้วยการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ด้อยกว่า
You’re a failure until you start to blame. –John Wooden
ถึงแม้ว่ามันจะเกิดความผิดพลาด ถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่ถ้าเราไม่หาข้ออ้างแก้ตัว เราก็จะยังคงเรียนรู้จากความผิดพลาดได้เสมอ
วิธีคิดและความผิดพลาด
ความผิดพลาดจะทำให้คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวโทษตัวเอง และความมั่นใจในตัวเองลดลง คิดว่าตัวเองไม่คู่ควร ไม่เป็นที่ต้องการ คนเหล่านี้มักจะชอบปกปิดข้อบกพร่องของตัวเอง และไม่คิดว่าความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ หรือไม่คิดว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงได้
ตรงข้ามกับคนที่มีวิธีคิดแบบเติบโต ที่จะเชื่อว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เชื่อว่าตัวเองสามารถเติบโต และมักจะพัฒนาตนเอง ชอบการเรียนรู้ เรียนรู้อยู่เสมอ
วิธีคิดและความวิตกกังวล
เมื่อไหร่ก็ตามที่ล้มเหลว คนที่คิดแบบตายตัวจะย้อนกลับมาคิดว่า ตัวเองไร้ความสามารถ และไม่คู่ควร และในที่สุดก็จะทำให้กลายเป็นคนล้มเหลว และยิ่งกังวลมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งปล่อยวางและล้มเลิกความตั้งใจ ไม่สนใจที่จะแก้ไขปัญหา ไม่เรียนรู้ในสิ่งที่จำเป็น ไม่ส่งงาน และตามไม่ทันคนอื่นๆ
คนที่คิดแบบตายตัวมักจะกังวลว่าความล้มเหลวจะทำให้คนอื่นมองว่าเป็นคนไร้ความสามารถ ไม่ฉลาด ไม่เก่ง ไม่มีพรสวรรค์ แต่สำหรับคนที่คิดแบบเติบโตจะมองความล้มเหลวเป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้ มันอาจจะเจ็บใจอยู่บ้าง แต่มันก็แค่ชั่วคราว ยังคงพัฒนาความสามารถขึ้นไปได้อีก และมันยังมีหนทางอื่นๆ ที่จะประสบผลสำเร็จได้
วิธีคิดและความพยายาม
คนที่มีพรสวรรค์ไม่จำเป็นต้องพยายามมาก การคิดแบบนี้ทำให้ปิดโอกาสในการพัฒนาตนเอง และในสถานการณ์ที่ต้องเจอกับความท้าทาย คนเหล่านี้ก็ไม่ยอมเสี่ยงที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องทำให้คนอื่นมองว่าตัวเองไร้ความสามารถ
คนที่คิดแบบเติบโต จะมองว่าอัจฉริยะเกิดจากความพยายามและการทำงานหนัก คนที่คิดแบบนี้จะให้ความสำคัญกับความพยายามมากกว่าพรสวรรค์ และเชื่อว่าความพยายามมันจะส่งผลให้เกิดความสำเร็จ
สำหรับคนที่คิดแบบตายตัว ความพยายามคือความบกพร่อง เพราะถ้าหลังจากที่พยายามแล้วแต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ ก็จะไม่มีข้ออ้างได้อีก
สำหรับคนที่คิดแบบตายตัว ความพยายามเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนที่ไม่มีพรสวรรค์ คนที่บกพร่อง คนที่ไม่มีอะไรจะเสียและจะต้องพยายามเท่านั้น
แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คิดว่าตัวเองสามารถทำได้โดยที่ไม่พยายาม คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะและมีพรสวรรค์ ก็จะมีอะไรให้เสียเยอะกว่า ความพยายามจะทำให้ลดค่าของตัวเองลง
ความพยายามเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับคนที่คิดแบบตายตัว เพราะคนแบบนี้คิดว่าอัจฉริยะสามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องพยายาม และถ้าพยายามแล้วยังทำไม่ได้ ก็จะไม่สามารถอ้างอะไรได้อีก แต่ถ้าไม่พยายาม ก็จะยังแก้ตัวได้เสมอ ว่าไม่ได้เตรียมตัว ยังไม่พร้อม
คนที่คิดแบบตายตัวมองว่าพรสววรค์มีส่วนทำให้ประสบผลสำเร็จได้มากกว่าความพยายาม
วิธีคิดและคำชม
วิธีคิดของเรามันเกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก เด็กทุกคนเริ่มต้นชีวิตด้วยวิธีคิดแบบเติบโต ต้องการการเรียนรู้และเติบโตให้มากขึ้นในแต่ละวัน
ผู้ใหญ่ พ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็มีส่วนทำให้เด็กเปลี่ยนวิธีคิด ทำให้เด็กลายเป็นคนที่คิดแบบตายตัวและไม่เรียนรู้เพื่อเติบโต พ่อแม่ที่มีวิธีคิดแบบเติบโตจะสอนให้เด็กคิดและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ในขณะที่พ่อแม่ที่คิดแบบตายตัวจะมัวแต่ตัดสินเด็ก และย้ำว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนั้นไม่ดี แบบนี้ถูก แบบนั้นผิด
ครูก็มีส่วนทำให้เด็กเปลี่ยนวิธีคิดและกลายเป็นคนที่คิดแบบตายตัว ครูบางคนเชื่อว่าความสามารถของเด็กไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ เด็กที่มีผลการเรียนดีก็จะเรียนดีต่อไป ส่วนเด็กที่ผลการเรียนแย่ก็จะทำได้แย่ต่อไป เป็นแบบนั้นตลอดไป ผลที่ตามมาคือเด็กที่เรียนไม่ดีก็จะเชื่อและทำให้กลายเป็นคนที่คิดแบบตายตัว
ครูที่ดีเชื่อว่าเด็กทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไรก็ตาม ครูเหล่านี้จะมีวิธีจัดการสอนที่ต่างออกไป เค้าแสดงให้เด็กเห็นว่ามันมีหนทางแก้ปัญหาที่แตกต่างออกไป มีหลายวิธีในการแก้ปัญหาเดียวกัน และเด็กที่ผลการเรียนไม่ดีก็จะเรียนรู้และมีวิธีคิดแบบเติบโตได้ และเริ่มทำผลงานและมีผลการเรียนที่ดีขึ้นได้ ไม่คิดว่าตัวเองโง่หรือไม่ดีพอ
คนที่คิดแบบเติบโตไม่จำเป็นต้องอาศัยความมั่นใจเสมอไป เด็กที่โตมากับคำชมว่าเป็นเด็กฉลาดมักจะกลายเป็นเด็กที่มีวิธีคิดแบบตายตัว และทำให้กลายเป็นเด็กที่ไม่ชอบความท้าทาย เด็กเหล่านี้ต้องการที่จะอยู่ในกรอบความสำเร็จและไม่ต้องการเสี่ยงที่จะกลายเป็นคนที่พ่ายแพ้และถูกมองว่าเป็นคนที่อ่อนแอ ทำให้กลายเป็นคนที่ไม่ชอบการแก้ปัญหายากๆ ในขณะที่เด็กที่โตมากับคำชมว่าเป็นเด็กที่ขยันจะกลายเป็นเด็กที่ชื่นชอบการแก้ปัญหายากๆ
นอกจากนั้นเด็กที่โตมากับคำชมว่าเป็นเด็กฉลาดจะทำให้ IQ ลดต่ำลงด้วย ส่วนในเด็กที่โตมากับคำชมว่าเป็นเด็กขยันจะมี IQ เพิ่มสูงขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นคำชม การถูกดูหมิ่น หรือสบประมาท การเรียกเด็กว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์หรือมีความสามารถพิเศษต่างจากคนทั่วไป ต่างก็ส่งผลเสียต่อเด็ก โดยส่วนใหญ่จะทำให้เด็กไม่พัฒนาตามที่ควรจะเป็น เมื่อเด็กเชื่อว่าตัวเองเป็นแบบที่ผู้ใหญ่เรียก เด็กก็จะขาดความมั่นใจหรือปกปิดความตั้งใจเอาไว้ไม่กล้าบอกกับคนอื่นๆ
ถ้าครูหรือพ่อแม่ทำให้เด็กเข้าใจว่าเค้าไม่เก่งคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ มันก็จะส่งผลในแง่ลบ ทำให้เด็กยิ่งทำคะแนนต่ำลงไปอีก
วิธีคิดและการทำงาน
คนที่มีวิธีคิดเแบบตายตัวเชื่อในพรสวรรค์ เชื่อว่าความสามารถของคนถูกออกแบบมาและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก คนเรามีกลุ่มที่ฉลาดและกลุ่มของคนที่ไง่และไร้ความสามารถ และมันก็จะเป็นแบบนั้นตลอดไป
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวจะคิดว่าพนักงานที่ไม่ได้แสดงผลงานที่ยอดเยี่ยมในวันแรก ก็จะไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ก็จะไม่สามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้เลย ดังนั้นทางที่ดีควรจะเอาคนเหล่านี้ออกไปให้เร็ว
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวเชื่อว่าเค้าจะทำงานได้ดีเมื่องานนั้นตรงกับความสามารถพิเศษที่มี ไม่เชื่อว่าความขยันฝึกฝนเรียนรู้จะทำให้เราดีขึ้นได้ หรือทำให้กลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมได้ คนเหล่านี้มองว่าตัวเองมีข้อดีและมีข้อด้อยบางอย่าง มักจะใส่ใจกับความคิดเห็นของคนอื่นๆ ดังนั้นจึงพยายามที่จะแสดงความสามารถให้เห็นในทุกโอกาส เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็น เพื่อตอบสนองและรักษาอีโก้ของตัวเองเอาไว้ ให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีดี
วิธีคิดและนักกีฬา
เมื่อนักกีฬาทีมีวิธีคิดแบบเติบโตท้าทายตัวเอง เค้าจะพัฒนาตนเองขึ้นไปอีกขั้น หลายคนที่ไม่ได้มุ่งไปที่การชนะเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งไปที่การฝึกฝนตัวเอง และสนุกไปกับการที่ได้ท้าทายตัวเอง ชัยชนะเป็นผลพลอยได้จากการพัฒนาตนเองให้ถึงที่สุด เรียนรู้จากความพายแพ้ และเข้าใจว่าความขยันจะทำให้ประสบผลสำเร็จได้ แต่สำหรับนักกีฬาที่คิดแบบตายตัว มักจะฝืนบังคับตัวเองให้เอาชนะ เพื่อที่จะถูกมองว่าเป็นคนที่ดีกว่าคนอื่นๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่แพ้ ก็จะสูญเสียความมั่นใจ
เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยน
คนเราสามารถเปลี่ยนวิธีคิดได้ โดยการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ มนุษย์สามารถเรียนรู้วิธีใหม่ๆ ที่จะใช้จัดการกับปัญหาหรือความท้าทาย และคิดแตกต่างจากเดิม
ถึงแม้ว่าเราจะเคยคิดแบบตายตัว แต่เราก็ยังสามารถเปลี่ยนวิธีคิดได้ เปลี่ยนใจที่จะเรียนรู้และเติบโตขึ้นได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีพรสวรรค์แต่ความพยายามก็ทำให้ประสบผลสำเร็จได้เช่นกัน
การคิดแบบเติบโตช่วยทำให้คนชอบและพอใจในสิ่งที่
Growth Mindset vs Fixed Mindset วิธีคิดแบบเติบโตและวิธีคิดแบบตายตัว(2)
งานวิจัยทำให้เรารู้ว่า ความเป็นเลิศในแต่ละด้านไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์ แต่เกิดจากการเรียนรู้และฝึกฝน เช่น Mozart ใช้เวลานับ 10 ปี ก่อนที่จะสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้
ความสำเร็จกับความท้าทาย และโอกาสที่จะได้เรียนรู้
คนที่คิดแบบตายตัวจะมองหาคนที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่พิเศษ คนที่จะเติมเต็มและทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ คนที่จะคอยยกย่องและชื่นชม
คนที่คิดแบบเติบโตจะมองหาคนที่แตกต่าง คนที่จะคอยมองหาและบอกจุดบกพร่องและคอยช่วยแก้ไข คนที่จะท้าทายเพื่อให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม คนที่จะกระตุ้นให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
คนที่คิดแบบเติบโตไม่เพียงแค่มองหาโอกาสที่ท้าทาย แต่ยังโดดเด่นและพยายามทำได้ดี ยิ่งท้าทายมากเท่าไหร่ ก็จะพยายามมากยิ่งขึ้นและเติบโตมากขึ้น
แต่คนที่คิดแบบตายตัวก็ประสบผลสำเร็จได้เช่นกัน แต่เฉพาะในสถานการณ์ที่เค้ามีความมั่นใจว่าจะทำได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีความท้าทาย มีความเสี่ยงที่จะทำไม่สำเร็จ เสี่ยงที่คนอื่นจะมองว่าเป็นคนไร้ความสามารถ คนเหล่านี้ก็จะไม่สนใจ
คนที่คิดแบบตายตัวจะคาดหวังว่าตัวเองจะมาพร้อมกับความสามารถ ไม่ต้องเรียนรู้ ไม่ต้องฝึกฝนก็จะทำได้ และสุดท้ายก็จะคิดว่า ถ้าเราไร้ความสามารถ ไม่มีพรสววรค์ด้านนี้ เราก็จะไม่มีทางทำได้ ถ้าเราทำได้ก็เป็นเพราะเรามีพรสวรรค์ในด้านนี้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็จะขาดความมั่นใจและคิดว่าไม่มีพรสวรรค์ และก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป
วิธีคิดและผลการเรียนของเด็ก
นักเรียนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตมีวิธีจัดการกับความกังวลเพื่อที่จะยังคงให้ความสนใจในการเรียน ในขณะที่นักเรียนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวมักจะกลายเป็นคนที่ไม่กระตือรือร้น
เด็กที่มีวิธีคิดแบบเติบโตจะชอบความท้าทายและชอบการแก้ปัญหา ยิ่งแก้ปัญหายากๆ ได้ ก็จะเรียนรู้ได้มากขึ้น ผลการเรียนอาจจะบอกถึงสถานะในปัจจุบัน แต่เด็กที่มีวิธีคิดแบบนี้เชื่อว่าเค้าสามารถขยันเรียนรู้มากขึ้นได้อีก เด็กเหล่านี้ไม่สนใจผลการเรียนของตัวเอง ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ แต่สนใจแค่การพัฒนาตนเอง และพอใจอยู่กับการท้าทายตัวเอง เพื่อไปให้ถึงศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬา ดนตรี หรือศิลปะ การฝึกฝนอยู่ตลอดเวลาเป็นหนทางที่จะทำให้พัฒนาขึ้นได้เรื่อยๆ บางครั้งอาจจะล้มเหลว แต่ก็มองว่าเป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ
เด็กที่คิดแบบเติบโตจะมองว่าผลการเรียนหรือคะแนนสอบไม่ได้วัดความสามารถ ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนฉลาด เด็กที่คิดแบบเติบโต จะรู้และมองว่ามันต้องใช้เวลาที่จะพัฒนาตนเองและเข้าถึงศักยภาพที่แท้จริง
เด็กที่มีวิธีคิดแบบตายตัว ถ้าเรียนได้เกรดต่ำ ก็จะเชื่อว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่ถนัดวิชานั้นๆ ส่วนเด็กที่มีวิธีคิดแบบเติบโต ก็จะคิดว่าตัวเองจะต้องตั้งใจเรียนหนักมากขึ้น เพื่อให้สอบได้คะแนนดีๆ แต่เด็กที่คิดแบบตายตัวจะมองว่าคะแนนเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้วัดความสามารถ และเชื่อว่ามันจะบอกได้ว่าคนไหนฉลาดกว่ากัน และมันจะบอกว่าใครจะโตขึ้นและเป็นคนฉลาด และนั่นก็ทำให้ความสำเร็จในการเรียนและการสอบได้คะแนนดีมีผลกับเด็กมาก
คนที่คิดแบบตายตัวห่วงเรื่องความสำเร็จมากกว่าคนที่คิดแบบเติบโต สิ่งที่เค้าต้องการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเป็นคนพิเศษกว่าใคร เหนือกว่า มีพรสวรรค์และแตกต่างจากคนอื่นๆ
และความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่คิดแบบตายตัวยิ่งต้องมองหาความสำเร็จ มองหาสิ่งที่จะยืนยันและพิสูจน์ความพิเศษของตัวเอง พิสูจน์ว่าตัวเองมีค่ามากกว่าใคร
คำถามที่เกิดขึ้นคือ ถ้าเราเป็นคนพิเศษในเวลาที่ประสบผลสำเร็จ แล้วในเวลาที่เราล้มเหลว เราจะเป็นตัวอะไร
ความล้มเหลวเกิดจากการทำผิดพลาด ส่งผลให้เกิดความคิดที่ว่า เราเป็นคนทำพลาด และเราเป็นคนล้มเหลว ความคิดแบบนี้เกิดขึ้นได้บ่อยในคนที่คิดแบบตายตัว ความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวก็ส่งผลกระทบ ทำให้หลอกหลอนไปอีกนาน
แต่ความล้มเหลวก็ส่งผลกระทบต่อคนที่คิดแบบเติบโตได้เช่นกัน เป็นเรื่องที่ทำให้เจ็บใจได้เหมือนกัน แต่คนแบบนี้จะไม่คิดว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งที่บอกว่าเราเป็นคนล้มเหลว มันเป็นเพียงแค่ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญ และเรียนรู้จากมัน
แทนที่จะเรียนรู้และพยายามแก้ไขความผิดพลาด คนที่คิดแบบตายตัวมักจะพยายามรักษาความมั่นใจในตนเอง โดยการมองไปที่คนที่ด้อยกว่าตัวเอง ปลอบใจให้ตัวเองยังคงมั่นใจและรู้สึกดี นอกจากนั้นยังพยายามผลักความผิดไปให้คนอื่น และหาข้ออ้างอยู่เสมอ
แต่คนที่คิดแบบเติบโตมักจะมองไปยังคนที่ดีกว่าตัวเอง และมักจะแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แก้ไขจุดบกพร่องของตัวเอง ไม่พยายามปลอบใจตัวเองด้วยการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ด้อยกว่า
You’re a failure until you start to blame. –John Wooden
ถึงแม้ว่ามันจะเกิดความผิดพลาด ถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่ถ้าเราไม่หาข้ออ้างแก้ตัว เราก็จะยังคงเรียนรู้จากความผิดพลาดได้เสมอ
วิธีคิดและความผิดพลาด
ความผิดพลาดจะทำให้คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวโทษตัวเอง และความมั่นใจในตัวเองลดลง คิดว่าตัวเองไม่คู่ควร ไม่เป็นที่ต้องการ คนเหล่านี้มักจะชอบปกปิดข้อบกพร่องของตัวเอง และไม่คิดว่าความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ หรือไม่คิดว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงได้
ตรงข้ามกับคนที่มีวิธีคิดแบบเติบโต ที่จะเชื่อว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เชื่อว่าตัวเองสามารถเติบโต และมักจะพัฒนาตนเอง ชอบการเรียนรู้ เรียนรู้อยู่เสมอ
วิธีคิดและความวิตกกังวล
เมื่อไหร่ก็ตามที่ล้มเหลว คนที่คิดแบบตายตัวจะย้อนกลับมาคิดว่า ตัวเองไร้ความสามารถ และไม่คู่ควร และในที่สุดก็จะทำให้กลายเป็นคนล้มเหลว และยิ่งกังวลมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งปล่อยวางและล้มเลิกความตั้งใจ ไม่สนใจที่จะแก้ไขปัญหา ไม่เรียนรู้ในสิ่งที่จำเป็น ไม่ส่งงาน และตามไม่ทันคนอื่นๆ
คนที่คิดแบบตายตัวมักจะกังวลว่าความล้มเหลวจะทำให้คนอื่นมองว่าเป็นคนไร้ความสามารถ ไม่ฉลาด ไม่เก่ง ไม่มีพรสวรรค์ แต่สำหรับคนที่คิดแบบเติบโตจะมองความล้มเหลวเป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้ มันอาจจะเจ็บใจอยู่บ้าง แต่มันก็แค่ชั่วคราว ยังคงพัฒนาความสามารถขึ้นไปได้อีก และมันยังมีหนทางอื่นๆ ที่จะประสบผลสำเร็จได้
วิธีคิดและความพยายาม
คนที่มีพรสวรรค์ไม่จำเป็นต้องพยายามมาก การคิดแบบนี้ทำให้ปิดโอกาสในการพัฒนาตนเอง และในสถานการณ์ที่ต้องเจอกับความท้าทาย คนเหล่านี้ก็ไม่ยอมเสี่ยงที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องทำให้คนอื่นมองว่าตัวเองไร้ความสามารถ
คนที่คิดแบบเติบโต จะมองว่าอัจฉริยะเกิดจากความพยายามและการทำงานหนัก คนที่คิดแบบนี้จะให้ความสำคัญกับความพยายามมากกว่าพรสวรรค์ และเชื่อว่าความพยายามมันจะส่งผลให้เกิดความสำเร็จ
สำหรับคนที่คิดแบบตายตัว ความพยายามคือความบกพร่อง เพราะถ้าหลังจากที่พยายามแล้วแต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ ก็จะไม่มีข้ออ้างได้อีก
สำหรับคนที่คิดแบบตายตัว ความพยายามเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนที่ไม่มีพรสวรรค์ คนที่บกพร่อง คนที่ไม่มีอะไรจะเสียและจะต้องพยายามเท่านั้น
แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คิดว่าตัวเองสามารถทำได้โดยที่ไม่พยายาม คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะและมีพรสวรรค์ ก็จะมีอะไรให้เสียเยอะกว่า ความพยายามจะทำให้ลดค่าของตัวเองลง
ความพยายามเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับคนที่คิดแบบตายตัว เพราะคนแบบนี้คิดว่าอัจฉริยะสามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องพยายาม และถ้าพยายามแล้วยังทำไม่ได้ ก็จะไม่สามารถอ้างอะไรได้อีก แต่ถ้าไม่พยายาม ก็จะยังแก้ตัวได้เสมอ ว่าไม่ได้เตรียมตัว ยังไม่พร้อม
คนที่คิดแบบตายตัวมองว่าพรสววรค์มีส่วนทำให้ประสบผลสำเร็จได้มากกว่าความพยายาม
วิธีคิดและคำชม
วิธีคิดของเรามันเกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก เด็กทุกคนเริ่มต้นชีวิตด้วยวิธีคิดแบบเติบโต ต้องการการเรียนรู้และเติบโตให้มากขึ้นในแต่ละวัน
ผู้ใหญ่ พ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็มีส่วนทำให้เด็กเปลี่ยนวิธีคิด ทำให้เด็กลายเป็นคนที่คิดแบบตายตัวและไม่เรียนรู้เพื่อเติบโต พ่อแม่ที่มีวิธีคิดแบบเติบโตจะสอนให้เด็กคิดและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ในขณะที่พ่อแม่ที่คิดแบบตายตัวจะมัวแต่ตัดสินเด็ก และย้ำว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนั้นไม่ดี แบบนี้ถูก แบบนั้นผิด
ครูก็มีส่วนทำให้เด็กเปลี่ยนวิธีคิดและกลายเป็นคนที่คิดแบบตายตัว ครูบางคนเชื่อว่าความสามารถของเด็กไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ เด็กที่มีผลการเรียนดีก็จะเรียนดีต่อไป ส่วนเด็กที่ผลการเรียนแย่ก็จะทำได้แย่ต่อไป เป็นแบบนั้นตลอดไป ผลที่ตามมาคือเด็กที่เรียนไม่ดีก็จะเชื่อและทำให้กลายเป็นคนที่คิดแบบตายตัว
ครูที่ดีเชื่อว่าเด็กทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไรก็ตาม ครูเหล่านี้จะมีวิธีจัดการสอนที่ต่างออกไป เค้าแสดงให้เด็กเห็นว่ามันมีหนทางแก้ปัญหาที่แตกต่างออกไป มีหลายวิธีในการแก้ปัญหาเดียวกัน และเด็กที่ผลการเรียนไม่ดีก็จะเรียนรู้และมีวิธีคิดแบบเติบโตได้ และเริ่มทำผลงานและมีผลการเรียนที่ดีขึ้นได้ ไม่คิดว่าตัวเองโง่หรือไม่ดีพอ
คนที่คิดแบบเติบโตไม่จำเป็นต้องอาศัยความมั่นใจเสมอไป เด็กที่โตมากับคำชมว่าเป็นเด็กฉลาดมักจะกลายเป็นเด็กที่มีวิธีคิดแบบตายตัว และทำให้กลายเป็นเด็กที่ไม่ชอบความท้าทาย เด็กเหล่านี้ต้องการที่จะอยู่ในกรอบความสำเร็จและไม่ต้องการเสี่ยงที่จะกลายเป็นคนที่พ่ายแพ้และถูกมองว่าเป็นคนที่อ่อนแอ ทำให้กลายเป็นคนที่ไม่ชอบการแก้ปัญหายากๆ ในขณะที่เด็กที่โตมากับคำชมว่าเป็นเด็กที่ขยันจะกลายเป็นเด็กที่ชื่นชอบการแก้ปัญหายากๆ
นอกจากนั้นเด็กที่โตมากับคำชมว่าเป็นเด็กฉลาดจะทำให้ IQ ลดต่ำลงด้วย ส่วนในเด็กที่โตมากับคำชมว่าเป็นเด็กขยันจะมี IQ เพิ่มสูงขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นคำชม การถูกดูหมิ่น หรือสบประมาท การเรียกเด็กว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์หรือมีความสามารถพิเศษต่างจากคนทั่วไป ต่างก็ส่งผลเสียต่อเด็ก โดยส่วนใหญ่จะทำให้เด็กไม่พัฒนาตามที่ควรจะเป็น เมื่อเด็กเชื่อว่าตัวเองเป็นแบบที่ผู้ใหญ่เรียก เด็กก็จะขาดความมั่นใจหรือปกปิดความตั้งใจเอาไว้ไม่กล้าบอกกับคนอื่นๆ
ถ้าครูหรือพ่อแม่ทำให้เด็กเข้าใจว่าเค้าไม่เก่งคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ มันก็จะส่งผลในแง่ลบ ทำให้เด็กยิ่งทำคะแนนต่ำลงไปอีก
วิธีคิดและการทำงาน
คนที่มีวิธีคิดเแบบตายตัวเชื่อในพรสวรรค์ เชื่อว่าความสามารถของคนถูกออกแบบมาและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก คนเรามีกลุ่มที่ฉลาดและกลุ่มของคนที่ไง่และไร้ความสามารถ และมันก็จะเป็นแบบนั้นตลอดไป
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวจะคิดว่าพนักงานที่ไม่ได้แสดงผลงานที่ยอดเยี่ยมในวันแรก ก็จะไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ก็จะไม่สามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้เลย ดังนั้นทางที่ดีควรจะเอาคนเหล่านี้ออกไปให้เร็ว
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวเชื่อว่าเค้าจะทำงานได้ดีเมื่องานนั้นตรงกับความสามารถพิเศษที่มี ไม่เชื่อว่าความขยันฝึกฝนเรียนรู้จะทำให้เราดีขึ้นได้ หรือทำให้กลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมได้ คนเหล่านี้มองว่าตัวเองมีข้อดีและมีข้อด้อยบางอย่าง มักจะใส่ใจกับความคิดเห็นของคนอื่นๆ ดังนั้นจึงพยายามที่จะแสดงความสามารถให้เห็นในทุกโอกาส เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็น เพื่อตอบสนองและรักษาอีโก้ของตัวเองเอาไว้ ให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีดี
วิธีคิดและนักกีฬา
เมื่อนักกีฬาทีมีวิธีคิดแบบเติบโตท้าทายตัวเอง เค้าจะพัฒนาตนเองขึ้นไปอีกขั้น หลายคนที่ไม่ได้มุ่งไปที่การชนะเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งไปที่การฝึกฝนตัวเอง และสนุกไปกับการที่ได้ท้าทายตัวเอง ชัยชนะเป็นผลพลอยได้จากการพัฒนาตนเองให้ถึงที่สุด เรียนรู้จากความพายแพ้ และเข้าใจว่าความขยันจะทำให้ประสบผลสำเร็จได้ แต่สำหรับนักกีฬาที่คิดแบบตายตัว มักจะฝืนบังคับตัวเองให้เอาชนะ เพื่อที่จะถูกมองว่าเป็นคนที่ดีกว่าคนอื่นๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่แพ้ ก็จะสูญเสียความมั่นใจ
เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยน
คนเราสามารถเปลี่ยนวิธีคิดได้ โดยการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ มนุษย์สามารถเรียนรู้วิธีใหม่ๆ ที่จะใช้จัดการกับปัญหาหรือความท้าทาย และคิดแตกต่างจากเดิม
ถึงแม้ว่าเราจะเคยคิดแบบตายตัว แต่เราก็ยังสามารถเปลี่ยนวิธีคิดได้ เปลี่ยนใจที่จะเรียนรู้และเติบโตขึ้นได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีพรสวรรค์แต่ความพยายามก็ทำให้ประสบผลสำเร็จได้เช่นกัน
การคิดแบบเติบโตช่วยทำให้คนชอบและพอใจในสิ่งที่