ความวายความจิ้นที่มาพร้อมความฮาจนทำให้เราหัวเราะดังลั่นบ้าน แล้วก็ดูยาวรวดเดียวจบ 15 EP (ที่มีความยาวสั้นๆ รวมกันแล้วแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง) นี่คือมินิซีรี่ส์ที่ทำให้เราอารมณ์ดี มีพลังบวก แล้วก็มองโลกสดใสขึ้นเยอะ ในวันที่ฟ้าหม่นๆ จนทำให้อยากนอนนิ่งๆ บนเตียงเฉยๆ ทั้งวันแบบในช่วงที่ผ่านมา
.
เรื่องราวของ “พัก คยูแท” และ “ซอง กีแจ” สองหนุ่มที่มีบุคลิกนิสัยต่างกันสุดขั้ว แต่ดันมาอยู่ห้องติดกันตามชื่อเรื่อง เรื่องมันคงไม่พิลึกพิลั่น หากไม่มีใครๆ บังเอิญเห็นสองคนนี้อยู่ใกล้ชิดกันในจังหวะที่ไม่เหมาะไม่ควรหลายครั้งหลายหน จนทำให้เข้าใจกันไปว่า ทั้งคู่มีอะไรลึกซึ้งกันเกินเพื่อนบ้านห้องติดกัน แล้วเรื่องราวความสัมพันธ์ของสองหนุ่ม กับหนึ่งสาว ผู้เป็นเพื่อน/รุ่นน้องของทั้งคู่ ก็ดำเนินไปแบบวายป่วงตั้งแต่ต้นจนจบ
.
ความสนุกของ The Boy Next Door ก็อยู่ที่สถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ทั้งคู่แนบชิดกัน โดยฉากที่ว่าก็มักจะมาพร้อมกับภาพสโลว์โมชั่น เพลงโรแมนติกดังคลอ และรายละเอียดต่างๆ นานา แบบเดียวกับจังหวะพระเอกนางเอกตกหลุมรักกันในหนังโรแมนติกทั้งหลาย ในเวอร์ชั่นที่เล่นใหญ่กว่าหลายเท่า จนทำให้เราทั้งจิกเบาะและหัวเราะร่าไปพร้อมกัน
.
ชื่นชมสองนักแสดงนำมากๆ จาง กียง รับบทเป็น ซอง กีแจ ชายหนุ่มหล่อเนี้ยบเท่ บ้าเกม แต่ใช้ชีวิตได้ซกม๊กสุดๆ ในความนิ่งเท่พอต้องมาอยู่ในสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อมันยิ่งตลก และ ชเว อูชิก ที่หลายคนปลื้มปริ่มจาก Parasite ก็รับบทเป็น พัก คยูแท หนุ่มเนิร์ดใส่แว่น รักความสะอาด และมีอาการป้ำๆ เป๋อๆ ได้น่ารักน่าหยิกตลอดเรื่อง ไม่รู้จะเรียกเคมีของคู่นี้ว่าอะไรดี แต่มันดีสุดๆ ไปเลย!
.
ลองถามตัวเองกันอีกสักหน เราเคยมีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นกับใครบางคนจนทำให้สับสนในตัวเองบ้างไหมว่า เอ๊ะ ตกลงมันคือความชื่นชม การปลื้ม หรือคือความรักกันแน่ แล้วความผูกพัน ความใกล้ชิด และเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างใครคนนั้น ไม่จำเป็นต้องลงเอยด้วยการเป็นคนรักเสมอไปนี่นา ... ใช่ไหม?
.
ถึงแม้สุดท้ายแล้ว The Boy Next Door จะไม่ได้เป็นซีรี่ส์เกย์เต็มตัวอะไรเลย แต่พอเราได้เห็นประเทศที่เคร่งเรื่อง LGBT ออกมาทำอะไรแบบนี้ แม้จะเป็นในลักษณะยั่วล้อ แต่มันก็เต็มไปด้วยการให้เกียรติความเป็นเกย์ด้วย เราก็ดีใจมากนะ
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่
เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
[CR] [Review] The Boy Next Door (2017)
ความวายความจิ้นที่มาพร้อมความฮาจนทำให้เราหัวเราะดังลั่นบ้าน แล้วก็ดูยาวรวดเดียวจบ 15 EP (ที่มีความยาวสั้นๆ รวมกันแล้วแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง) นี่คือมินิซีรี่ส์ที่ทำให้เราอารมณ์ดี มีพลังบวก แล้วก็มองโลกสดใสขึ้นเยอะ ในวันที่ฟ้าหม่นๆ จนทำให้อยากนอนนิ่งๆ บนเตียงเฉยๆ ทั้งวันแบบในช่วงที่ผ่านมา
.
เรื่องราวของ “พัก คยูแท” และ “ซอง กีแจ” สองหนุ่มที่มีบุคลิกนิสัยต่างกันสุดขั้ว แต่ดันมาอยู่ห้องติดกันตามชื่อเรื่อง เรื่องมันคงไม่พิลึกพิลั่น หากไม่มีใครๆ บังเอิญเห็นสองคนนี้อยู่ใกล้ชิดกันในจังหวะที่ไม่เหมาะไม่ควรหลายครั้งหลายหน จนทำให้เข้าใจกันไปว่า ทั้งคู่มีอะไรลึกซึ้งกันเกินเพื่อนบ้านห้องติดกัน แล้วเรื่องราวความสัมพันธ์ของสองหนุ่ม กับหนึ่งสาว ผู้เป็นเพื่อน/รุ่นน้องของทั้งคู่ ก็ดำเนินไปแบบวายป่วงตั้งแต่ต้นจนจบ
.
ความสนุกของ The Boy Next Door ก็อยู่ที่สถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ทั้งคู่แนบชิดกัน โดยฉากที่ว่าก็มักจะมาพร้อมกับภาพสโลว์โมชั่น เพลงโรแมนติกดังคลอ และรายละเอียดต่างๆ นานา แบบเดียวกับจังหวะพระเอกนางเอกตกหลุมรักกันในหนังโรแมนติกทั้งหลาย ในเวอร์ชั่นที่เล่นใหญ่กว่าหลายเท่า จนทำให้เราทั้งจิกเบาะและหัวเราะร่าไปพร้อมกัน
.
ชื่นชมสองนักแสดงนำมากๆ จาง กียง รับบทเป็น ซอง กีแจ ชายหนุ่มหล่อเนี้ยบเท่ บ้าเกม แต่ใช้ชีวิตได้ซกม๊กสุดๆ ในความนิ่งเท่พอต้องมาอยู่ในสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อมันยิ่งตลก และ ชเว อูชิก ที่หลายคนปลื้มปริ่มจาก Parasite ก็รับบทเป็น พัก คยูแท หนุ่มเนิร์ดใส่แว่น รักความสะอาด และมีอาการป้ำๆ เป๋อๆ ได้น่ารักน่าหยิกตลอดเรื่อง ไม่รู้จะเรียกเคมีของคู่นี้ว่าอะไรดี แต่มันดีสุดๆ ไปเลย!
.
ลองถามตัวเองกันอีกสักหน เราเคยมีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นกับใครบางคนจนทำให้สับสนในตัวเองบ้างไหมว่า เอ๊ะ ตกลงมันคือความชื่นชม การปลื้ม หรือคือความรักกันแน่ แล้วความผูกพัน ความใกล้ชิด และเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างใครคนนั้น ไม่จำเป็นต้องลงเอยด้วยการเป็นคนรักเสมอไปนี่นา ... ใช่ไหม?
.
ถึงแม้สุดท้ายแล้ว The Boy Next Door จะไม่ได้เป็นซีรี่ส์เกย์เต็มตัวอะไรเลย แต่พอเราได้เห็นประเทศที่เคร่งเรื่อง LGBT ออกมาทำอะไรแบบนี้ แม้จะเป็นในลักษณะยั่วล้อ แต่มันก็เต็มไปด้วยการให้เกียรติความเป็นเกย์ด้วย เราก็ดีใจมากนะ
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้