จากนิยายคลาสสิคสู่ภาพยนตร์สุดคลาสสิคที่ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยในดินแดนที่ไม่รู้จักเพื่อตามหา ความคิด, หัวใจ, ความกล้า และ ทางกลับบ้าน และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่วงการภาพยนตร์ทั้งการใช้สีในหนังที่โดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ รวมไปถึงดนตรีประกอบและเพลงประกอบในหนัง อย่าง Somewhere Over the Rainbow , The Wizard Of Oz สามารถเข้าชิงออสการ์ได้ถึง 6 สาขา และคว้ารางวัลมาได้ 2 สาขา ได้แก่ Best Music, Original Score , Best Music, Original Song

The Wizard Of Oz เป็นภาพยนตร์ที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมภาพนนตร์รุ่นหลังมากที่สุดตลอดกาล เด็กสาวมีความฝันถึงโลกแฟนตาซี ในนั้นเธอต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อหาทางกลับบ้าน ความมหัศจรรย์ของ The Wizard of Oz เมื่อเด็กๆได้รับชมจะเรียนรู้จดจำนำไปเป็นแบบอย่าง ส่วนผู้ใหญ่ก็จะมองหาตำหนิ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ หนังเรื่องนี้อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มีอะไรซ่อนอยู่มากมายให้เราหาคำตอบ เป็นอีก 1 เรื่อง ที่ต้องหาดูให้ได้ก่อนตาย

โดโรธี เกล เด็กสาวหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์และจิตใจ เธออาศัยอยู่กับลุงและป้าของเธอโดยมีสุนัขแสนรู้ชื่อโตโต้เป็นเพื่อนรักคู่ใจ พวกเขาอาศัยอยู่ที่แคนซัส ทำงานเป็นเกษตกรรับจ้างให้กับมิสกัลช์ผู้ใจร้าย มิสกัลช์ถูกโตโต้กัดก็เลยโกรธแค้น ใช้อำนาจใบสั่งจากนายอำเภอมานำตัวโตโต้ไปกำจัดเสีย โตโต้หนีออกมาได้ โดโรธีจึงพาโตโต้หนีออกจากบ้าน ในระหว่างทางที่หนีออกมานั้นได้พบกับโปรเฟสเซอร์มาร์เวลซึ่งเป็นนักมายากล เขาได้เล่นกลให้เธอดูและหลอกเธอว่าป้าแอมของเธอนั้นป่วย เธอจึงยอมกลับไปบ้านไร่ของเธอ เมื่อเธอกลับไป ปรากฏว่าได้เกิดพายุทอร์นาโดพัดขึ้น เธอหลบอยู่ในบ้านพร้อมด้วยโตโต้สุนัขคู่ใจในขณะที่คนอื่นๆไม่ได้เข้ามาด้วย พายุทอร์นาโดได้พัดบ้านของเธอไปยังเมืองออซ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในตำนาน

เธอออกมาจากบ้านและได้พบกับ กลินดา ซึ่งเป็นแม่มดฝ่ายธรรมะ แม่มดผู้ชั่วร้ายแห่งตะวันตกได้ตามมาและกล่าวหาว่าโดโรธีได้ฆ่าน้องสาวของเธอ แต่แท้ที่จริงนั้นแม่มดแห่งตะวันตกต้องการรองเท้าสีทับทิมซึ่งเป็นรองเท้าวิเศษของน้องสาวเธอ ที่เมื่อผู้ใดสวมแล้วจะมีอำนาจวิเศษ รองเท้านั้นกลับมาปรากฏอยู่ที่เท้าของโดโรธี เธอจึงต้องการฆ่าโดโรธีเสียเพื่อชิงรองเท้า แต่กลินดามาช่วยไว้เสียก่อน แม่มดผู้ชั่วร้ายไม่สามารถทำอันตรายโดโรธีได้จึงอาฆาตและกล่าวว่าจะตามฆ่าเธอให้ได้ก่อนจะหายตัวไป

เชื่อว่าคงมีหลายคนที่หลังจากได้รับชมหนังเรื่องนี้แล้วก็ส่ายหัว ตั้งคำถามคลาสสิคแบบเดิมๆที่หนังทุกเรื่องบนโลกต้องเจอ ว่า หนังมันดีอย่างไร ? หนังมันยิ่งใหญ่ตรงไหน ? เพราะความที่คนส่วนใหญ่มองแค่ผิวเผินหนัง แล้วเอาบรรทัดฐานของตัวเองตั้ง ชอบไม่ชอบ แล้วมาบอกว่าก็แค่หนังห่วยๆเรื่องนึง ? เรามีสิทธิ์วิจารณ์ว่าไม่ชอบเรื่องนี้ แต่อย่าไปบอกว่าหนังห่วย เพียงเพราะเราไม่ชอบ ถ้าเราไม่ชอบไม่ได้แปลว่าเรื่องนั้นห่วย เพียงแต่มันเป็นไปตามยุคสมัยและรสนิยมส่วนตัว ลองเปิดใจศึกษา อ่านบทวิเคราะห์ วิจารณ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้จากๆหลายสำนัก วันนึงคุณอาจจะชอบขึ้นมาและได้ซึมซับคุณค่าของภาพยนตร์ก็เป็นได้ 

เพลงประกอบในเรื่องพ่อมดวิเศษแห่งออซนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากคือเพลง Over The Rainbow เวลามีโพลฮอลลีวู้ดจัดอันดับว่าเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องไหนที่ดีที่สุดตลอดกาล เพลงนี้มาอันดับ 1 ค่ะ กลายเป็นเพลงประจำตัวดาราสาวเจ้าเสน่ห์ จูดี้ กาแลน ไปจนตลอดชีวิตของเธอและดูเหมือนว่าถึงแม้จะมีผู้ที่ขับร้องเพลงนี้อีกมากมาย แต่ใครๆก็ไม่ลืมเวอร์ชั่นที่ร้องโดยจูดี้ กาแลน ในภาพยนต์เรื่องนี้ ประกอบกับเพลงๆนี้มีความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ สร้างให้คนฟังมีความหวังและอย่าท้อแท้ในความฝันของตน เพลงนี้จึงกลายเป็นเพลงอมตะ เราเอาเนื้อเพลงมาฝาก 🎵

จูดี้ การ์แลนด์คือหนึ่งในนักแสดงหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งยุค การรับบท โดโรธีครั้งนี้ เป็นหนึ่งในบทบาทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเธอ เธอคือแก่นหลักของเรื่อง ตลอดทั้งเรื่องเธอได้มอบความใสซื่อ น่ารัก บริสุทธิ์ และมอบความเชื่อมั่นและพลังใจให้กับเพื่อนร่วมทาง และมาพร้อมกับเสียงร้องมหัศจรรย์ที่ไม่มีนักแสดงหญิงคนใดสามารถทำได้ เสียงของจูดี้ การ์แลนด์ กลายเป็นเสียงอมตะที่ไม่มีวันลบล้างหรือหายไปจากใจนักดูหนังตลอดกาล เสียงของเธอมีอะไรบางอย่างที่สะกดใจผู้ชมได้ แม้ว่าวันนี้คนรุ่นหลังอาจจะไม่คุ้นเคยกับ จูดี้ การ์แลนด์ มากนัก แต่เธอเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์มากๆคนนึงในฮอลลีวู้ด ถึงแม้ชีวิตจริงจะไม่สวยงามเหมือนในภาพยนตร์ก็ตาม