The Last Picture Show
(Peter Bogdanovich, 1971)
The Last Picture Show เล่าเรื่องเมืองในเท็กซัสที่กำลังตายลงอย่างช้าๆ ในปี 1951 ตัวละครกลุ่มใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งเรียนจบ และกำลังเคว้งกับอนาคต ในขณะที่ตัวละครอีกกลุ่มเป็นผู้ใหญ่ที่หมดหวังในเมืองตายซากแห่งนี้
ด้วามเป็นหนังขาวดำ The Last Picture Show ค่อยๆกัดกร่อนความรู้สึกของคนดูทีละน้อยๆ เมืองที่เงียบเหงาแห่งนี้ไม่มีอะไรทำ จะมีก็คือเรื่องลามกของหนุ่มสาว และโรงฉายหนังเล็กๆที่พอยึดเหนี่ยวจิตใจวัยรุ่นได้ แต่โรงหนังที่ว่านั้นก็กำลังจะเปิดฉายเป็นครั้งสุดท้าย..
นักแสดงวัยรุ่นในเรื่องเล่นกันดีมาก แต่ที่โดดเด่นออกมาเลยคือเจฟฟ์ บริดเจส นี่คือการเข้าชิงออสการ์ครั้งแรกของเขาในสาขาสมทบชาย แต่หนังส่งนักแดงผู้ใหญ่อีกคนชนะออสการ์ในสาขานี้ได้ คือเบน จอห์นสัน ผู้รับบทแซมเดอะไลอ้อน เจ้าของร้านฉายหนังที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สองของเด็กๆในเมือง บางทีเขาก็ปราบพยศ บางทีก็คอบสั่งสอน เวลาบนจอของเขาน้อย แต่การปรากฏตัวของเขาตามหลอกหลอนคนดูไม่รู้จบ
เช่นเดียวกับสาขาสมทบชาย หนังส่งนักแสดงเข้าชิงสมทบหญิงได้สองคน คนแรกคือเอลเลน เบิร์สตีน กับบทแม่นางเอก นี่คือารเข้าชิงครั้งแรกของเธอ ในขณะที่คลอริส ลีชแมน เป็นคนที่คว้ารางวัลไป บทของเธอหนักที่สุดในเรื่อง เธอเป็นหญิงกลางคนที่แต่งงานกับโค้ชของโรงเรียนประจำเมือง แต่ไม่มีความสุขแม้แต่น้อย (และสามีของเธออาจเป็นเกย์) เธอจึงยอมเป็นชู้กับตัวเอกรุ่นลูก (ทิโมธี บอททอมส์) เพื่อตักตวงความสุขที่เธอไม่เคยได้รับ
เมืองแห้งเล้งไร้ชีวิต ไร้อนาคต ท้ายที่สุดแล้วคนรุ่นใหม่จึงตัดสินใจกระเจิงหนีไปคนละทาง บ้างก็หนีไปเป็นทหารในสงครามเกาหลี ที่ยังตัดสินใจอยู่ก็ต้องยอมรับความซังกะตายอยู่กับคนรุ่นเก่า.. ชีวิตวัยเยาว์ผ่านไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับคืนมา
The Last Picture Show เป็นหนังหลากชีวิตที่ตัวละครแต่ละตัวมีมิติ ทุกคนดิ้นรนในเมืองแห่งนี้ วิธีการถ่ายภาพขาวดำแบบ Deep Focus ช่วยขับเน้นความหดหู่สิ้นหวังของหนังออกมาได้อย่างหมดจด บางครั้งหนังก็ถจับภาพระยะไกลให้เห็นเมืองที่แห้งแล้ง ปราศจากรถรา ลมพัดฝุ่นทรายตลบ ไร้ชีวิต..
The Last Picture Show เข้าชิงออสการ์ปีนั้น 8 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับ ปีเตอร์ บ็อกดาโนวิช, บทดัดแปลง, กำกับภาพ. สมทบชาย เจฟฟ์ บริดเจส และเบน จอห์นสัน, สมทบหญิง เอลเลน เบิร์สตีน และคลอริส ลีชแมน ชนะสองสาขาคือสมทบชายของเบน จอห์นสัน และสมทบหญิงของคลอริส ลีชแมน
ถ้าดู The Last Picture Show ตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าจะเคร่งเครียดเกินไปหรือเปล่าสำหรับสถานการณ์โลกปัจจุบัน แต่ก็ยังแนะนำอยู่ดี สำหรับหนังที่หลอกหลอนจิตใจอย่างยอดเยี่ยม
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ:
https://www.facebook.com/TrustGuAndGoWatchIt
[รีวิวหนังเก่าดีกรีออสการ์] The Last Picture Sho (1971)
(Peter Bogdanovich, 1971)
The Last Picture Show เล่าเรื่องเมืองในเท็กซัสที่กำลังตายลงอย่างช้าๆ ในปี 1951 ตัวละครกลุ่มใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งเรียนจบ และกำลังเคว้งกับอนาคต ในขณะที่ตัวละครอีกกลุ่มเป็นผู้ใหญ่ที่หมดหวังในเมืองตายซากแห่งนี้
ด้วามเป็นหนังขาวดำ The Last Picture Show ค่อยๆกัดกร่อนความรู้สึกของคนดูทีละน้อยๆ เมืองที่เงียบเหงาแห่งนี้ไม่มีอะไรทำ จะมีก็คือเรื่องลามกของหนุ่มสาว และโรงฉายหนังเล็กๆที่พอยึดเหนี่ยวจิตใจวัยรุ่นได้ แต่โรงหนังที่ว่านั้นก็กำลังจะเปิดฉายเป็นครั้งสุดท้าย..
นักแสดงวัยรุ่นในเรื่องเล่นกันดีมาก แต่ที่โดดเด่นออกมาเลยคือเจฟฟ์ บริดเจส นี่คือการเข้าชิงออสการ์ครั้งแรกของเขาในสาขาสมทบชาย แต่หนังส่งนักแดงผู้ใหญ่อีกคนชนะออสการ์ในสาขานี้ได้ คือเบน จอห์นสัน ผู้รับบทแซมเดอะไลอ้อน เจ้าของร้านฉายหนังที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สองของเด็กๆในเมือง บางทีเขาก็ปราบพยศ บางทีก็คอบสั่งสอน เวลาบนจอของเขาน้อย แต่การปรากฏตัวของเขาตามหลอกหลอนคนดูไม่รู้จบ
เช่นเดียวกับสาขาสมทบชาย หนังส่งนักแสดงเข้าชิงสมทบหญิงได้สองคน คนแรกคือเอลเลน เบิร์สตีน กับบทแม่นางเอก นี่คือารเข้าชิงครั้งแรกของเธอ ในขณะที่คลอริส ลีชแมน เป็นคนที่คว้ารางวัลไป บทของเธอหนักที่สุดในเรื่อง เธอเป็นหญิงกลางคนที่แต่งงานกับโค้ชของโรงเรียนประจำเมือง แต่ไม่มีความสุขแม้แต่น้อย (และสามีของเธออาจเป็นเกย์) เธอจึงยอมเป็นชู้กับตัวเอกรุ่นลูก (ทิโมธี บอททอมส์) เพื่อตักตวงความสุขที่เธอไม่เคยได้รับ
เมืองแห้งเล้งไร้ชีวิต ไร้อนาคต ท้ายที่สุดแล้วคนรุ่นใหม่จึงตัดสินใจกระเจิงหนีไปคนละทาง บ้างก็หนีไปเป็นทหารในสงครามเกาหลี ที่ยังตัดสินใจอยู่ก็ต้องยอมรับความซังกะตายอยู่กับคนรุ่นเก่า.. ชีวิตวัยเยาว์ผ่านไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับคืนมา
The Last Picture Show เป็นหนังหลากชีวิตที่ตัวละครแต่ละตัวมีมิติ ทุกคนดิ้นรนในเมืองแห่งนี้ วิธีการถ่ายภาพขาวดำแบบ Deep Focus ช่วยขับเน้นความหดหู่สิ้นหวังของหนังออกมาได้อย่างหมดจด บางครั้งหนังก็ถจับภาพระยะไกลให้เห็นเมืองที่แห้งแล้ง ปราศจากรถรา ลมพัดฝุ่นทรายตลบ ไร้ชีวิต..
The Last Picture Show เข้าชิงออสการ์ปีนั้น 8 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับ ปีเตอร์ บ็อกดาโนวิช, บทดัดแปลง, กำกับภาพ. สมทบชาย เจฟฟ์ บริดเจส และเบน จอห์นสัน, สมทบหญิง เอลเลน เบิร์สตีน และคลอริส ลีชแมน ชนะสองสาขาคือสมทบชายของเบน จอห์นสัน และสมทบหญิงของคลอริส ลีชแมน
ถ้าดู The Last Picture Show ตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าจะเคร่งเครียดเกินไปหรือเปล่าสำหรับสถานการณ์โลกปัจจุบัน แต่ก็ยังแนะนำอยู่ดี สำหรับหนังที่หลอกหลอนจิตใจอย่างยอดเยี่ยม
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ: https://www.facebook.com/TrustGuAndGoWatchIt