ย่านสยามสแควร์ในสมัยก่อนเขาว่ากันว่า คือศูนย์รวมของติวเตอร์ดังๆ ทั่วฟ้าเมืองไทย ที่ผ่านมานอกจากเรื่องแฟชั่นแล้ว ถ้าพูดถึงสยามสแควร์ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงโรงเรียนกวดวิชาที่มีอยู่มากมายหลายสำนัก ดังนั้นย่านสยามสแควร์นี้จึงคึกคักด้วยบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาววัยเรียนอยู่เสมอ คนในวัยผลิบานจำนวนมหาศาลจึงเดินทางมาแสวงหาโอกาสทางการศึกษา และตักตวงความรู้ให้เพิ่มพูนไว้สำหรับการเตรียมสอบในสนามสอบต่าง ๆ
และถ้าพูดถึงการเตรียมสอบในสนามต่าง ๆ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังสือตำราวิชาการและคู่มือเตรียมสอบในวิชาต่าง ๆ นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะความรู้ถือได้ว่าเป็นอาวุธหลักประจำกายของนักเรียนและนิสิตนักศึกษาที่จะต้องมีไว้ให้พร้อมเสมอ ซึ่งในสมัยก่อนนั้นถ้าใครอยากได้หนังสือคู่มือเตรียมสอบสักเล่ม ก็อดไม่ได้แน่ที่จะต้องไปเดินเลือกหาซื้อที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ สาขาสยามสแควร์ ที่อยู่ชั้นล่างของอาคารวิทยกิตติ์ ที่เป็นอาคารจอดรถ 20 ชั้นของสยามสแควร์
“นึกถึงหนังสือ นึกถึงศูนย์หนังสือจุฬาฯ”
ในวันนี้ผมขออนุญาตพาทุกท่านไปยลโฉมใหม่ของศูนย์หนังสือจุฬาฯ สาขาสยามสแควร์ ที่เพิ่งปรับปรุงเสร็จใหม่เอี่ยม โอ่โถงทันสมัย ดูโปร่งโล่งสบายตา พื้นที่กว้างขวางและมีหนังสือวางให้เลือกสรรไม่ต่ำกว่า 80,000 ปก ภายใต้พื้นที่มากกว่า 1,200 ตรม. ที่สามารถเดินเลือกหยิบหนังสือดูได้อย่างจุใจ และที่สำคัญที่สุดเมื่อปรับปรุงให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ทางศูนย์หนังสือจุฬาฯ สาขาสยามสแควร์นี้สามารถวางโชว์ปกหนังสือได้อย่างเต็มเล่ม ไม่ได้วางโชว์แค่สันหนังสือแล้ว ไม่ต้องเอียงคอคอยส่องมองหาชื่อหนังสืออีกต่อไป การวางโชว์ปกเต็มเล่มนั้นผู้ซื้อสามารถเห็นหน้าภาพหน้าปกหนังสือ เห็นชื่อเรื่อง เห็นชื่อผู้แต่งอย่างชัดเจน การหยิบหนังสือขึ้นมาทดลองอ่านดูก็สะดวกขึ้นด้วย จึงทำให้การเดินซื้อหนังสือจึงดูมีเสน่ห์มากขึ้นด้วย ลองไปชมกันดูครับว่า หลังจากรีโนเวทใหม่แล้ว สาขาสยามสแควร์จะสวยงามถูกใจท่านหรือไม่? ไปชมกันครับ
คุณวิมลพรรณ คำประชา
กรรมการผู้จัดการ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณวิมลพรรณ คำประชา กรรมการผู้จัดการ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ถึงแนวคิดในการปรับปรุงสาขาสยามสแควร์ในครั้งนี้ โดยคุณวิมลพรรณ บอกให้ผมฟังคร่าว ๆ ว่า
“จุดแข็งของศูนย์หนังสือจุฬาก็ตามสโลแกนที่บอกว่า นึกถึงหนังสือ นึกถึงศูนย์หนังสือจุฬาฯ (Forest of Knowledge) คือเราเปรียบศูนย์หนังสือจุฬาฯ เหมือนป่าแห่งความรู้ คือเป็นแหล่งรวมของตำราวิชาการที่มีความหลากหลาย โดยหนังสือที่ขายอยู่เป็นหนังสือที่มาจากหลายสำนักพิมพ์โดยไม่มีการแบ่งค่ายหรือแบ่งฝ่ายใด ๆ เลย เราจึงอยากให้นักอ่านหรือคนที่ต้องการค้นคว้าความรู้ต่าง ๆ ให้เขาได้เข้ามาที่นี่ เพื่อให้เขาได้รับความครบถ้วนที่หลากหลาย
สำหรับสาขาสยามสแควร์ที่ได้ทำการปรับปรุงใหม่นี้ เราต้องการทำร้านให้โปร่งมากขึ้น คือในการตกแต่งของเดิมนั้นเป็นสไตล์ Loft ซึ่งบริเวณเพดานจะเต็มไปด้วยท่อแอร์และท่อเหล็กต่าง ๆ ที่ดูแล้วเกะกะสายตา และที่ตั้งของสาขาสยามสแควร์นี้ก็อยู่ในทำเลที่ดีที่เป็นพื้นที่สีเขียว (green area) ของทางจุฬาฯ ที่โดยรอบด้านนอกมีสวนสีเขียวและมีต้นไม้ใหญ่ที่มองดูสบายตา ดังนั้นการตกแต่งแบบเดิมในแบบ Loft นั้นทำให้บดบังสายตาไม่สามารถมองออกไปเห็นพื้นที่ข้างนอกได้ เราจึงปรับการตกแต่งใหม่ด้วยการปรับเปลี่ยนระบบแอร์ที่มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเปลี่ยนเป็นแอร์ระบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) ทำให้พื้นที่วางคอยล์ร้อน (CONDENSOR UNIT) ถูกย้ายออกไปวางไว้นอกตัวอาคาร โดยไม่ต้องเสียพื้นที่ไปกับการมีห้อง AHU ( Air Handling Unit) ที่ควบคุมระบบแอร์แบบเดิม ซึ่งการใช้ระบบแอร์ใหม่แบบ VRF นี้ทำให้เราได้พื้นที่ใช้ประโยชน์กลับคืนมามากขึ้นและพื้นที่บริเวณใต้เพดานก็โปร่งโล่งมากขึ้นด้วย
ดังนั้นพอเราปรับระบบแอร์ให้ทันสมัยมากขึ้น เราก็ได้พื้นที่ด้านหน้า(โซนขายเครื่องเขียน)และพื้นที่ด้านหลัง(ที่ขายกาแฟ)เพิ่มขึ้นมา สำหรับส่วนชั้นลอยด้านหลังที่เราเพิ่มการขายกาแฟนั้น เราไม่ได้ใช้คำว่ามุมคาเฟ่หรือคอฟฟี่ช็อป แต่เรามองว่าพื้นที่บริเวณนั้นเราจะใช้เป็น CRM (Customer Relationship Management) คือเป็นพื้นที่สำหรับใช้แลกเปลี่ยนความรู้ , ใช้เป็นจุดทำกิจกรรมต่าง ๆ , สอนทำ DIY. หรือเอาไว้ให้นักเขียนมาพบกับนักอ่าน ฯลฯ ตอนนี้เราใช้ชื่อว่า CHULA BOOK CLUB ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราได้มาเพิ่มเติมหลังจากการปรับปรุงในรูปแบบใหม่ครั้งนี้
สำหรับเพดานที่ทำเราตั้งใจให้โปร่งโล่งนี้ นอกจากเราต้องการดึงคำว่าพื้นที่สีเขียวเข้ามาแล้ว เรายังต้องการให้ลูกค้าที่อยู่ในร้านเรามองออกไปเห็นสวนเขียวสบายตาที่อยู่ภายนอกด้วย ซึ่งได้ทั้งความสว่างและความโล่งโปร่งด้วย ส่วนพื้นที่ชั้นลอยที่เห็นนั้น เราใช้เป็นพื้นที่สำหรับขายหนังสือภาษาต่างประเทศเป็นหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการในโลกสมัยใหม่ที่เด็กหรือคนรุ่นใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาที่สองด้วย”
พาชมโฉมใหม่ของศูนย์หนังสือจุฬาฯ สาขาสยามสแควร์
และถ้าพูดถึงการเตรียมสอบในสนามต่าง ๆ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังสือตำราวิชาการและคู่มือเตรียมสอบในวิชาต่าง ๆ นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะความรู้ถือได้ว่าเป็นอาวุธหลักประจำกายของนักเรียนและนิสิตนักศึกษาที่จะต้องมีไว้ให้พร้อมเสมอ ซึ่งในสมัยก่อนนั้นถ้าใครอยากได้หนังสือคู่มือเตรียมสอบสักเล่ม ก็อดไม่ได้แน่ที่จะต้องไปเดินเลือกหาซื้อที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ สาขาสยามสแควร์ ที่อยู่ชั้นล่างของอาคารวิทยกิตติ์ ที่เป็นอาคารจอดรถ 20 ชั้นของสยามสแควร์
“นึกถึงหนังสือ นึกถึงศูนย์หนังสือจุฬาฯ”
สำหรับสาขาสยามสแควร์ที่ได้ทำการปรับปรุงใหม่นี้ เราต้องการทำร้านให้โปร่งมากขึ้น คือในการตกแต่งของเดิมนั้นเป็นสไตล์ Loft ซึ่งบริเวณเพดานจะเต็มไปด้วยท่อแอร์และท่อเหล็กต่าง ๆ ที่ดูแล้วเกะกะสายตา และที่ตั้งของสาขาสยามสแควร์นี้ก็อยู่ในทำเลที่ดีที่เป็นพื้นที่สีเขียว (green area) ของทางจุฬาฯ ที่โดยรอบด้านนอกมีสวนสีเขียวและมีต้นไม้ใหญ่ที่มองดูสบายตา ดังนั้นการตกแต่งแบบเดิมในแบบ Loft นั้นทำให้บดบังสายตาไม่สามารถมองออกไปเห็นพื้นที่ข้างนอกได้ เราจึงปรับการตกแต่งใหม่ด้วยการปรับเปลี่ยนระบบแอร์ที่มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเปลี่ยนเป็นแอร์ระบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) ทำให้พื้นที่วางคอยล์ร้อน (CONDENSOR UNIT) ถูกย้ายออกไปวางไว้นอกตัวอาคาร โดยไม่ต้องเสียพื้นที่ไปกับการมีห้อง AHU ( Air Handling Unit) ที่ควบคุมระบบแอร์แบบเดิม ซึ่งการใช้ระบบแอร์ใหม่แบบ VRF นี้ทำให้เราได้พื้นที่ใช้ประโยชน์กลับคืนมามากขึ้นและพื้นที่บริเวณใต้เพดานก็โปร่งโล่งมากขึ้นด้วย
ดังนั้นพอเราปรับระบบแอร์ให้ทันสมัยมากขึ้น เราก็ได้พื้นที่ด้านหน้า(โซนขายเครื่องเขียน)และพื้นที่ด้านหลัง(ที่ขายกาแฟ)เพิ่มขึ้นมา สำหรับส่วนชั้นลอยด้านหลังที่เราเพิ่มการขายกาแฟนั้น เราไม่ได้ใช้คำว่ามุมคาเฟ่หรือคอฟฟี่ช็อป แต่เรามองว่าพื้นที่บริเวณนั้นเราจะใช้เป็น CRM (Customer Relationship Management) คือเป็นพื้นที่สำหรับใช้แลกเปลี่ยนความรู้ , ใช้เป็นจุดทำกิจกรรมต่าง ๆ , สอนทำ DIY. หรือเอาไว้ให้นักเขียนมาพบกับนักอ่าน ฯลฯ ตอนนี้เราใช้ชื่อว่า CHULA BOOK CLUB ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราได้มาเพิ่มเติมหลังจากการปรับปรุงในรูปแบบใหม่ครั้งนี้
สำหรับเพดานที่ทำเราตั้งใจให้โปร่งโล่งนี้ นอกจากเราต้องการดึงคำว่าพื้นที่สีเขียวเข้ามาแล้ว เรายังต้องการให้ลูกค้าที่อยู่ในร้านเรามองออกไปเห็นสวนเขียวสบายตาที่อยู่ภายนอกด้วย ซึ่งได้ทั้งความสว่างและความโล่งโปร่งด้วย ส่วนพื้นที่ชั้นลอยที่เห็นนั้น เราใช้เป็นพื้นที่สำหรับขายหนังสือภาษาต่างประเทศเป็นหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการในโลกสมัยใหม่ที่เด็กหรือคนรุ่นใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาที่สองด้วย”