หลักจากที่เราได้มีโอกาสเยือนสวีเดน ประเทศแรกในแถบสแกนดิเนเวียแล้ว มาครั้งนี้เราก็เดินทางต่อจากเมืองมัลโม่เพื่อไปประเทศต่อมานั่นก็คือเมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen) เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์กนั่นเอง ซึ่งเป็นอีกประเทศนึงในสแกนดิเนเวีย เมืองนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญทั้งทางด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจต่างๆของประเทศอีกด้วย เดนมาร์กนั้นได้ถือว่าเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก” จากผลสำรวจของสหประชาชาติ (World Happiness Report) ถึง 3 ปีซ้อน ในปี 2556, 2557 และ 2559
การเดินทางสามารถนั่งรถไฟข้ามเมืองได้โดยจากมัลโม่ ก็มายังสถานี Copenhagen Central Station ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่อยู่ใจกลางเมืองได้เลย โดยจะนั่งผ่านสถานีสนามบินโคเปนก่อนเข้ามาในเมือง ซึ่งขากลับนั่งรถไฟไปยังสนามบินได้อย่างสะดวก (สำหรับใครที่นั่งแบบเราที่จากสต๊อกโฮมหรือมัลโม่มายังสถานีรถไฟกลางโคเปนเฮเกน รถไฟมาจอดแล้วจะต้องเดินขึ้นสะพานแล้วเดินวนขึ้นมาเพื่อมายังสถานีอีกครั้ง ซึ่งใครมีกระเป๋าเดินทางใหญ่ก็แนะนำให้รอลิฟต์จะดีกว่า) แต่สำหรับใครที่เดินทางมาจากเมืองไทย ก็สามารถนั่งรถไฟต่อออกมาจากสนามบินได้เลยประมาณ 20 นาที
การเดินทางในเมืองโคเปนเฮเกน แนะนำเลยว่าให้ใช้บัตร Copenhagen City pass ซึ่งมีทั้ง City Pass Large และ City Pass Small ซึ่งมีทั้ง 24,48,72 และ 120 ชม. ราคาก็ต่างกัน ขึ้นอยู่ว่าจะเดินทางไปโซนไหนบ้าง
ราคาแบบ Large
แบบ Small
แผนที่สถานีรถไฟใต้ดินในเมืองโคเปนเฮเกน
สำหรับค่าเงิน 1 DKK ประมาณ 4.650 บาท แต่ร้านค้าที่นี่ส่วนใหญ่จะรับบัตรกันไม่ค่อยใช้เงินสด สามารถใช้บัตรเครดิตหรือบัตร You trip จ่ายได้เลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องพกเงินสดมาเยอะ
สำหรับที่พักแนะนำว่าพักโรงแรมแถวๆ København H หรือเรียกว่า Copenhagen Central Station มีหลายโรงแรม หลายราคาอยู่ สะดวกต่อการเดินทาง อีกทั้งสถานีรถไฟนั้นก็อยู่ใกล้กับสวนสนุก Tivoli มีเป็นจุดขึ้นลงรถบัสหลายสาย ซึ่งไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น และยังมี super market อีกด้วย สำหรับเราพักที่โรงแรม Wakeup Copenhagen Hotel ราคาก็ตกประมาณคืนละ 2,500-3,000 บาทสำหรับหน้าหนาว
อากาศที่เรามาช่วงปีใหม่นั้นเป็นฤดูหนาว ซึ่งอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ -8 ถึง 4 องศา แต่หิมะยังไม่ตก สงสัยโลกจะเริ่มร้อนขึ้นทุกวันๆ แต่ว่า 4 โมงกว่าๆก็มืดละ
โดยปกติแล้วช่วงเดือนพย ถึง มีค จะเป็นฤดูหนาว อากาศจะเย็นมาก กลางวันจะสั้น กลางคืนจะนาน
เดือน เมย ถึง มิย เป็นช่วงใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอุ่นขึ้น
เดือน กค - สค เป็นฤดูร้อน กลางวันจะยาว บางวันพระอาทิตย์ขึ้นเกือบเที่ยงคืน อากาศก็จะร้อน และเป็นช่วงไฮซีซั่นที่อะไรต่างๆยิ่งแพงขึ้นอีก
เดือน กย - ตค เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศกำลังดี ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม เป็นช่วงน่าเที่ยวสุด
ค่าครองชีพทีนี่ต้องบอกเลยว่าแพงมากอยู่ น้ำเปล่าขวดละ 100 บาท แต่เราสามารถดื่มน้ำก๊อกที่นี่ได้
สำหรับสถานที่เที่ยวในเมืองโคเปนเฮเกน
1. Little Mermaid
Little Mermaid หรือรูปปั้นเงือกน้อย ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโคเปนเฮเกน สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1909 โดย คาร์ล จาค็อบเซน ลูกชายของผู้ก่อตั้งบริษัทเบียร์คาร์ลสเบิร์ก ได้มีความประทับใจจากการดูบัลเล่ต์ เรื่อง The Little Mermaid รูปปั้นเงือกน้อยนั่งอยู่บนก้อนหินนี้ ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะริมอ่าวโคเปนเฮเกน มีขนาดความสูงประมาณ 1.25 เมตร น้ำหนักประมาณ 175 กิโลกรัม โดยรูปปั้นนี้ยังเคยถูกย้ายไปจัดแสดงชั่วคราวที่ซุ้มจัดแสดงของประเทศเดนมาร์ก ในงานเอ็กซ์โป 2010 ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเดนมาร์กอีกด้วย
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Osterport Station แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที ผ่านสวนสาธารณะไปยังตัวรูปปั้นที่อยู่ริมน้ำ
ระหว่างทางไปยังรูปปั้นนางเงือก
มาถึงแล้วก็ขอแชะภาพคู่เป็นที่ระลึกหน่อย
2. ท่าเรือนูฮาวน์ (Nyhavn)
Nyhavn หรือ New Harbour แปลว่าท่าเรือใหม่ เป็นเขตท่าเรือเก่าแก่ของเมืองโคเปนเฮเกน ซึ่งในปัจจุบันเป็นย่านที่คึกคักโดดเด่นด้วยตึกรามหลากสีสันและมีทัศนียภาพริมอ่าวที่สวยงาม มีร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย ร้านต่างๆตกแต่งน่ารักสวยงาม แต่ราคาอาหารไม่น่ารักตามเลย
ท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นจุดที่สามารถมาล่องเรือไปยังอ่าวโคเปนเฮเกนเพื่อชมเมืองอีกด้วย
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Kongens Nytorv จากนั้นเดินทางต่ออีกประมาณ 10 นาที
ร้านอาหารและคาเฟ่สีสันน่ารักไปหมด
แชะภาพ check-in หน่อย
หน้าตาอาหารของร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านนูฮาวน์
3. Canal Tour ล่องเรือชมเมืองโคเปนเฮเกน
Canal Tour ล่องเรือชมเมืองโคเปนเฮเกน ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มาถึงโคเปนเฮเกนแล้วควรจะต้องลองสัมผัสดู โดยจุดขึ้นเรือนั้นจะอยู่บริเวณท่าเรือนูฮาวน์ (Nyhavn) ใช้เวลาล่องประมาณ 1 ชม. ผ่านสถานที่สำคัญต่างๆของเมืองโคเปนเฮเกน
การเดินทาง : ขึ้นเรือที่ท่าเรือนูฮาวน์ ในราคาคนละ 90 DKK
ตารางรอบเรือช่วง 21 OCT - 13 MAR 2020
จุดซื้อตั๋ว
เรือนั่งกันได้เยอะอยู่
ล่องเรือเห็นนางเงือกด้วยนะ
ยามเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน จริงๆเพิ่งจะบ่าย3 กว่าๆ
4. Strøget ถนนชอปปิ้งที่ยาวโคตรๆแห่งโคเปนเฮเกน
ถนน Strøget ถือว่าเป็นย่านช้อปปิ้งใจกลางเมืองโคเปนเฮเก้นที่ยาวมากๆ มีร้านค้ามากมายตลอดทางทั้งแบรนด์เนมดังต่างๆมากมายอาทิเช่น LV Gucci Uniquo H&M ฯลฯ ถือเป็นจุดศูนย์รวมเหล่าวัยรุ่นต่างๆมาเดินเล่น ทำกิจกรรม และยังมีดนตรีเปิดหมวกกลางถนนอีกด้วย
การเดินทาง : นั่ง Metro ลงสถานี Gammel Strand
5. พระราชวังคริสเตียนบอร์ก (Christiansborg Palace)
พระราชวังคริสเตียนบอร์ก(Christiansborg Palace) ตั้งอยู่ที่เกาะสลอตส์ฮอลมัน (Slotsholmen) เป็นหนึ่งในพระราชวังที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศเดนมาร์ก เป็นพระราชวังที่มีอายุถึง 800 ปี ภายในพระราชวังหลังนี้ประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง อาทิรัฐสภาแห่งประเทศเดนมาร์ก (The Danish Parliament) ศาลฎีกาและห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ หลายๆ ส่วนของพระราชวังยังใช้ในการจัดงานราชพิธีของราชวงศ์เดนมาร์ก
การเดินทาง : นั่ง Metro ลงสถานี Gammel Strand แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
มีเดินขบวนพอดี ที่นี่เป็นระเบียบดีมาก
6. Superkilen Park (สถานี Norrebro)
สวนสาธารณะ Superkilen Park เป็นสวนสาธารณะที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยพื้นถนนสีดำตัดกับเส้นถนนสีขาว โดยปลายอีกด้านของโซน Black Market จะมีเนินเล็กๆ ให้เดินขึ้นไปถ่ายรูปได้
การเดินทาง : ลง Metro Norrebro แล้วเดินอีกประมาณ 15-20 นาที หรือสามารถนั่งรถบัสต่อไปได้
7. Tivoli Gardens
สวนสนุกขนาดใหญ่ใจกลางเมืองโคเปนเฮเกนที่มีเครื่องเล่นมากมาย ช่วงเค้าดาวน์ที่นี่จะครึกครื้นมาก แต่เสียดายเราไม่มีเวลาพอเข้าไป
การเดินทาง : อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ Copenhagen Central Station
[CR] Copenhagen The city of happiness
การเดินทางสามารถนั่งรถไฟข้ามเมืองได้โดยจากมัลโม่ ก็มายังสถานี Copenhagen Central Station ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่อยู่ใจกลางเมืองได้เลย โดยจะนั่งผ่านสถานีสนามบินโคเปนก่อนเข้ามาในเมือง ซึ่งขากลับนั่งรถไฟไปยังสนามบินได้อย่างสะดวก (สำหรับใครที่นั่งแบบเราที่จากสต๊อกโฮมหรือมัลโม่มายังสถานีรถไฟกลางโคเปนเฮเกน รถไฟมาจอดแล้วจะต้องเดินขึ้นสะพานแล้วเดินวนขึ้นมาเพื่อมายังสถานีอีกครั้ง ซึ่งใครมีกระเป๋าเดินทางใหญ่ก็แนะนำให้รอลิฟต์จะดีกว่า) แต่สำหรับใครที่เดินทางมาจากเมืองไทย ก็สามารถนั่งรถไฟต่อออกมาจากสนามบินได้เลยประมาณ 20 นาที
การเดินทางในเมืองโคเปนเฮเกน แนะนำเลยว่าให้ใช้บัตร Copenhagen City pass ซึ่งมีทั้ง City Pass Large และ City Pass Small ซึ่งมีทั้ง 24,48,72 และ 120 ชม. ราคาก็ต่างกัน ขึ้นอยู่ว่าจะเดินทางไปโซนไหนบ้าง
สำหรับที่พักแนะนำว่าพักโรงแรมแถวๆ København H หรือเรียกว่า Copenhagen Central Station มีหลายโรงแรม หลายราคาอยู่ สะดวกต่อการเดินทาง อีกทั้งสถานีรถไฟนั้นก็อยู่ใกล้กับสวนสนุก Tivoli มีเป็นจุดขึ้นลงรถบัสหลายสาย ซึ่งไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น และยังมี super market อีกด้วย สำหรับเราพักที่โรงแรม Wakeup Copenhagen Hotel ราคาก็ตกประมาณคืนละ 2,500-3,000 บาทสำหรับหน้าหนาว
อากาศที่เรามาช่วงปีใหม่นั้นเป็นฤดูหนาว ซึ่งอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ -8 ถึง 4 องศา แต่หิมะยังไม่ตก สงสัยโลกจะเริ่มร้อนขึ้นทุกวันๆ แต่ว่า 4 โมงกว่าๆก็มืดละ
โดยปกติแล้วช่วงเดือนพย ถึง มีค จะเป็นฤดูหนาว อากาศจะเย็นมาก กลางวันจะสั้น กลางคืนจะนาน
เดือน เมย ถึง มิย เป็นช่วงใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอุ่นขึ้น
เดือน กค - สค เป็นฤดูร้อน กลางวันจะยาว บางวันพระอาทิตย์ขึ้นเกือบเที่ยงคืน อากาศก็จะร้อน และเป็นช่วงไฮซีซั่นที่อะไรต่างๆยิ่งแพงขึ้นอีก
เดือน กย - ตค เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศกำลังดี ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม เป็นช่วงน่าเที่ยวสุด
ค่าครองชีพทีนี่ต้องบอกเลยว่าแพงมากอยู่ น้ำเปล่าขวดละ 100 บาท แต่เราสามารถดื่มน้ำก๊อกที่นี่ได้
สำหรับสถานที่เที่ยวในเมืองโคเปนเฮเกน
1. Little Mermaid
Little Mermaid หรือรูปปั้นเงือกน้อย ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโคเปนเฮเกน สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1909 โดย คาร์ล จาค็อบเซน ลูกชายของผู้ก่อตั้งบริษัทเบียร์คาร์ลสเบิร์ก ได้มีความประทับใจจากการดูบัลเล่ต์ เรื่อง The Little Mermaid รูปปั้นเงือกน้อยนั่งอยู่บนก้อนหินนี้ ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะริมอ่าวโคเปนเฮเกน มีขนาดความสูงประมาณ 1.25 เมตร น้ำหนักประมาณ 175 กิโลกรัม โดยรูปปั้นนี้ยังเคยถูกย้ายไปจัดแสดงชั่วคราวที่ซุ้มจัดแสดงของประเทศเดนมาร์ก ในงานเอ็กซ์โป 2010 ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเดนมาร์กอีกด้วย
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Osterport Station แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที ผ่านสวนสาธารณะไปยังตัวรูปปั้นที่อยู่ริมน้ำ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น