(บทความ) ทีมเดียวของพรีเมียร์ลีก ที่เสีย 100 ลูกใน 1 ฤดูกาล

ช่วงเวลา ณ ตอนนี้ ที่พรีเมียร์ลีกยังไม่กลับมา มันคือโอกาสให้แฟนบอลหลายๆ คนได้นึกย้อนความทรงจำที่ผ่านมาในอดีต

ในขณะที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด กำลังภาวนาให้ไวรัสวายร้ายอย่างโควิด-19 ไม่แพร่เชื้อลุกลามเกินไปกว่านี้ เพื่อที่โอกาสเลื่อนชั้นกลับลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 16 ปีไม่สลายไปในอากาศ...

แต่มันก็มีอีกหลายๆ ทีม ที่นับตั้งแต่ร่วงตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกมาจนถึงปัจจุบันนี้ ยังไร้วี่แววว่าจะได้กลับไปอยู่ลีกสูงสุดของประเทศอีกครั้งได้ตอนไหน
พอร์ทสมัธ ที่เคยคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2008 ณ วันนี้ เป็นเพียงทีมระดับ ลีก วัน

วีแกน แอธเลติก ที่เป็นแชมป์บอลถ้วยรายการเก่าแก่ที่สุดในโลก ในปีที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉลองแชมป์ลีกครั้งสุดท้าย ก็กลายเป็นทีมที่ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง ลีก วัน กับ แชมเปี้ยนชิพ มาตลอด 5 ปีหลัง

แต่จะมีสักกี่คน ที่พอนึกออกว่า ทีมระดับลีก ทู อย่าง สวินดอน ทาวน์ ก็เคยมีช่วงเวลาที่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีกกับเขาด้วยเหมือนกัน
___________________________



สวินดอน ทาวน์ คือหนึ่งใน 3 สโมสรที่เคยลงเล่นพรีเมียร์ลีกแค่เพียงฤดูกาลเดียว ร่วมกับ บาร์นสลี่ย์ (1997-98) และ แบล็คพูล (2010-11)

สวินดอน ปรากฏตัวบนศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1993-94 และมันคือครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ 141 ปีของสโมสรด้วย ที่เคยมีโอกาสได้ลงเล่นในลีกสูงสุดอังกฤษ

อันที่จริง สวินดอน ควรได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 เดิมได้ตั้งแต่ปี 1990 เมื่อสามารถเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ ได้ในนัดชิงชนะเลิศศึกเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แต่ในปีนั้น ไบรอัน ฮิลเลียร์ อดีตประธานสโมสรถูกจับกุมว่ามีพฤติกรรมฉ้อโกง โดยแอบจ่ายเงินให้นักเตะแบบมีลับลมคมในหลายครั้ง

ความผิดที่ฉาวโฉ่ที่สุดของ ฮิลเลียร์ คือการว่าจ้าง ลู มาคาริ อดีตแข้งดาวดังที่ควบตำแหน่งกุนซือ ให้พาทีมล้มบอลจนโดน นิวคาสเซิ่ล ถล่มยับเยิน 5-0 ในเกม เอฟเอ คัพ ปี 1988 โดยมี วินซ์ ฟาร์ราร์ อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีของสโมสร ทำหน้าที่เป็นตัวกลางของการทำธุรกรรม

วีรกรรมทุจริตดังกล่าว กลายเป็นข่าวที่โด่งดังไปทั่ววงการฟุตบอลเมื่อช่วง 30 กว่าปีก่อน ซึ่งสุดท้าย ฮิลเลียร์, มาคาริ, ฟาร์ราร์ รวมถึงกองหลังกัปตันทีมชุดนั้นอย่าง โคลิน คัลเดอร์วู้ด ต่างถูกดำเนินคดีทั้งหมด

ความผิดเรื่องการเงินอันน่ารังเกียจ ทำให้ สวินดอน ถูกลงโทษปรับตกชั้นลงไปเล่นดิวิชั่น 3 ในปี 1990 และทำให้ทีมที่แพ้เพลย์ออฟอย่าง ซันเดอร์แลนด์ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ ดิวิชั่น 1 แทนไปแบบส้มหล่น

ยังดีที่สุดท้าย สวินดอน ขออุทธรณ์บรรเทาโทษเป็นผลสำเร็จ จึงยังได้สิทธิ์ลงเตะในดิวิชั่น 2 ต่อ ก่อนที่สโมสรจะแต่งตั้ง เกล็น ฮ็อดเดิ้ล อดีตกองกลางดาวดังทีมชาติอังกฤษ เข้ามารับบทบาทผู้เล่น-ผู้จัดการทีม และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่ช่วงเวลาที่น่าจดจำมากที่สุดของพวกเขา



ภายใต้การนำทีมของ ฮ็อดเดิ้ล สวินดอนสามารถหนีตกชั้นได้สำเร็จในปี 1991 ก่อนค่อยๆ ยกระดับทีมขึ้นมา จนสมหวังเลื่อนชั้นได้จริงๆ ในปี 1993 เมื่อสามารถเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ อย่างสุดมัน 4-3 ในเกมเพลย์ออฟเลื่อนชั้นนัดชิง หลังจากจบดิวิชั่น 1 ฤดูกาลปกติด้วยอันดับ 5 โดยที่ ฮ็อดเดิ้ล เป็นคนซัดประตูเบิกร่องของเกมได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังจากพาทีมขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ฮ็อดเดิ้ล ย้ายไปรับตำแหน่งผู้เล่น-ผู้จัดการทีมของ เชลซี ขณะที่ปราการหลังกัปตันทีมที่รับใช้สโมสรมาอย่างยาวนานอย่าง โคลิน คัลเดอร์วู้ด ก็อำลาไปเล่นให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อีกคน

มือขวาของ ฮ็อดเดิ้ล อย่าง จอห์น กอร์แมน ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นกุนซือแทน ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมชุดใหญ่ที่ไหนมาก่อนเลย และนั่นทำให้พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1993-94 ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีอย่างที่สโมสรคาดหวัง
___________________________

ภายใต้การคุมทีมของกุนซือไร้ประสบการณ์อย่าง กอร์แมน แถมต้องเสียกำลังสำคัญออกไปถึง 2 ราย ทำให้ สวินดอน ทำผลงานในการลงเล่นลีกสูงสุดฤดูกาลแรกอย่างย่ำแย่สุดๆ

แม้จะทุ่มเงิน 500,000 ปอนด์ เป็นสถิติของสโมสรในตอนนั้น กระชากตัว ยาน อาเก้ ฟยอร์ทอฟท์ อดีตหัวหอกตำนานทีมชาตินอร์เวย์เข้ามาเสริมแนวรุก ก็ยังไม่ช่วยให้ผลงานของทีมกระเตื้องขึ้น



ในฤดูกาล 1993-94 ฟยอร์ทอฟท์ สามารถยิงในพรีเมียร์ลีกไปถึง 12 ประตู แต่ สวินดอน กลับโชว์ฟอร์มน่าหดหู่ ด้วยการทำสถิติย่ำแย่ให้เกิดขึ้นเป็นประวัติการณ์นับไม่ถ้วน

สวินดอน ชนะใครไม่เป็นตลอด 15 นัดแรกของการประเดิมเวทีลีกสูงสุด กว่าจะสะกดคำว่าชนะเป็นกับเขา ก็ต้องรอถึงเกมนัดที่ 16 ที่เปิดบ้านเฉือนชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 1-0

สถิติที่เป็นไฮไลท์ ก็คือพวกเขายังคงเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกมาจนถึงทุกวันนี้ ที่โดนเจาะตาข่ายไปถึง 100 ประตูในฤดูกาลเดียว

ซีซั่น 1993-94 สวินดอน มีปัญญาเก็บคลีนชีตได้แค่ 4 ครั้งจากการลงเล่น 42 เกม และมีถึง 9 นัดที่เสียประตูให้คู่แข่งไม่น้อยกว่า 4 ลูก

ผลงานหลังจบเกมนัดสุดท้าย พวกเขาเก็บได้แค่ 30 แต้ม คว้าชัยชนะเพียง 5 นัด จึงตกชั้นด้วยอันดับบ๊วยไปแบบไม่ต้องสืบ
___________________________

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าการลงเล่นพรีเมียร์ลีกครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของพลพรรค “เดอะ โรบิ้นส์” จะมีแต่เหตุการณ์ที่น่าอับอาย

ในซีซั่นนั้น สวินดอน มีเกมที่สร้างความฮือฮา ด้วยการเสมอกับแชมเปี้ยนอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ 2-2 ทั้งที่โดนทีมปีศาจแดงขึ้นนำถึงสองครั้งสองครา

ในระหว่างซีซั่น พวกเขายังสามารถบุกไปเสมอทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์, เคยทำให้ทีมลุ้นแชมป์ในตอนนั้นอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ต้องสะดุด และเคยบุกไปไล่เจ๊า อาร์เซน่อล ได้ถึงไฮบิวรี่อีกต่างหาก

และถึงแม้จะเป็นทีมที่เสียประตูง่ายๆ จนกลายเป็นสวรรค์สำหรับกองหน้าฝั่งตรงข้าม แต่อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นทีมที่ชื่นชอบการเล่นเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจ
ว่ากันว่าแฟนบอลในยุคนั้นหลายคน ต่างสนุกในการดูพวกเขาลงแข่ง เพราะแทบการันตีได้เลยว่าจะได้เห็นเกมที่มีประตูเป็นกอบเป็นกำแน่นอน
___________________________

ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน ต้องบอกว่า สวินดอน ทาวน์ ไม่หลงเหลือสภาพของทีมที่เคยเล่นพรีเมียร์ลีกมาก่อนแม้แต่น้อย

ในปี 2006 ที่ร่วงตกชั้นจาก ลีก วัน ในฐานะรองบ๊วย พวกเขาได้กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่ตกต่ำถึงขั้นลงไปเล่นในลีกลำดับที่ 4 ของประเทศ

ส่วนในเวลานี้ พวกเขาคือทีมระดับ ลีก ทู ซึ่งเป็นลีกที่ต่ำที่สุดแล้วของ อีเอฟแอล หรือฟุตบอลลีกอาชีพอังกฤษ



อย่างไรก็ตาม ผลงานในฤดูกาล 2019-20 ถือว่าพวกเขาใกล้เคียงมากๆ ที่จะได้เลื่อนชั้นกลับไปเล่น ลีก วัน อีกครั้ง

ก่อนที่เกมลูกหนังทุกระดับในอังกฤษต้องถูกสั่งเบรกยาวๆ จากวิกฤติไวรัสโคโรน่า สวินดอน กวาดไปถึง 69 แต้มจาก 36 นัด รั้งอันดับรองจ่าฝูง โดยตามหลัง ครูว์ อเล็กซานดร้า ที่ลงแข่งมากกว่า 1 นัด ด้วยผลต่างประตูได้-เสีย ที่เป็นรองแค่ลูกเดียว

ถ้าสุดท้าย อีเอฟแอล ประกาศ "ตัดจบ" ลีก ทู ฤดูกาลนี้ขึ้นมาจริงๆ พลพรรค "เดอะ โรบิ้นส์" จะได้เลื่อนชั้นเลยทันที
___________________________

ในขณะที่ ลิเวอร์พูล หวังให้วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผ่านพ้นไปด้วยดี เพื่อที่จะได้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมานานแสนนาน ทางด้าน สวินดอน ทาวน์ ก็ต้องการให้เกมลูกหนังกลับมาลงเตะอีกครั้งโดยเร็วเช่นกัน

แม้ในวันนี้ สวินดอน จะตกต่ำ และกลายเป็นทีมที่โลกลืม แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่ง พวกเขาก็เคยสร้างสีสันให้กับพรีเมียร์ลีก แม้จะครองสถิติที่ไม่มีใครอยากเป็นเจ้าของก็ตาม

ซึ่งเมื่อไรที่ฟุตบอลกลับมาลงเตะได้อีกครั้ง สวินดอน ทาวน์ คืออีกหนึ่งทีมของอังกฤษ ที่หวังว่าจะกลับไปอยู่ในจุดสูงสุดที่ตัวเองเคยอยู่ได้อีกครั้งอย่างแน่นอน
___________________________
ติดตามบทความฟุตบอลดีๆ โดยไม่แบ่งแยกทีมเชียร์ได้ที่เพจ "เสียบสามเหลี่ยม" facebook.com/seabsamliam
หรือใน Blockdit ที่ https://www.blockdit.com/seabsamsliam
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่