วันนี้เราจะมาอธิบายถึงความแตกต่างของนักลงทุนและนักเก็งกำไรว่าแนวทางทั้งสองแบบนี้เหมือนและต่างกันอย่างไรครับ
.
.
จุดร่วม
แน่นอนครับว่าไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไร จุดประสงค์ก็คือเพื่อ ได้กำไรเหมือนกันนั่นเอง
.
.
ความแตกต่างของนักลงทุนและนักเก็งกำไร?
นักลงทุน
-สำหรับนักลงทุนในหุ้นนั้น จะยึดถือแนวความคิดว่าการซื้อหุ้น=การลงทุนในกิจการนั้นๆ
ดังนั้นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญและขาดไม่ได้เลยก็คงจะเป็น
พื้นฐานธุรกิจ ซึ่งใช้ในการวิเคราะห์กิจการ
งบการเงิน ซึ่งใช้ในการตรวจสุขภาพกิจการว่าแข็งแรงหรือป่วย
มูลค่าที่แท้จริงหรือการประเมินมูลค่า ซึ่งใช้ในการประเมินราคาที่ควรจะซื้อ ต้องมีMargin of safety เป็นต้น
ตัวอย่างพฤติกรรมของนักลงทุนเช่น
- ซื้อเมื่อมูลค่าสูงกว่าราคา และขายเมื่อราคาวิ่งมาถึงมูลค่าหรือสูงกว่ามูลค่า หรืออาจไม่ขายเลย แบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์
- อ่านแบบ56-1 รายงานประจำปี งบการเงินและอื่นๆ เพื่อติดตาม และ วิเคราะห์ ผลประกอบการ อนาคตของกิจการ
*เงินปันผล ข้อนี้ มีความเห็นแตกต่างกันไปในแต่ละนักลงทุน โดยนักลงทุนชื่อดังที่ไม่ชอบการปันผลก็คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์นั่นเองครับ โดยความคิดของบัฟเฟตต์คือกิจการควรนำเงินนั้นไปลงทุน ขยายกิจการต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่จะให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่าครับ
.
.
นักเก็งกำไร
เทรดเดอร์ เดย์เทรด นักลงทุนสายเทคนิคอล และอื่นๆ สามารถจัดรวมอยู่ในหมวดนักเก็งกำไรครับ หากนักลงทุนให้ความสำคัญกับตัวกิจการ นักเก็งกำไรเปรียบเสมือนด้านตรงข้ามกันคนละขั้วก็ว่าได้
นักเก็งกำไรจะให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆTechnical indicators
เช่น กราฟ ราคา แนวโน้ม เทรนด์ เป็นต้น ซึ่งจะตัดสินใจทำการซื้อ-ขายโดยใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้ครับ
ตัวอย่างพฤติกรรมของนักเก็งกำไรเช่น
-เข้าซื้อเมื่อตัวชี้วัดทางเทคนิคส่งสัญญาณบ่งบอกให้เข้าซื้อ ขายเมื่อตัวชี้วัดทางเทคนิคบอกให้ขาย
-ซื้อ-ขายหุ้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงพื้นฐานของกิจการใดๆ
.
.
ทำไมถึงต้องรู้ว่าเราเป็นแนวทางไหน?
สำหรับทั้งสองแนวทางนี้แม้จะมีจุดประสงค์เดียวกัน แต่การปฏิบัติ และความรู้ในด้านต่างๆนั้นต่างกัน สำหรับผู้อ่านที่เป็นเกมเมอร์น่าจะคุ้นเคยกับเกมแนวRPG ขอยกตัวอย่างกับเกมRagnarokครับ นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรนั้น ก็เหมือนกับจ็อบเดียวกัน แต่คนละสายอย่างเช่นอาชีพนักดาบก็มีสายVitหรือสายAgi ที่ต้องการสกิล และสเตตัสที่ต่างกันครับ
หากเราไม่มีแนวทางที่ชัดเจนนั้น การผสมความรู้ของทั้งสองสายย่อมไม่เป็นผลดีกับผลงานการลงทุนของเราครับ แม้ว่านักลงทุนหรือนักเก็งกำไรบางท่านจะเรียกสายนี้ว่าสายไฮบริด ฟังดูเท่มากก็ตาม ส่วนตัวเราจึงไม่เห็นด้วยกับแนวทางผสมแบบนี้เท่าไหร่นัก(ลองนึกดูสายVit+Agiก็ได้ครับ) ความเห็นส่วนตัวเราอยากแนะนำให้แยกชัดเจนเลยว่าจริต ความชอบ ความถนัดของตัวเราเหมาะกับแนวทางไหน แล้วมุ่งไปทางนั้นครับ ซึ่งเราเชื่อว่าทั้งสองสายนั้นหากมีวินัยในการปฏิบัติตาม ย่อมสามารถได้รับผลตอบแทนที่ต้องการได้ทั้งคู่ครับ ไม่มีผิดไม่มีถูก (ขอให้ได้กำไร ไม่ขาดทุนก็เป็นพอ จริงมั้ยครับ )
สำหรับเรา เราเป็นนักลงทุนที่ใช้แนวทางการลงทุนแบบหุ้นคุณค่าValue investor100% และหลักการนำมาประยุกต์ใช้กับอสังหาฯ ด้วยเช่นกัน ชอบการลงทุนที่ให้กระแสเงินสดcashflow หรือ ห่านไข่ทองคำนั่นเองครับ
สุดท้ายนี้หวังว่าทุกท่านจะได้แนวทางที่เหมาะสมกับตัวเอง และก่อนทุกท่านจะก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้น ลองถามตัวเองให้มั่นใจว่าต้องการเดินในสายทางไหน แล้วมุ่งหน้าไปกันเลยครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากเพจความรู้ด้านการลงทุน การเงิน หนังสือดีๆครับ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/
ความแตกต่างระหว่างนักลงทุนและนักเก็งกำไร
วันนี้เราจะมาอธิบายถึงความแตกต่างของนักลงทุนและนักเก็งกำไรว่าแนวทางทั้งสองแบบนี้เหมือนและต่างกันอย่างไรครับ
.
.
จุดร่วม
แน่นอนครับว่าไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไร จุดประสงค์ก็คือเพื่อ ได้กำไรเหมือนกันนั่นเอง
.
.
ความแตกต่างของนักลงทุนและนักเก็งกำไร?
นักลงทุน
-สำหรับนักลงทุนในหุ้นนั้น จะยึดถือแนวความคิดว่าการซื้อหุ้น=การลงทุนในกิจการนั้นๆ
ดังนั้นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญและขาดไม่ได้เลยก็คงจะเป็น
พื้นฐานธุรกิจ ซึ่งใช้ในการวิเคราะห์กิจการ
งบการเงิน ซึ่งใช้ในการตรวจสุขภาพกิจการว่าแข็งแรงหรือป่วย
มูลค่าที่แท้จริงหรือการประเมินมูลค่า ซึ่งใช้ในการประเมินราคาที่ควรจะซื้อ ต้องมีMargin of safety เป็นต้น
ตัวอย่างพฤติกรรมของนักลงทุนเช่น
- ซื้อเมื่อมูลค่าสูงกว่าราคา และขายเมื่อราคาวิ่งมาถึงมูลค่าหรือสูงกว่ามูลค่า หรืออาจไม่ขายเลย แบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์
- อ่านแบบ56-1 รายงานประจำปี งบการเงินและอื่นๆ เพื่อติดตาม และ วิเคราะห์ ผลประกอบการ อนาคตของกิจการ
*เงินปันผล ข้อนี้ มีความเห็นแตกต่างกันไปในแต่ละนักลงทุน โดยนักลงทุนชื่อดังที่ไม่ชอบการปันผลก็คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์นั่นเองครับ โดยความคิดของบัฟเฟตต์คือกิจการควรนำเงินนั้นไปลงทุน ขยายกิจการต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่จะให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่าครับ
.
.
นักเก็งกำไร
เทรดเดอร์ เดย์เทรด นักลงทุนสายเทคนิคอล และอื่นๆ สามารถจัดรวมอยู่ในหมวดนักเก็งกำไรครับ หากนักลงทุนให้ความสำคัญกับตัวกิจการ นักเก็งกำไรเปรียบเสมือนด้านตรงข้ามกันคนละขั้วก็ว่าได้
นักเก็งกำไรจะให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆTechnical indicators
เช่น กราฟ ราคา แนวโน้ม เทรนด์ เป็นต้น ซึ่งจะตัดสินใจทำการซื้อ-ขายโดยใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้ครับ
ตัวอย่างพฤติกรรมของนักเก็งกำไรเช่น
-เข้าซื้อเมื่อตัวชี้วัดทางเทคนิคส่งสัญญาณบ่งบอกให้เข้าซื้อ ขายเมื่อตัวชี้วัดทางเทคนิคบอกให้ขาย
-ซื้อ-ขายหุ้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงพื้นฐานของกิจการใดๆ
.
.
ทำไมถึงต้องรู้ว่าเราเป็นแนวทางไหน?
สำหรับทั้งสองแนวทางนี้แม้จะมีจุดประสงค์เดียวกัน แต่การปฏิบัติ และความรู้ในด้านต่างๆนั้นต่างกัน สำหรับผู้อ่านที่เป็นเกมเมอร์น่าจะคุ้นเคยกับเกมแนวRPG ขอยกตัวอย่างกับเกมRagnarokครับ นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรนั้น ก็เหมือนกับจ็อบเดียวกัน แต่คนละสายอย่างเช่นอาชีพนักดาบก็มีสายVitหรือสายAgi ที่ต้องการสกิล และสเตตัสที่ต่างกันครับ
หากเราไม่มีแนวทางที่ชัดเจนนั้น การผสมความรู้ของทั้งสองสายย่อมไม่เป็นผลดีกับผลงานการลงทุนของเราครับ แม้ว่านักลงทุนหรือนักเก็งกำไรบางท่านจะเรียกสายนี้ว่าสายไฮบริด ฟังดูเท่มากก็ตาม ส่วนตัวเราจึงไม่เห็นด้วยกับแนวทางผสมแบบนี้เท่าไหร่นัก(ลองนึกดูสายVit+Agiก็ได้ครับ) ความเห็นส่วนตัวเราอยากแนะนำให้แยกชัดเจนเลยว่าจริต ความชอบ ความถนัดของตัวเราเหมาะกับแนวทางไหน แล้วมุ่งไปทางนั้นครับ ซึ่งเราเชื่อว่าทั้งสองสายนั้นหากมีวินัยในการปฏิบัติตาม ย่อมสามารถได้รับผลตอบแทนที่ต้องการได้ทั้งคู่ครับ ไม่มีผิดไม่มีถูก (ขอให้ได้กำไร ไม่ขาดทุนก็เป็นพอ จริงมั้ยครับ )
สำหรับเรา เราเป็นนักลงทุนที่ใช้แนวทางการลงทุนแบบหุ้นคุณค่าValue investor100% และหลักการนำมาประยุกต์ใช้กับอสังหาฯ ด้วยเช่นกัน ชอบการลงทุนที่ให้กระแสเงินสดcashflow หรือ ห่านไข่ทองคำนั่นเองครับ
สุดท้ายนี้หวังว่าทุกท่านจะได้แนวทางที่เหมาะสมกับตัวเอง และก่อนทุกท่านจะก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้น ลองถามตัวเองให้มั่นใจว่าต้องการเดินในสายทางไหน แล้วมุ่งหน้าไปกันเลยครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากเพจความรู้ด้านการลงทุน การเงิน หนังสือดีๆครับ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/