วันหนึ่งฉันต้องคุยกับโรงเรียนของลูกทั้งน้ำตา

กระทู้สนทนา
เดือนมีนาคม 2563 บันทึกให้เตือนความจำในทุกๆ ปี 
วันหนึ่งฉันคุยกับโรงเรียนของลูกทั้งน้ำตาว่า ขอเปลี่ยนห้องเรียนจากภาคภาษาอังกฤษ กลับไปสู่หลักสูตรสามัญ ทางโรงเรียนเข้าใจผู้ปกครองที่แบกความเจ็บช้ำอย่างฉัน ไม่มีการซักไซ้ถึงเหตุผล แต่กลับปิดท้ายการสนทนาด้วยคำว่า สู้นะคะคุณแม่ 

ฉันวางสาย ฉันร้องไห้ ฉันผิดหวัง มันเป็นความผิดหวังในตัวเอง ถามตัวเองซ้ำๆ ในใจว่า ทำไมฉันถึงทำให้เส้นทางการเรียนของลูกต้องเปลี่ยนแปลง จากถนนที่อาจจะเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ กลายเป็นถนนที่มีเพียงต้นหญ้าเล็กๆ ประปรายอยู่ข้างทาง 

ฉันแบ่งใจครึ่งหนึ่งไว้กับความเศร้า อีกครึ่งหนึ่งฉันปล่อยมันให้ว่างเปล่า แน่นอนว่าความเศร้าทำงานอย่างเต็มที่ กลายเป็นแรงขับให้ฉันลุกขึ้นสู้ ถนนเส้นเดิมถูกตัดขาดไปแล้ว และฉันสร้างเส้นทางสายใหม่ให้ลูกด้วยมือและสมองของฉันเอง  เราจะเล่น เราจะอ่าน เราจะสนุกไปด้วยกัน 

ฉันไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่ได้หยิ่ง แต่มันไม่ใช่ธุระที่ต้องให้คนรอบข้างมามีส่วนรับผิดชอบหรือแบกความทุกข์ที่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 

นี่แค่คลื่นลูกแรก .... ลูกที่สองตามมาในเดือนพฤษภาคม  
“ฉันลาออกจากงานประจำ”  ... ฉันเสียใจและผิดหวัง แต่ครั้งนี้ฉันไม่เศร้า 
ไม่มีสิ่งใดจากเหตุการณ์นี้คู่ควรกับน้ำตาของฉันสักนิด  
นี่คือคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดฉันขึ้นไปบนฟ้า ทำให้ฉันเห็นหลายสิ่งชัดเจนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน 

ตอนนี้ฉันเป็นอิสระ อิสระที่จะใช้ความรู้และความสามารถเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ 
คลื่นชีวิตพัดผ่านไปแล้ว 2 ลูกใหญ่ๆ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ฉันมีปีศาจตัวเล็กๆ เกาะอยู่บนบ่า 
คอยบอกฉันว่า “ทุกคนมีสิทธิ์ได้กินข้าวให้อิ่ม มีสิทธิ์กินขนมให้อร่อย มีสิทธิ์แต่งตัวสวยๆ มีสิทธิ์ที่จะนอนหลับฝันดี ถ้าใครมองว่าเราไม่มีสิทธิ์นั้น ก็จงเดินออกไปจากป่าหญ้านั้นซะ” 
เชื่อว่าต้องมีแม่อีกหลายคนที่ถูกคลื่นซัดอย่างฉัน ขอให้ทุกคนมีกำลังใจนะคะ 

รัก...
คุณแม่ดาวเสาร์
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  สังคมคุณแม่
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่