ความรักเอยยยยยย....เจ้าลอยลมมาหรือไร.....?
มาดลจิต...มาดลใจ....เสน่หา........
ตั้งแต่พอเริ่มขึ้นคิดวิเคราะห์เป็น (และคิดมากด้วย)
จำได้ว่าจะมีเพื่อนชอบมาปรึกษา
ขอคำปรึกษาเรื่องต่าง ๆ ทุกเรื่อง (อาจจะเรียกว่าเป็นการระบาย เล่าให้ฟัง etc.)
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเค้าเชื่อในความนิ่งๆ ไม่ไปเล่าต่อ
หรือชอบคำแนะนำ (แต่คิดว่าข้อนี้ คงไม่ใช่)
เพื่อนสมัยมหาลัยเคยพูดว่า “ถ้าใครมาขอคำปรึกษาเรา คงจะกลับไปฆ่าตัวตาย”
โชคดีที่เพื่อนพูดคำนี้ และโชคดีที่คำนี้เตือนสติ
ทำให้มองอีกด้านว่าคนที่เป็นฝ่ายผิด (ตามหลักศีลธรรม และกฎเกณฑ์ของสังคม)
เค้าเองก็ไม่ได้เห็นภาพตัวเองในมุมก่อนที่ผลลัพธ์จะเกิดขึ้น
คำนี้จึงช่วยให้ไม่ Hardcore เท่าเมื่อก่อน
โชคดีด้วยที่เป็นคนเพื่อนน้อย จึงมีเพื่อนมาปรึกษาไม่มาก
แค่คน สองคนในแต่ละช่วงชีวิต
จุดนี้เอง อาจจะเป็นจุดที่ ได้เรียนรู้กระบวนการคิดของคนหลายๆ คน
จุดนี้เองเช่นกัน ที่ทำให้เห็นว่า คนเปลี่ยนได้ยากมาก
คนบางคนที่เราให้คำปรึกษาเค้ามาเป็นหลัก 10 ปี
เค้าก็ยังคิด กระทำเหมือนเดิม (หรือเราที่เหมือนเดิมหว่า 555+)
ถึงแม้เจตนาที่เค้า เข้ามาปรึกษาว่าอยากเปลี่ยนแปลง ไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว
แต่.....!
10 ปี ผ่านไป.... เค้าก็ยังเป็นเหมือนเดิม
อาจจะชัดเจนกว่าเดิมด้วยซ้ำ
สมัยก่อน...หลายครั้งที่เอาปัญหาเค้ามาขบคิด และเครียดเอง
เพราะคิดว่า เค้าไว้ใจ เป็นความรับผิดชอบ เราก็อยากเห็นเค้าดีขึ้น
ขลุกอยู่กับความคิด จนแทบจะเป็นปัญหาของตัวเอง
ในขณะที่คนๆ นั้น เค้าไม่ได้ทุกข์ร้อนใจกับปัญหาที่นำมาทิ้งไว้ให้เราเลย
จนวันนี้ เรียนรู้ที่จะไม่เอาตัวเองเข้าไปข้างในนั้น
มองแค่ข้างนอก และแสดงความคิดเห็นตัวเองออกไป ตามสมควร
พบว่าชีวิตเบาขึ้นมาก สบายขึ้นมาก
เอ๊ะ นี่จะเล่าเรื่องอะไรว่ะ ความรักไม่ใช่เหรอ...555+
จั่วหัวซะเลี่ยน มาซะเครียด
เรื่องตลกคือ...มีคนเข้ามาปรึกปัญหาเรื่องความรักตลอดทุกช่วงชีวิต
แล้วประเด็นคือ....โสดดดสนิททท.!
โสดมาตลอดดดดด...
แต่ก็ฮ๊อตมาก ด้านการเป็นที่ปรึกษา 555+
หรือนี่คือข้อดีที่เราได้เรียนรู้ มุมมองความรักจากคนหลายๆคน
แต่บทพิสูจน์ มันเป็นของเราเอง
กดดันมาก...
ถ้าเราทำเองไม่ได้ตามที่เราแนะนำล่ะ...?
แต่ในทุกคำปรึกษาก็จะเน้นไว้นะ
ว่านี่คือมุมมองของคนที่ไม่เข้าใจความรู้สึกรัก
รักใคร..แล้วทำอะไรแปลกๆ
รักใคร...แล้วทำอะไรผิดๆ
บอกตรง ๆ...ไม่เข้าใจ
บอกตรง ๆ สงสัยมากกกกกก
ว่าพวกเขาเหล่านั้น กอดความทุกข์ไว้ทำไม
กอดไว้ให้เจ็บช้ำทุกวี่วัน และมีวี่แววจะเจ็บช้ำขึ้นเรื่อย ๆ
หรืออาจจะสูญเสียชีวิตของตัวเองไปเลยก็ได้
สงสัยมาก...ว่าพวกเค้าไม่เคยสัมผัสความสุขหรือไร
ทำไมถึงกอดทุกข์ไว้...ไม่ยอมปล่อย
โชคดี...ที่โสดยาวมาจนแต่งงาน
ทำให้ไม่มีความรู้สึกเหล่านั้นเข้ามาให้พิสูจน์เลย
ว่าถ้าถึงคราวตัวเอง จะเป็นอย่างไร?
โชคดีอีกมากมากกกกกกก (ก ไก่ ล้านตัว) ในชีวิต
ที่ถึงตอนนี้ก็ไม่มีความรู้สึกนั้น (เข้าปีที่ 3 ของความไม่โสด)
ตอนแรกที่ตัดสินใจไม่โสด เพราะคิดว่า
เอาว่ะ...ลองดูสักตั้ง ให้โอกาสคนที่เข้ามา
ลองไปคุย ไปทำความรู้จักกัน
สมัยก่อนจำได้ ถ้าใครเข้ามาแบบ
เธอๆ มีคนนั้นสนใจ คุยมั้ย
จะตอบไปทันทีเลยว่า ไม่!
ไม่ชอบความรู้สึกที่เข้ามาแบบเสน่หา
ชอบการเบลนอินนนน จากความเป็นเพื่อนมากกว่า
แต่ถามว่าพอเป็นเพื่อนแล้วมาชอบกัน มันก็จะยากกว่ามั้ย
เมิง....เมิงเป็นเพื่อนเด้อ!!
แต่สองปีก่อน ก็ตัดสินใจ ลองสักตั้ง!
ถ้าไม่เคยลอง จะบอกคนอื่นได้ยังไง (ในคำปรึกษาคราวต่อๆ ไป)
ว่าฉันมีแฟนมาแล้ว ดีหรือไม่ดี
สุดท้าย คนที่มาปรึกษาก็จะบอกว่า
เธอก็พูดได้นะ...เธอไม่เคยมีความรัก
(แล้ว
มาปรึกษากรูทามมายยยยยยยยยย 555)
เอ้า...ลองเลย
ดีหรือไม่ดี จะได้เชิดหน้าชูตาไปเลย
ว่าจุดยืนนั้นอยู่ที่ใด (555)
การไปเดทหรือคุยกะใครที่เค้าสนใจเรา ก็สนุกดีนะ
เคยมีคนบอกว่า...การที่เราจะรู้ว่าเราเข้ากับใคร ได้หรือไม่ได้
ลองไปเที่ยวด้วยกันสักวันก็รู้แล้ว
(สำหรับเราอาจจะคิดว่า...ยากไปนะที่จะสรุป คนบางคนอาจจะเฟคเก่งก็ได้
หรือเราต้องเก่งมากพอที่จะเห็น หรือสัมผัสได้ว่าคนนี้จริงหรือไม่จริง)
แต่จากประสบการณ์ คนบางคน เจอวันเดียวก็เกินพอ
เพราะความสนใจ ทัศนคติชีวิต ต่างกันโดยสิ้นเชิง
แล้วก็ไม่เห็นประโยชน์อะไรในการไปพยายามเข้ากัน
เพราะเราไม่ได้ต้องการใคร และไม่ได้รักใคร
มีแต่จะเพิ่มปัญหาให้ชีวิต
มีความเชื่ออย่างสุดหัวใจ
ว่าการมีแฟนคือการเพิ่มปัญหาให้ชีวิต
(เพราะเห็นปัญหาที่แต่ละคนที่เข้ามาปรึกษา
ก็คนที่เค้ามีความสุข เค้าจะมาปรึกษามั้ยละ? 555+
มีความสุขจังเลย..ทำไงดีน๊า
ใครก็ได้ถีบเทวดากับซาตาลบนไหล่ออกไปที มันคุยกันเองอีกแล้ว)
แฟนคือคนที่เราเลือกจะไม่มีได้
แต่ครอบครัวคือคนที่เราเลือกละทิ้งไม่ได้ เพราะเรามีสายเลือด สายใยเชื่อมต่อกันมา
แต่ก็อีกแหละ มีเพื่อนบอกว่า...
แฟนนี่สำคัญกว่าครอบครัวนะ
เพราะคือคนที่เราเลือกเอง
แต่ครอบครัวเราไม่สามารถเลือกได้
(อะไรของมันว่ะ)
แต่ประโยคที่เพื่อนว่ามาก็จริง!
ความท้าทายอยู่ที่สติสัมปชัญญะของเราเอง
ว่าจะเลือกคนแบบไหนเข้ามาเป็นคนสำคัญหรือเป็นปัญหาในชีวิต
เหมือนประโยคหนึ่งในเรื่อง The fault in our star
"It would be a privilege to have my heart broken by you."
ประโยคนี้จะโดนใจมาก สำหรับคนที่บูชาความรัก บูชาคนรัก
ถ้าฉันจะอกหักจากใครสักคน ก็จะเป็นเกียรติมากที่คนนั้นเป็นเธอ
ฮิ้วววววววววววว!!! (วิ่งไปอ้วกแปป)
โดยธรรมชาติเรานั้นสามารถชอบใครข้างเดียวได้นานๆ
เห็นแต่ด้านสวยงามของเค้า...
เอาจริงๆ ชอบคนที่หน้าตา อารมณ์เหมือนปลื้มดารา
ก็เลยอยู่ได้ เพราะเราไม่คิดครอบครองดาราอยู่แล้ว
ส่วนตัวเป็นแบบนี้มาโดยตลอด เพราะชอบคนที่เค้าไม่ชอบเรามาตลอดชีวิต (555)
แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไร
จนกระทั่งมาพบกับวีดีโอของ...Mathew Hussey
ชื่อวีดิโอน่าสนใจมาก...เหมือนเรียกมาตบหน้ากลางสี่แยก
Unrequited Love Is Bullsh*t!
การรักใครข้างเดียวนั้นมันห่วยแตก!!!
โอ้....นี่หรือเมืองพุทธ
ความโรแมนติกล่มสลายตั้งแต่ยังไม่ดูวีดีโอ
ขึ้นต้นมา...I can’t be attracted to someone who doesn’t want me back!
(เราไม่สามารถดึงดูดคนที่เค้าไม่ต้องการเราได้หรอก)
เออ...จริง แต่ก็ยังเถียงอยู่นะ ในใจ
ก็ทำไมอ่ะ...เราไม่ได้ต้องการเค้านิ แค่
อยากมองเธอ...เท่านั้นเอง...
แค่ได้มอง...เท่านั้นพอ
5555555555555+
ทำไมตอนนี้ขำกับความคิดเด็กๆ นี้จัง
ถามว่าก็ได้นะ ก็มองไปสิ
แต่ถามลงลึกไปว่า...แล้วหวังมั้ยล่ะ
แล้วจินตนาการมั้ยละ
ถ้าตอบว่าไม่...คงต้องไปถามจิตใต้สำนึกลึกๆ ว่าไม่...จริงๆ ใช่มั้ย
ถ้าใช่ก็ Bravoooooooo!!! You are the rare item หรือโรคจิตนี่แหละ
เขาโปรยประโยคต่อมาว่า...
That’s not attractive. That’s masochism right there. That’s what it is.!
มันไม่ได้ทำให้คุณดูมีเสน่ห์เลย มันคือ masochism (n.โรคจิตซึ่งมีความสุขเมื่อตนได้รับความเจ็บปวด)
อ้าว...ตกลงกรูเป็นโรคจิตมานานแล้วเหรอ...หาหมอมั้ย? (555+)
It’s weird thing that we do to ourselves!
(มันคือสิ่งแปลกประหลาดที่เราทำกับตัวเอง)
Unrequited Love, Unrequited Love like it’s a romantic thing!
(รักเค้าข้างเดียว....มันช่างโรแมนติกอะไรอย่างนี้)
I love him…I love him…
(ก็ฉันรักเขา)
What is the problem?
(แล้วปัญหาคืออะไร?)
He doesn’t love me back!!
(เค้าไม่ได้รักฉันนนนน)
เอ่อ...ฟังมาถึงตอนนี้แล้วขำก๊ากเลยนะ
ในขณะที่ดูนั้นก็รู้สึกว่าเราได้ลืมตาขึ้น...
เหมือนดวงตาเห็นธรรม
เหมือนมันสว่าง...เหมือนมีใครมาเปิดตา
จริงอยู่ที่เราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับการรักใครข้างเดียวอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ได้ทุ่มเทขนาดนั้น (ก็มีเรื่องอื่นต้องทำมั้ย 555)
แต่ปฏิเสธไม่ได้...ว่าเราเสียโอกาสไปเท่าไรแล้ว
ที่ปฏิเสธคนที่เค้ารักเรา ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ทิ้งไป
แล้วชายคนนั้นในวีดีโอก็พูดต่อ...
What the is wrong with you?
(
เป็นเฮียอะไรห๊า?)
ขำหนักไปอีก (กรู...เป็นเฮียอะไรว่ะ...ตั่วเฮียหรือเปล่า 555)
That’s not love! That’s worship!
(นั่นมันไม่ใช่ความรัก มันคือการบูชา)
เออ...จริง เอาขึ้นหิ้งเลยมั้ย
[Unrequited Love Is Bullsh*t!] ว่าด้วยเรื่อง...มุมมองอีกด้านของการ มีรักข้างเดียว (ข้าวเหนียวยังไม่ได้นึ่ง)