1.คนเรียนมหาวิทยาลัยดังแต่บ้านจน 2.คนเรียนมหาวิทยาลัยไม่ดังแต่บ้านรวย ถ้าไม่เกเรหลงทางคนแบบไหนจะสบายเร็วกว่าครับ

คือเท่าที่เคยเจอนะ คิดว่าแบบที่ 2 จะสบายเร็วกว่า   เพราะส่วนใหญ่พ่อแม่จะสร้างทุกอย่างไว้ให้แล้ว ซึ่งที่บ้านก็ไม่ได้คาดหวังให้ลูกตัวเองเรียนเก่งแต่อย่างใด แต่ขอให้เป็นคนดี เอาตัวรอดได้ก็พอ  ซึ่งเพื่อนผมหลายคนที่เรียนไม่เก่งแต่บ้านรวยมันไม่เคยมีเลยนะที่จะคิดไปเรียนจุฬา-ธรรมศาสตร์  ก็เรียนราชภัฏแถวบ้าน  ถ้าอยากเข้ากรุงเทพก็เอกชน แต่ไม่เรียนรามเพราะจบยาก  ในระหว่างเรียนก็บวช ที่บ้านซื้อรถให้ขับ  คือจบมาไม่เคยเครียดเรื่องการหางานทำเพราะสุดท้ายถ้าทำงานแล้วเงินน้อยเบื่อชีวิต ก็แค่กลับไปที่ทำงานบ้าน  ซึ่งส่วนใหญ่มีบ้าน รถ  แต่งงาน บวช ที่บ้านจัดการให้ทุกอย่าง จุดเริ่มต้นกลุ่มนี้จะดีมาก ถ้ายังรักษากิจการของครอบครัวเอาไว้ได้อันนี้จะสบายเลย ซึ่งส่วนใหญ่เท่าที่เห็นบ้านทุกคนจะมีรายได้กันเยอะอยู่แล้ว

ส่วนกลุ่ม 1.คนเรียนมหาวิทยาลัยดังแต่บ้านจน  กลุ่มนี้จะลำบากกว่าตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว คือจะทำตัวชิวๆสบายๆไม่ได้  เพราะต้องขยันให้เรียนให้เก่งๆเพื่ออนาคตของตัวเอง คือจบ ม.ดังนี่จะได้เงินเดือนเยอะ แต่ก็ยังน้อยกว่าพวกที่บ้านรวยอยู่แล้วอยู่ดี  และส่วนใหญ่พวกนี้เรียนจบมาแล้วภาระจะเยอะกันมาก เช่น ต้องใช้หนี้ก่อน กยศ.  กรอ.ว่าไป   แถมไปทำงานบางคนกู้เงินที่ทำงานต่ออีก  และไหนจะต้องส่งให้ที่บ้านอีก บางคนส่งน้องเรียนต่ออีก   คือกลุ่มนี้จะตั้งตัวได้ช้า ทำงานได้สักพักก็ผ่อนรถ  อีกสักพักก็ผ่อนบ้าน  และเก็บเงินบวช  แต่ง โห..ภาระสารพัดชนิด คือเท่าที่เห็นกลุ่มนี้มักจะประสบความสำเร็จได้ก็จริง แต่จะช้าและลำบากกว่ากลุ่มแรกเยอะ  ซึ่งส่วนใหญ่  ผ่อนบ้าน รถ  แต่งงาน บวช  อะไรแบบนี้คนกลุ่มนี้กว่าจะทำได้หมดก็อายุ 30 กว่าๆไปแล้ว   ในขณะที่คนกลุ่มแรกได้ทำทุกอย่างหมดแล้วตั้งแต่เรียนจบมาได้ไม่นาน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่