มาพบกับรีวิวเกมมิ่งเกียร์รุ่นใหม่จาก HyperX กันอีกเช่นเคยนะครับ คราวนี้ก็เป็นหูฟังเกมมิ่งรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ซึ่งเป็นรุ่นตีบวกขึ้นมาจาก Cloud Stinger Core รุ่นปกติ โดยได้มีการเปลี่ยนการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เป็นแบบไร้สาย รวมถึงยังรองรับเสียงรอบทิศทางแบบ 7.1 อีกด้วย ทำให้การใช้งานเป็นไปได้สะดวกขึ้น พร้อมกับได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงยิ่งขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมีเพียงตัวหูฟัง แท่ง wireless dongle แบบ USB และก็สายชาร์จหูฟัง
โดยสายชาร์จจะเป็นแบบ USB-C to USB-A ครับ สามารถใช้สายชาร์จมือถือรุ่นใหม่ ๆ แทนได้
ตัวหูฟัง HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 เป็นหูฟังแบบครอบหูเต็มใบ ปิดด้านหลัง (Closed back full-size) มีน้ำหนักเบาเพียง 244 กรัม วัสดุหลักเป็นพลาสติกครับ โดยที่ก้านด้านบนจะมีโลโก้ HyperX อยู่
สำหรับสเปคคร่าว ๆ ของ HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ก็คือ
· ไดรเวอร์ 40 มม. แบบไดนามิกพร้อมแม่เหล็กนีโอดีเนียม
· รอบรับย่านความถี่เสียง 20 Hz – 20,000 Hz
· ระบบเสียง 7.1 ทิศทางเสมือนจริง (ผ่านสัญญาณสเตอริโอ 2 ทิศทาง)
· ความต้านทาน 16 โอห์ม
· ระดับแรงดันเสียง 99dBSPL/mW ที่ 1kHz
· เชื่อมต่อผ่าน USB dongle คลื่นความถี่ 2.4 GHz
· รองรับการใช้งานร่วมกับ PC
· ไมโครโฟนรองรับเสียงความถี่ 50 Hz – 18,000 Hz รองรับระบบตัดสัญญาณรบกวน
· แบตเตอรี่ใช้ได้นานสุด 17 ชั่วโมง (ปรับระดับเสียงที่ 50%)
บอดี้ด้านข้างจะมีความโค้งมน บริเวณที่ครอบหูมีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถครอบหูได้ทั้งใบ ส่วนฝั่งซ้ายจะมีก้านไมโครโฟนติดตั้งอยู่ ซึ่งไม่สามารถถอดออกได้ แต่สามารถพับขึ้นไปด้านบนสุดเพื่อปิดไมค์ และช่วยให้สามารถจัดเก็บได้สะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากจะมีก้านไมค์แล้ว ที่ด้านล่างยังมีปุ่มเปิด/ปิด วงล้อปรับระดับเสียง และก็พอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่อยู่ ซึ่งตัววงล้อปรับระดับเสียงจะเป็นแบบหมุนได้เรื่อย ๆ ครับ ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด เลยอาจจะทำให้การกะระดับเสียงทำได้ยากนิดนึง
ส่วนในการใช้งานนั้น สามารถใช้ได้ทั้งแบบไร้สาย หรือจะใช้ต่อสาย USB-C to USB-A จากหูฟังไปหาเครื่องคอมก็ได้เช่นกัน
บริเวณฝั่งในของก้านด้านบนจะมีฟองน้ำช่วยให้ก้านไม่บีบทับศีรษะจนเกินไป
ส่วนก้านด้านข้างของทั้งสองฝั่ง จะมีแถบเลื่อนที่ทำมาจากเหล็กอยู่ สามารถปรับระดับได้ตามความถนัดเลย
ที่ครอบหูจะเป็นแบบฟองน้ำที่มีความนุ่มสบาย
รวมถึงยังสามารถถอดออกเพื่อนำมาทำความสะอาดได้แบบไม่ยาก ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถหาซื้อฟองน้ำมาเปลี่ยนแทนในอนาคตได้ด้วย
กลับมาที่ก้านไมโครโฟนอีกรอบครับ นอกเหนือจากสามารถพับขึ้นไปเพื่อเก็บหูฟังและปิดไมค์ได้แล้ว ตัวก้านเองยังสามารถดัดเพื่อให้เข้ากับตำแหน่งของปากได้ดีที่สุดด้วย จะให้ใกล้ปากขนาดไหนก็ทำได้สบาย
ช่องรับเสียงของไมค์ก็จะเป็นด้านที่เป็นจุดวงกลม 7 จุด และยังสามารถตัดเสียงรบกวนบางส่วนเพื่อให้เสียงพูดคุยชัดเจนขึ้นได้
ในการใช้งานก็ง่ายดายมาก ๆ เพียงแค่เสียบ Wireless dongle เข้ากับพอร์ต USB ของเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็กดปุ่มเปิดที่ตัวหูฟังค้างไว้ 3 วินาทีเพื่อเปิดใช้งาน ซึ่งถ้าพร้อมใช้งาน ไฟจะเป็นสีเขียวครับ
นอกเหนือจากใช้แสดงสถานะการเปิดใช้งานแล้ว ไฟ LED ยังใช้แสดงปริมาณแบตเตอรี่ได้ด้วย โดยถ้าหากแบตเตอรี่เหลือ 100%-90% ก็จะเป็นไฟสีเขียวนิ่ง ๆ ส่วนถ้าแบตเตอรี่เหลือ 89%-15% ก็จะเป็นไฟสีเขียวกระพริบ และถ้าเป็นไฟสีแดงกระพริบก็คือแบตเหลือไม่ถึง 15%
ส่วนถ้าต้องการปิดหูฟังก็ให้กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ 3 วินาทีเหมือนกับตอนเปิดเลย
อีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นในการใช้งานหูฟัง HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ก็คือโปรแกรมเสริมอย่าง NGENUITY ที่ช่วยทำให้ใช้งานระบบเสียงรอบทิศทาง 7.1 เสมือนจริงได้ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งได้จาก
https://www.microsoft.com/en-us/p/hyperx-ngenuity-beta/9p1tbxr6qdcx?activetab=pivot%3Aoverviewtab
ทดสอบหูฟังเกมมิ่ง HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ด้วยการเล่นเกม เสียงที่ได้ก็มีความสมจริงอยู่ประมาณหนึ่ง การบ่งบอกทิศทางทำได้ชัดเจน ช่วยให้สามารถจำแนกทิศทางของศัตรูได้ง่ายขึ้น ส่วนในการฟังเพลงก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ฟังได้ครับ แต่เสียงไม่เคลียร์เท่ากับพวกหูฟังที่ออกแบบมาสำหรับการฟังเพลง ซึ่งก็เป็นข้อจำกัดร่วมของหูฟังเกมมิ่งหลาย ๆ รุ่นอยู่แล้ว ส่วนอาการดีเลย์นั้นไม่พบครับ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง
คุณภาพเสียงที่ได้จากไมโครโฟนก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานครับ ให้เสียงโทนกลางที่คมชัด เหมาะกับการใช้พูดคุย สื่อสารระหว่างเล่นเกม
แต่จุดหนึ่งที่ยอมรับเลยว่า HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ทำได้ดีก็คือน้ำหนักที่เบา ใช้งานสะดวก ใส่นาน ๆ แล้วก็ไม่รู้สึกว่าหนักแต่อย่างใด ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปท์คือเป็นหูฟังเกมมิ่ง 7.1 ทิศทาง ที่เน้นความสะดวกในการใช้งาน พร้อมกับคุณภาพเสียงที่เหมาะสำหรับใช้เล่นเกมเป็นหลัก
HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 เป็นหูฟังเกมมิ่งที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ที่ต้องการหูฟังเล่นเกมแบบที่เน้นความคุ้มค่า และความครบครันในฟีเจอร์ที่ช่วยเสริมความสะดวกให้กับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง 7.1 ทิศทางเสมือนจริง ไมค์ที่ช่วยตัดเสียงรบกวน และการใช้งานแบบไร้สาย 2.4 GHz ที่ช่วยลดความวุ่นวายของการใช้สายเชื่อมต่อได้ ส่วนราคาของ HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ก็อยู่ที่ 2,790 บาทครับ สามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้านตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ HyperX
ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่
https://www.hyperxgaming.com/th/headsets/cloud-stinger-core-pc-gaming-headset
[SR] รีวิวหูฟังเกมมิ่งไร้สาย HyperX Cloud Stinger Core (Wireless + 7.1) รองรับเสียงรอบทิศทาง
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมีเพียงตัวหูฟัง แท่ง wireless dongle แบบ USB และก็สายชาร์จหูฟัง
โดยสายชาร์จจะเป็นแบบ USB-C to USB-A ครับ สามารถใช้สายชาร์จมือถือรุ่นใหม่ ๆ แทนได้
ตัวหูฟัง HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 เป็นหูฟังแบบครอบหูเต็มใบ ปิดด้านหลัง (Closed back full-size) มีน้ำหนักเบาเพียง 244 กรัม วัสดุหลักเป็นพลาสติกครับ โดยที่ก้านด้านบนจะมีโลโก้ HyperX อยู่
สำหรับสเปคคร่าว ๆ ของ HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ก็คือ
· ไดรเวอร์ 40 มม. แบบไดนามิกพร้อมแม่เหล็กนีโอดีเนียม
· รอบรับย่านความถี่เสียง 20 Hz – 20,000 Hz
· ระบบเสียง 7.1 ทิศทางเสมือนจริง (ผ่านสัญญาณสเตอริโอ 2 ทิศทาง)
· ความต้านทาน 16 โอห์ม
· ระดับแรงดันเสียง 99dBSPL/mW ที่ 1kHz
· เชื่อมต่อผ่าน USB dongle คลื่นความถี่ 2.4 GHz
· รองรับการใช้งานร่วมกับ PC
· ไมโครโฟนรองรับเสียงความถี่ 50 Hz – 18,000 Hz รองรับระบบตัดสัญญาณรบกวน
· แบตเตอรี่ใช้ได้นานสุด 17 ชั่วโมง (ปรับระดับเสียงที่ 50%)
บอดี้ด้านข้างจะมีความโค้งมน บริเวณที่ครอบหูมีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถครอบหูได้ทั้งใบ ส่วนฝั่งซ้ายจะมีก้านไมโครโฟนติดตั้งอยู่ ซึ่งไม่สามารถถอดออกได้ แต่สามารถพับขึ้นไปด้านบนสุดเพื่อปิดไมค์ และช่วยให้สามารถจัดเก็บได้สะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากจะมีก้านไมค์แล้ว ที่ด้านล่างยังมีปุ่มเปิด/ปิด วงล้อปรับระดับเสียง และก็พอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่อยู่ ซึ่งตัววงล้อปรับระดับเสียงจะเป็นแบบหมุนได้เรื่อย ๆ ครับ ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด เลยอาจจะทำให้การกะระดับเสียงทำได้ยากนิดนึง
ส่วนในการใช้งานนั้น สามารถใช้ได้ทั้งแบบไร้สาย หรือจะใช้ต่อสาย USB-C to USB-A จากหูฟังไปหาเครื่องคอมก็ได้เช่นกัน
บริเวณฝั่งในของก้านด้านบนจะมีฟองน้ำช่วยให้ก้านไม่บีบทับศีรษะจนเกินไป
ส่วนก้านด้านข้างของทั้งสองฝั่ง จะมีแถบเลื่อนที่ทำมาจากเหล็กอยู่ สามารถปรับระดับได้ตามความถนัดเลย
ที่ครอบหูจะเป็นแบบฟองน้ำที่มีความนุ่มสบาย
รวมถึงยังสามารถถอดออกเพื่อนำมาทำความสะอาดได้แบบไม่ยาก ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถหาซื้อฟองน้ำมาเปลี่ยนแทนในอนาคตได้ด้วย
กลับมาที่ก้านไมโครโฟนอีกรอบครับ นอกเหนือจากสามารถพับขึ้นไปเพื่อเก็บหูฟังและปิดไมค์ได้แล้ว ตัวก้านเองยังสามารถดัดเพื่อให้เข้ากับตำแหน่งของปากได้ดีที่สุดด้วย จะให้ใกล้ปากขนาดไหนก็ทำได้สบาย
ช่องรับเสียงของไมค์ก็จะเป็นด้านที่เป็นจุดวงกลม 7 จุด และยังสามารถตัดเสียงรบกวนบางส่วนเพื่อให้เสียงพูดคุยชัดเจนขึ้นได้
ในการใช้งานก็ง่ายดายมาก ๆ เพียงแค่เสียบ Wireless dongle เข้ากับพอร์ต USB ของเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็กดปุ่มเปิดที่ตัวหูฟังค้างไว้ 3 วินาทีเพื่อเปิดใช้งาน ซึ่งถ้าพร้อมใช้งาน ไฟจะเป็นสีเขียวครับ
นอกเหนือจากใช้แสดงสถานะการเปิดใช้งานแล้ว ไฟ LED ยังใช้แสดงปริมาณแบตเตอรี่ได้ด้วย โดยถ้าหากแบตเตอรี่เหลือ 100%-90% ก็จะเป็นไฟสีเขียวนิ่ง ๆ ส่วนถ้าแบตเตอรี่เหลือ 89%-15% ก็จะเป็นไฟสีเขียวกระพริบ และถ้าเป็นไฟสีแดงกระพริบก็คือแบตเหลือไม่ถึง 15%
ส่วนถ้าต้องการปิดหูฟังก็ให้กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ 3 วินาทีเหมือนกับตอนเปิดเลย
อีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นในการใช้งานหูฟัง HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ก็คือโปรแกรมเสริมอย่าง NGENUITY ที่ช่วยทำให้ใช้งานระบบเสียงรอบทิศทาง 7.1 เสมือนจริงได้ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งได้จาก https://www.microsoft.com/en-us/p/hyperx-ngenuity-beta/9p1tbxr6qdcx?activetab=pivot%3Aoverviewtab
ทดสอบหูฟังเกมมิ่ง HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ด้วยการเล่นเกม เสียงที่ได้ก็มีความสมจริงอยู่ประมาณหนึ่ง การบ่งบอกทิศทางทำได้ชัดเจน ช่วยให้สามารถจำแนกทิศทางของศัตรูได้ง่ายขึ้น ส่วนในการฟังเพลงก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ฟังได้ครับ แต่เสียงไม่เคลียร์เท่ากับพวกหูฟังที่ออกแบบมาสำหรับการฟังเพลง ซึ่งก็เป็นข้อจำกัดร่วมของหูฟังเกมมิ่งหลาย ๆ รุ่นอยู่แล้ว ส่วนอาการดีเลย์นั้นไม่พบครับ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง
คุณภาพเสียงที่ได้จากไมโครโฟนก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานครับ ให้เสียงโทนกลางที่คมชัด เหมาะกับการใช้พูดคุย สื่อสารระหว่างเล่นเกม
แต่จุดหนึ่งที่ยอมรับเลยว่า HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ทำได้ดีก็คือน้ำหนักที่เบา ใช้งานสะดวก ใส่นาน ๆ แล้วก็ไม่รู้สึกว่าหนักแต่อย่างใด ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปท์คือเป็นหูฟังเกมมิ่ง 7.1 ทิศทาง ที่เน้นความสะดวกในการใช้งาน พร้อมกับคุณภาพเสียงที่เหมาะสำหรับใช้เล่นเกมเป็นหลัก
HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 เป็นหูฟังเกมมิ่งที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ที่ต้องการหูฟังเล่นเกมแบบที่เน้นความคุ้มค่า และความครบครันในฟีเจอร์ที่ช่วยเสริมความสะดวกให้กับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง 7.1 ทิศทางเสมือนจริง ไมค์ที่ช่วยตัดเสียงรบกวน และการใช้งานแบบไร้สาย 2.4 GHz ที่ช่วยลดความวุ่นวายของการใช้สายเชื่อมต่อได้ ส่วนราคาของ HyperX Cloud Stinger Core Wireless + 7.1 ก็อยู่ที่ 2,790 บาทครับ สามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้านตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ HyperX
ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.hyperxgaming.com/th/headsets/cloud-stinger-core-pc-gaming-headset
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้