ทุกคนรู้สึกเหมือนผมไหมครับ?
คั่นกู 2Gether The Series เป็นภาพสะท้อนการวิวัฒนการขั้นสูงสุดของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่มนุษย์เริ่มเดินสองขา
เผ่าพันธุ์มนุษย์สร้างอารยธรรมขึ้นมา ก็เพื่อจะมาถึงจุดนี้ ซึ่งเป็นจิตวิญญาณขั้นสูง
แค่ไบร์ทวินหายใจเข้าออก ก็สามารถชะล้างความโสมม สร้างสมดุลย์แห่งสรรพสิ่งได้
แรงกระเพื่อมจากกระแสของคั่นกูเหมือนจะตอกย้ำว่า โลกเราไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
จุดเด่นนึงของซีรีส์คั่นกู คือการตัดต่อที่กระชับ ไม่เวิ่นเว้อ
มี pace ในการเดินเรื่องที่พอเหมาะ ทำให้ดูง่าย ราวกับเป็น Game of Thrones ของซีรีส์วาย
EP สุดท้ายก็แหวกแนว ด้วยการไม่มีฉากจูบดูดดื่ม หรือแม้แต่กอดกัน
ดูจบแล้ว นิพพานได้เลย ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอีกต่อไป
ความพิเศษของคั่นกูคือดูได้หลายรอบแล้วไม่เบื่อ
แต่ละรอบ จะเห็นได้ว่าผู้กำกับวางหมากไว้ตลอดทาง
พอดู EPหลังๆ จะเริ่มอ๋อ เพราะมีจุดเชื่อมโยงถึง EP แรกๆ ชนิดนับไม่ถ้วน
รู้สึกได้เลยนะครับ ว่าผู้กำกับ ทีมเขียนบท ผู้จัดละคร เค้าอ่านนิยายมากันหลายรอบ วางแผนกันเป็นเดือนเป็นปี
ทีมงานคิดกันมาเยอะ และทุ่มเทให้กับคั่นกูไม่ใช่น้อย
บางคนสงสัยว่าทำไมสารวัตรไม่ทำอย่างงั้นอย่างงี้
ลองนึกดูครับ ว่าถ้าสารวัตรทำอย่างที่ว่า แล้วฉากซึ้งๆที่น่าจดจำมันจะเกิดขึ้นได้ไหม
ผมเชื่อว่า ทีมผู้สร้างซีรีส์เค้าชั่งน้ำหนักมาแล้ว
ว่าจะยอมให้เนื้อเรื่องขาดความสมจริงเล็กน้อย เพื่อแลกกับซีนซึ้งๆมั้ย
ถ้าด้วยทุนสร้างที่ใกล้เคียงกัน ผมมั่นใจเลยครับ ว่าไม่มีที่ไหนในโลก
ที่จะเอาคั่นกูไป remake แล้วออกมาดีกว่านี้อีกแล้ว
ปรากฏการณ์คั่นกู เปรียบได้กับการโคจรของดวงดาวนับร้อยมาบรรจบในระนาบเดียวกัน
ซึ่งไม่รู้จะเกิดขึ้นอีกรึเปล่าในอายุขัยของพวกเรา
ถ้าไม่ติดว่ามีโควิด ตอนนี้นับเป็นช่วงเวลาที่ดีสุดที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหละ รู้สึกเหมือนผมไหมครับ?
คั่นกู เป็นจิตวิญญาณขั้นสูงที่สะท้อนอารยธรรมที่สั่งสมมายาวนาน ตั้งแต่มนุษย์เริ่มเดินสองขา
คั่นกู 2Gether The Series เป็นภาพสะท้อนการวิวัฒนการขั้นสูงสุดของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่มนุษย์เริ่มเดินสองขา
เผ่าพันธุ์มนุษย์สร้างอารยธรรมขึ้นมา ก็เพื่อจะมาถึงจุดนี้ ซึ่งเป็นจิตวิญญาณขั้นสูง
แค่ไบร์ทวินหายใจเข้าออก ก็สามารถชะล้างความโสมม สร้างสมดุลย์แห่งสรรพสิ่งได้
แรงกระเพื่อมจากกระแสของคั่นกูเหมือนจะตอกย้ำว่า โลกเราไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
จุดเด่นนึงของซีรีส์คั่นกู คือการตัดต่อที่กระชับ ไม่เวิ่นเว้อ
มี pace ในการเดินเรื่องที่พอเหมาะ ทำให้ดูง่าย ราวกับเป็น Game of Thrones ของซีรีส์วาย
EP สุดท้ายก็แหวกแนว ด้วยการไม่มีฉากจูบดูดดื่ม หรือแม้แต่กอดกัน
ดูจบแล้ว นิพพานได้เลย ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอีกต่อไป
ความพิเศษของคั่นกูคือดูได้หลายรอบแล้วไม่เบื่อ
แต่ละรอบ จะเห็นได้ว่าผู้กำกับวางหมากไว้ตลอดทาง
พอดู EPหลังๆ จะเริ่มอ๋อ เพราะมีจุดเชื่อมโยงถึง EP แรกๆ ชนิดนับไม่ถ้วน
รู้สึกได้เลยนะครับ ว่าผู้กำกับ ทีมเขียนบท ผู้จัดละคร เค้าอ่านนิยายมากันหลายรอบ วางแผนกันเป็นเดือนเป็นปี
ทีมงานคิดกันมาเยอะ และทุ่มเทให้กับคั่นกูไม่ใช่น้อย
บางคนสงสัยว่าทำไมสารวัตรไม่ทำอย่างงั้นอย่างงี้
ลองนึกดูครับ ว่าถ้าสารวัตรทำอย่างที่ว่า แล้วฉากซึ้งๆที่น่าจดจำมันจะเกิดขึ้นได้ไหม
ผมเชื่อว่า ทีมผู้สร้างซีรีส์เค้าชั่งน้ำหนักมาแล้ว
ว่าจะยอมให้เนื้อเรื่องขาดความสมจริงเล็กน้อย เพื่อแลกกับซีนซึ้งๆมั้ย
ถ้าด้วยทุนสร้างที่ใกล้เคียงกัน ผมมั่นใจเลยครับ ว่าไม่มีที่ไหนในโลก
ที่จะเอาคั่นกูไป remake แล้วออกมาดีกว่านี้อีกแล้ว
ปรากฏการณ์คั่นกู เปรียบได้กับการโคจรของดวงดาวนับร้อยมาบรรจบในระนาบเดียวกัน
ซึ่งไม่รู้จะเกิดขึ้นอีกรึเปล่าในอายุขัยของพวกเรา
ถ้าไม่ติดว่ามีโควิด ตอนนี้นับเป็นช่วงเวลาที่ดีสุดที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหละ รู้สึกเหมือนผมไหมครับ?