นี่แค่เรื่องเล่านะคะ แสดงความคิดเห็นได้ว่าจริงไหม ห้ามด่าค่ะ แค่มาบอกเล่าว่าชาวต่างชาติเค้ามองการศึกษาเราเป็นแบบไหน
คือจะมีหน้าที่เวรหน้าประตูโรงเรียนตรวจรับเด็กตั้งแต่ ๗ โมงเช้าถึง ๘ โมงครึ่ง ดิฉันครูผู้ช่วย อีกคนคือ ครู คศ.๒ และ ทีเชอร์ ไม่เคยรู้เลยว่า ทีเชอร์มาจากประเทศฟินแลนด์ และตัวดิฉันเองก็พึ่งบรรจุใหม่ ครู คศ.๒ ก็บ่นให้ทีเชอร์ฟังว่า ทำงานโน่นนี่ไม่ทัน ไหนยังต้องเตรียมงานประเมิน จาก สมศ. อีก เครียดมาก ยิ่ง สมศ. มาประเมินต้องเตรียมหลายอย่าง ไหนธุรการชั้นเรียนอีกที่ต้องทำทุกวัน ไหนโครงการอีก เยอะมาก ทั้งๆ ที่โรงเรียนมีครูธุรการ แต่ผลสุดท้ายครูก็ต้องทำอยู่ดี ทีเชอร์ เลยบอกว่า "จากที่ทีเชอร์สอนที่ประเทศไทยมาเป็น ๑๐ ปี ทีเชอร์คิดว่า นี่แหละที่ทำให้ "คุณภาพการศึกษาไทยต่ำมาก" ครูทำเอกสารเยอะมาก ที่ทีเชอร์พูดเพราะทีเชอร์เห็นครูมีเวลาเตรียมสอนน้อยมาก กลับบ้านไปก็ต้องทำงานโรงเรียนอีก ต้องเตรียมที่บ้าน พักผ่อนน้อย ทั้ง ๆ ที่รู้แล้วว่าครูต้องสอน ต้องเตรียมสื่อ ทำไมต้องให้ทำ ทำไมไม่ปรับปรุง ทั้ง ๆ ที่ตั้งแต่รัฐบาล ถึงตัวครูเองก็รู้ แต่ทำไมไม่ปรับปรุง " แล้วทีเชอร์ก็ส่ายหัว
เอาตามตรงนะคะ ดิฉันเองตั้งแต่เป็นครูและเปิดเทอมมาเดือน ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โรงเรียนที่อยู่สังกัด อปท. ได้หยุดทั้งเสาร์อาทิตย์จริง ๆ ประมาณ ๔ - ๕ สัปดาห์ แต่ก็ยังคงเอางานโรงเรียนที่เป็นเอกสารไปทำที่บ้าน เช่นพวกโครงการ วันหยุดนักขัตกฤต ก็ไม่เคยได้หยุดต้องไปร่วมพิธีทุกวันหยุด ไม่เว้นแม้กระทั่งวันครู โรงเรียนปิดเทอมก็ต้องพยายามเก็บชั่วโมงอบรม และเตรียมแผนการสอน เตรียมแผนงบ เตรียมแผนปฏิบัติการฯ เตรียมโครงการต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งกำหนดการก็มีรออยู่แล้ว ไหนจะช่วยงานเทศบาล ครู อปท.ที่นี้ไม่ปิดเทอม แต่ดีที่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์เต็ม ๆ ช่วงปิดเทอม
ปกติเอกสารชั้นเรียนไม่เท่าไหร่จำเป็นต้องทำทุกวันอยู่แล้ว แต่เอกสารอื่น ที่ต้องรองรับ พวกที่จะตรวจสอบโรงเรียนอะ ต้องเตรียมต้องให้มีตลอด ต้องทำตลอด ไหนประเมินตัวครูอีก พอจะมาตรวจก็ไหนจะต้องรวบรวม สรุป ไหนต้องเตรียมงาน เสียเวลาสอนอีก
ถ้าคนที่เข้าใจก็จะรู้ว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่เหนื่อยมาก ต้องรักอาชีพจริง ๆ ถึงจะอยู่ได้ บ่นบ้างเป็นไรไป (ยกเว้นพวกทำงานไปวันๆ กินภาษีประชาชนไปวัน ๆ ที่เคยเจอตอนเป็นครูอัตราจ้าง)
teacher จากฟินแลนด์ "ทำไมการศึกษาไทยเป็นแบบนี้ ?"
คือจะมีหน้าที่เวรหน้าประตูโรงเรียนตรวจรับเด็กตั้งแต่ ๗ โมงเช้าถึง ๘ โมงครึ่ง ดิฉันครูผู้ช่วย อีกคนคือ ครู คศ.๒ และ ทีเชอร์ ไม่เคยรู้เลยว่า ทีเชอร์มาจากประเทศฟินแลนด์ และตัวดิฉันเองก็พึ่งบรรจุใหม่ ครู คศ.๒ ก็บ่นให้ทีเชอร์ฟังว่า ทำงานโน่นนี่ไม่ทัน ไหนยังต้องเตรียมงานประเมิน จาก สมศ. อีก เครียดมาก ยิ่ง สมศ. มาประเมินต้องเตรียมหลายอย่าง ไหนธุรการชั้นเรียนอีกที่ต้องทำทุกวัน ไหนโครงการอีก เยอะมาก ทั้งๆ ที่โรงเรียนมีครูธุรการ แต่ผลสุดท้ายครูก็ต้องทำอยู่ดี ทีเชอร์ เลยบอกว่า "จากที่ทีเชอร์สอนที่ประเทศไทยมาเป็น ๑๐ ปี ทีเชอร์คิดว่า นี่แหละที่ทำให้ "คุณภาพการศึกษาไทยต่ำมาก" ครูทำเอกสารเยอะมาก ที่ทีเชอร์พูดเพราะทีเชอร์เห็นครูมีเวลาเตรียมสอนน้อยมาก กลับบ้านไปก็ต้องทำงานโรงเรียนอีก ต้องเตรียมที่บ้าน พักผ่อนน้อย ทั้ง ๆ ที่รู้แล้วว่าครูต้องสอน ต้องเตรียมสื่อ ทำไมต้องให้ทำ ทำไมไม่ปรับปรุง ทั้ง ๆ ที่ตั้งแต่รัฐบาล ถึงตัวครูเองก็รู้ แต่ทำไมไม่ปรับปรุง " แล้วทีเชอร์ก็ส่ายหัว
เอาตามตรงนะคะ ดิฉันเองตั้งแต่เป็นครูและเปิดเทอมมาเดือน ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โรงเรียนที่อยู่สังกัด อปท. ได้หยุดทั้งเสาร์อาทิตย์จริง ๆ ประมาณ ๔ - ๕ สัปดาห์ แต่ก็ยังคงเอางานโรงเรียนที่เป็นเอกสารไปทำที่บ้าน เช่นพวกโครงการ วันหยุดนักขัตกฤต ก็ไม่เคยได้หยุดต้องไปร่วมพิธีทุกวันหยุด ไม่เว้นแม้กระทั่งวันครู โรงเรียนปิดเทอมก็ต้องพยายามเก็บชั่วโมงอบรม และเตรียมแผนการสอน เตรียมแผนงบ เตรียมแผนปฏิบัติการฯ เตรียมโครงการต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งกำหนดการก็มีรออยู่แล้ว ไหนจะช่วยงานเทศบาล ครู อปท.ที่นี้ไม่ปิดเทอม แต่ดีที่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์เต็ม ๆ ช่วงปิดเทอม
ปกติเอกสารชั้นเรียนไม่เท่าไหร่จำเป็นต้องทำทุกวันอยู่แล้ว แต่เอกสารอื่น ที่ต้องรองรับ พวกที่จะตรวจสอบโรงเรียนอะ ต้องเตรียมต้องให้มีตลอด ต้องทำตลอด ไหนประเมินตัวครูอีก พอจะมาตรวจก็ไหนจะต้องรวบรวม สรุป ไหนต้องเตรียมงาน เสียเวลาสอนอีก
ถ้าคนที่เข้าใจก็จะรู้ว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่เหนื่อยมาก ต้องรักอาชีพจริง ๆ ถึงจะอยู่ได้ บ่นบ้างเป็นไรไป (ยกเว้นพวกทำงานไปวันๆ กินภาษีประชาชนไปวัน ๆ ที่เคยเจอตอนเป็นครูอัตราจ้าง)