14 มี.ค. ช่างมาล้างแอร์  (แอร์เก่าอายุ 10 กว่าปี) ล้างเสร็จแล้วดับ เปิดไม่ได้  (ก่อนมาล้างเปิดได้ปกติ)

ช่างบอกว่าเซ็นเซอร์แอร์น่าะจับเจอว่าอะไหล่ตัวนึงเสีย (เราจำไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไร แต่มันมีอะไหล่ตัวนึงที่หักจริงๆ ) คุยไปคุยมาก็ว่าจะติดใหม่อยู่แล้ว จึงตัดสินใจติดใหม่

ถามช่างว่า .... ติดแอร์ได้มั๊ย? ช่างบอกได้ เค้ามีดีลเลอร์ที่คอนแทคกันอยู่ ขายของพานาฯ  ถ้าเราจะติดวันรุ่งขึ้นเค้ามาติดให้ได้เลย  เราก็เห็นว่ามาติดได้เร็วดี เพราะช่วงนี้ติดโควิด ห้างปิด ถ้าเราไปหาซื้อเองกว่าจะได้มาติด คงต้องทนร้อนหลายวัน

15 มี.ค. ช่างก็มาติดแอร์ให้ ผ่านไปไม่เกิน 2 วีค แอร์ตัด มีไฟกระพริบตรง timer โทรตามช่างมาดู (โชคดีที่ช่างบ้านใกล้ๆกัน) เช็คน้ำยาแล้วน้ำยาขาด ช่างคิดว่าน่าจะรั่วสักที่ ก็เติมน้ำยาให้ แล้วนัดมาเช็คอีกที

ซ่อมครั้งที่ 1 : ช่างบอกว่าน่าจะรั่วจากการเดินท่อด้านนอก  ก็ซ่อม และใช้ได้ไม่ถึง 2 วีค อาการเดิมมาอีก

ซ่อมครั้งที่ 2 : ช่างบอกว่าอาจจะรั่วข้างในบ้าน ก็มาไล่หา ทำนั่นนี่ ใช้ได้ไม่กี่วันเป็นอีก

ซ่อมครั้งที่ 3 : ช่างบอกว่า จะติดตั้งใหม่หมด น่าจะมีปัญหาจากการติดตั้งของเค้าไม่ดี หลังจากทำแล้ว
ผ่านไป  2 วัน ช่างมาเช็คน้ำยา น้ำยาหาย(อีกแล้ว) ช่าง
คิดว่าน่าจะรั่วตรงท่อที่เค้าเชื่อม

ซ่อมครั้งที่ 4 : 16 พ.ค.
ช่างซื้อท่อมาใหม่ ให้ยาวพอไม่ต้องเชื่อมใดๆ ทำการติดตั้งใหม่ทั้งหมด .... เปิดได้ 6 ชั่วโมง เครื่องตัด ไฟกระพริบอีกแล้ว??!!!!!

ช่างโทรหาดีลเลอร์ ดีลเลอร์บอกให้เรียกช่างศูนย์มาดู
ส่วนเราเริ่มเบื่อมากๆ แล้ว นอนก็ระแวงทุกคืนว่าแอร์จะตัดมั๊ย ติดแอร์ใหม่ เสียเงินแล้วยังเสียสุขภาพจิต งานการก็ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะช่างเข้าๆ ออกๆ บ้าน เราก็ต้องมารอ มาเฝ้าช่างทำงาน

เราควรจัดการเรื่องนี้ยังไงดีคะ? ใจจริงอยากให้ช่างเค้าซื้อแอร์คืนไป เราจะได้ไปซื้อใหม่มาติด (เราใจร้ายไปมั๊ย 555) หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องตามช่างศูนย์มาดู
เราว่าถ้าเราไม่ได้เจอปัญหาซ้ำๆ กันหลายรอบ เราคงไม่ถอดใจขนาดนี้ อารมณ์ตอนนี้เบื่อจะซ่อมจริงๆ