จะทำอย่างไรดีจู่ๆก็กำลังจะได้เงินประกันชีวิต120000จากคนที่เราเองก็ไม่ได้ทำดีกับเขาเท่าไหร่

กระทู้คำถาม
เพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่ายผมจะเล่าเรื่องจริงแบบไม่หมกเม็ดเรื่องมีอยู่ว่าพ่อเลี้ยงผมพึ่งรถชนเสียชีวิต แต่แกทำประกันชีวิตที่เป็นของที่ทำงานแกทำให้ พนง ทุกคนตอนเข้างานครั้งแรก แกอยู่กับแม่ผมมาเกือบ20ปี แกดีกับแม่ผมมากรักแม่ผมมาก ตอนนี้แม่ผมป่วยกระดูกทับเส้นประสาทเดินไม่ได้มา2-3ปีแล้วตอนนี้ แกก็ไม่เคยทิ้งแม่ไปไหนจนแกมารถชนตายนี่เเหละ ผมไม่เคยรู้สึกรักแกนะเราเข้ากันไม่ค่อยได้ แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้แย่มากนะครับ ผมไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาครับ ผมโตแล้วแยกมาอยู่คนเดียว บ้านผมจนครับแม่อยู่ต่างจังหวัดก็ยังเช่าเขาอยู่พ่อเลี้ยงติดเหล้าเมาประจำแต่ตอนไม่เมาดีมาก กินข้าวเสร็จล้างจานเองหมดซักผ้าเองหมด ช่วงที่อยู่กันใหม่ๆแกกับแม่ผมอยู่ กทม ผมได้ข่าวว่าแกทำร้ายแม่ผมยิ่งไม่ชอบใหญ่ตอนอยู่ กทม แม่รายได้ไม่แน่นอนส่วนใหญ่ แกหาเลี้ยงแม่ครับ จนย้ายกลับไปอยู่ ตจว แกไม่ค่อยชอบให้ลูกแม่ไปหาเท่าไรแม่เคยบอกแบบนี้นะครับผมเองก็ไม่ค่อยถูกกับแม่เท่าไหร่ครับ  แม่เคยไล่ผมตอนอายุ17-18บอกไปไหนได้ไปอยู่กับใครได้ไปเลยกูไม่เอาแล้วเลือดก้อนเดียวกูตัดทิ้งได้เขาก็ไม่ชอบให้ลูกมาหานะ(เขาในที่นี่ก็คือพ่อเลี้ยงนี่เเหละครับ)แต่เขาไม่เคยว่าไม่เคยด่าผมนะครับอารมณ์ดีก็คุยกันเล่นกันถามสารทุกข์กันครับเขาเคยเอาผมไปทำงานด้วยครับเป็นเด็กเปิดประตูรถให้แขกตามผับบาร์ต่างๆใน กทม แต่ก็ทำได้ไม่นานครับระหองระแหงกันตลอด ผมไม่ได้เรียนครับจบแค่ป.6แม่ไม่ให้เรียน เเล้วตอนนั้นพ่อแท้ๆผมมีเมียน้อยแม่จับได้เลยเลิกกันตอนนั้นผมอยู่ ม.1 ครับพอย้ายกลับ ตจว ก็ไม่ได้เรียนต่อครับ ผมอยู่กับแม่ครับกับน้องชายอีกคนได้เรียนครับส่วนตอนนั้นพี่สาวมีครอบครัวไปแล้วครับ ช่วงอายุ17-18ผมก็ตระเวนหางานทำครับไม่มีที่ไปหลักลอยครับที่ไหนมีงานมีที่พักให้ผมก็ทำครับ แต่ก็ทำได้ไม่นานตามประสาวัยรุ่นครับติดเพื่อนซะส่วนใหญ่ พี่สาวเคยเอาผมไปฝากงานให้ทำก็เหมือนเดิมครับก่อเรื่องตลอดสุดท้ายผมหลุดจากครอบครัวครับหมายถึงไม่มีใครเอาแล้วครับไม่มีใครถามหาคือเหมือนไม่มีตัวตน คือไปพ้นๆซะอะไรประมาณนี้ ผมหายไปจากครอบครัวครับนานๆทีถึงจะมาหาแม่บ้างครับ ส่วนกับพี่สาวเขาไม่เอาผมแล้วครับตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงตอนนี้ครับนานๆคุยกันทีครับส่วนน้องชายผมช่วงนั้นก็อยู่กับแม่บ้างครับพี่สาวเอาไปเลี้ยงบ้างส่งเรียนครับเวลาแม่ไม่มีเงินหรือเงินขาดมือก็ได้พี่สาวผมนี่เเหละครับค่อยช่วยส่วนผมไม่ต้องบอกก็คงรู้ครับตัวเองยังเอาไม่รอดครับ คือที่ติดอยู่ในใจผมคือพวกเขาทำเหมือนผมไม่ใช่คนในครอบครัวเขาเเล้วครับคือหายไปแล้วไง เหมือนตกหลุมดำแล้วไม่มีใครช่วยผมขึ้นมาเลยปล่อยผมอย่างนั้น จนผมมาตั้งหลักได้ตอนอายุ20-21ด้วยตัวผมเองเริ่มจากเป็นลูกจ้างร้านเฟอร์นิเจอร์แล้วก็รู้จักคนมากขึ้นเขาก็พาผมไปทำงานในบริษัทสิ่งพิมพ์อยู่คลังสินค้า+ติดรถส่งของ ผมมีความโกรธแค้นเหมือนผมถูกทิ้ง พอผมตั้งหลักได้ผมไม่เคยกลับไปพึ่งพาเขาอีกเลยแต่ก็มีไปหากันบ้างนานๆครั้ง แน่นอนผมเงินเดือนไม่มากนักตอนนั้นผมก็ไม่เคยให้เงินแม่เลย เขาเองก็เคยขอแต่ผมก็บอกไปว่าเงินเดือนน้อยเช่าห้องกับค่ากินก็เดือนชนเดือน ช่วงนี้ผมดันมาเจอพ่อแท้ๆผมเดินอยู่กับเมียใหม่เดินสวนกับผมๆว่าจะทักเขาพอเขาเห็นผมเขาก็รีบหันหน้าไปทางอื่นไหล่แทบชนกัน ผมก็รู้สึกแบบว่า..อะไรว่ะแบบนี้ไม่ต้องมาเจอกันซะดีกว่า..ต่อมาผมพัฒนาตัวเองออกจากบริษัทสิ่งพิมพ์มาทำงานร้านสะดวกซื้อได้2ปีก็ได้งานใหม่ดีขึ้นเงินดีขึ้นคือส่งขนมปังแทนครับ ผมพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆโดยไม่ได้มีใครช่วยผมเลยนอกจากตัวผมเอง..(ถามหน่อยครับพวกคุณตอนเรียนจบมาก่อนได้งานทำพวกมีพ่อแม่ช่วยเหลืออยู่ใช่ไหมบางคนพ่อฝากงานให้บางคนแม่ฝากงานให้บางคนญาติฝากให้แนะนำให้ผมไม่มีเลยไปตายเอาดาบหน้า).....ระหว่างนั้นผมก็ระหองระแหงกับครอบครัวผมเหมือนเดิมครับไม่มีอะไรเปลี่ยนพวกเขาก็ใช้ชีวิตปกติคือก็ไม่ได้มีใครมาคาดหวังอะไรกับผมนะ สิ่งสำคัญที่ติดอยู่ในใจผมในช่วงก่อนที่ผมจะได้ทำงานทำการเป็นจริงเป็นจังช่วงที่ตั้งหลักได้คืออย่าให้กูมีบ้างนะไม่ช่วยกู(ผมก็ไม่ได้มีเยอะอะไรนะครับตอนนี้แค่เอาตัวรอดได้)ไม่เป็นไรอย่าถึงทีกูบ้างนะใจมีแต่ความแค้น ใช่ผมแย่แล้วคือไรตัดหางปล่อยวัดผมเลยหรอเหมือนผมล้มอยู่แต่ไม่มีใครคิดจะช่วย? ก็ใช่อีกนั้นแหละว่าพวกเขาเคยช่วยผมแล้วช่วงเริ่มต้นตอนวัยรุ่นคือพอเห็นว่าผมไม่ได้การก็ปล่อยผมตามเวรตามกรรมหรอ?แล้วเวลาก็ผ่านมาเรื่อยๆผมอยู่ของผมมาแบบนี้พวกเขาก็อยู่กันไปอย่างนั้นแม่ผมทำกับข้าวอร่อยมากครับตอนที่แม่ยังเดินได้เวลาแม่ขึ้นมา กทม ก็ทำของอร่อยมาให้แต่พี่สาวกับน้องผมไม่ได้กับเขา(เพราะอยู่คนล่ะที่ครับ)แต่ไม่ใช่ไม่เคยได้กินของที่เเม่ทำมาให้เลยนะครับได้บ้างครับ..เป็นแบบนี้เรื่อยมาส่วนความสัมพันธ์เหมือนเดิมครับระหองระเเหงเหมือนเดิมไม่มีไรดีขึ้นผมยังคงเหมือนมีสถานะเป็นคนออกนอกเหมือนเดิม(ในความคิดผมนะ)แต่ต้องบอกก่อนนะว่าไม่ว่าผมจะมีเงินมากขึ้นจากเดิมมากเเล้วก็ไม่ค่อยได้ให้เงินแม่เหมือนครับมีให้บ้างแบบนานๆทีคือนานๆมากอ่ะครับ..ตั้งแต่แม่ป่วยผมไม่เคยไปเยี่ยมแม่เลยครับโทรคุยกันก็ได้ไม่นานก็เหมือนจะทะเลาะกันอีกสักแปบก็วางแล้ว..คือในใจผมมีแต่ความโกรธแค้นตั้งตอนนั้นจนมาถึงวันนี้ มันคิดคือ ตอนไม่ป่วยไม่อยากให้ไปหาไม่ใช่หรอ เคยไล่ผมไม่ใช่หรอ ไปหาทีไรก็ไม่อยากจะเจอกลัวจะมาขอเงินไม่ใช่ เวลาทำของอร่อยมาก็ค่อยให้ผมไม่ใช่หรอ ใจมันคิดอยู่แต่แบบนี้ครับ(สงสัยผมคงมีความเลวอยู่ในตัวมากมั้งครับ)จนกระมาเกิดเรื่องที่พ่อเลี้ยงผมเขารถชน ผมเองก็ไม่ได้ไปงานศพเขาครับพอดีรีเซ็ตมือถือตั้งค่าโรงงานเพราะมันร่วนแล้วเปลี่ยนเบอร์โทรมีน้องชายคนเดียวที่รู้เบอร์ แต่ไลน์เก่าหายน้องส่งไลน์มาบอกว่าพ่อเลี้ยงเสียแล้วนะผมเลยไม่รู้ ญาติโทรมาหาเเต่โทรมาเบอร์เก่าผม เลยโทรไม่ติด(ก็อย่างที่บอกข้างต้นว่าเพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่ายผมไม่ควรหมกเม็ดความรู้สึก)ซึ่งถึงผมรู้ก็ไม่รู้ว่าผมจะไปไหม พอเผาศพเสร็จน้องโทรมาบอกว่าพ่อเลี้ยงใส่ชื่อคนได้เงินประกันชีวิตของเขาถ้าเขาตาย มี

1.แม่ 50%
2.น้องชายผม 25%
3.ผม 25%
จากเงิน 500,000 บาท
ผมคิด ผมควรไปรับไหม คือผมไม่ควรได้เงินตรงนี้เลยครับ ก็ไม่รู้ทำไมแกใส่ชื่อผมไปด้วยคาดไม่ถึงจริงๆ ตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูกตั้งแต่แม่ป่วยผมไม่เคยไปเยี่ยมเลยพี่สาวไปเยี่ยมพี่สาวเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ดูแลแม่ส่งเงินให้ไม่ขาดตอนนี้พี่ทำงานอยูต่างประเทศครับนานๆมาทีแต่ไม่เคยมาหาผมนะน้องไปเยี่ยมแต่ผมไม่เคย
ใจคิดอยู่3อย่างครับ

1.ไปเดินเรื่องเอาเงินมาแล้วให้แม่ไปให้หมดเเล้วก็มาใช้ชีวิตเหมือนเดิมปกติ
2.เอาเงินมาแล้วปิดหนี้ผ่อนรถกับอย่างอื่นที่มีอยู่ให้หมดจากนั้นก็ไม่มีภาระอะไรแล้วนอกจากค่าเช่าบ้านแล้วช่วยพี่สาวกับน้องชายกับผม3คนส่งให้แม่เป็นรายเดือน(มีญาติช่วยดูแลแม่ที่นู้นครับ)เพราะตอนนี้ไม่มีเงินเดือนจากพ่อเลี้ยงแล้วส่วนเงินของแม่ให้แม่เก็บไว้ยามจำเป็นจริงๆเท่านั้น
3.หายตัวไปเหมือนเดิม ไม่รับรู้ ไม่ไปเดินเรื่องเอาเงินส่วนที่เป็นชื่อเราปล่อยไว้อย่างนั้น
  
เอาไงดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
แม่ป่วยจนเดินไม่ได้ พ่อเลี้ยงเป็นคนดูแลเลี้ยงดูแม่ เมื่อพ่อเลี้ยงเสียไปแล้วใครจะเป็นคนดูแลแม่ต่อ

สถานการณ์แบบนี้ลูกๆไม่ควรรับเงินก้อนนี้มาใช้จ่ายส่วนตัว โดยเฉพาะลูกที่ไม่เคยตอบแทนบุญคุณของแม่ที่ได้เลี้ยงดูมา

เงิน 500,000 เป็นจำนวนไม่มากสำหรับการเลี้ยงดูและรักษาแม่ เมื่อหักค่าใช้จ่ายงานศพและหนี้สินต่างๆของแม่แล้วไม่รู้ว่าจะเหลือสักเท่าไร ระยะยาวคงไม่พอ ควรยกให้เป็นเงินของแม่ไปทั้งหมด

นอกจากนี้ควรจัดการเรื่องการให้มีคนมาดูแลแม่ที่ป่วยอยู่ และลูกๆควรส่งเงินสมทบให้กับท่านทุกๆเดือนต่อเนื่องไป
ความคิดเห็นที่ 3
ในเมื่อมีงานทำเลี้ยงตัวเองได้สบายๆ เงิน 120,000 แบ่งเป็น 20,000 เก็บไว้ ที่เหลือให้แม่ไปแสนนึง แบบนี้ก็โอเค เพราะแม่ไม่มีรายได้และยังป่วยอีก อย่างน้อยเอาเงินช่วยดูแลแม่ก็ยังดี ส่วนเรื่องในอดีตปล่อยให้เป็นอดีตไป เพราะส่วนนึงก็คือทำตัวเองด้วยก็ต้องยอมรับตรงนี้

ในเมื่อวันนี้คิดได้แล้ว มีงานทำแล้ว อีกสิ่งที่ควรจะเปลี่ยนคือ “ทัศนคติ” ถ้ายังยึดติดอะไรกับเดิมๆ ก็ไม่มีวันที่จะมีความสุขได้อย่างแท้จริง อ่านจากที่พิมพ์มามีแต่ความ negative เต็มไปหมด แต่เข้าใจนะ... เข้าใจแบบเข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น แต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ยิ่งดี คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าจากสามทางเลือก  ถ้าคุณมีศาสนานับถือพุทธก็ควรรับเป็นเจตนาของผู้เสียชีวิตให้หมดห่วง  ถ้าไม่นับถือก็ปล่อยไปก็ได้

ข้อแรกถ้าคุณยังห่วงแม่คุณลึกๆ  ตัดทิ้งไป  ญาติดูดหมดแน่

มาเลือกข้อสองที่คุณมาใช้หนี้และส่งรายเดือนแทน
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาชีวิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่