คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
บ้านแม่ผมก็เป็นครับ อยู่ในสวนติดน้ำ พวกเครื่องหนัง รองเท้า ตู้ที่เป็นปาติเคิล ราขึ้นหมดครับ
สารดูดความชื้นนี่ไม่ได้ผลครับ เหมือนเอากระดาษทิชชู่ไปจุ่มน้ำอ่ะครับ แปปเดียวก็เต็มแล้ว ต้องเอามาตากแดดอีก ขนาดผมซื้อมาเป็นแพคใหญ่เลยนะ มันเหมาะกับพื้นที่ปิดสนิทแล้วไม่ชื้นมาก
พวกเฟอร์นิเจอร์นี่ใช้น้ำยากันความชื้นทา แกลลอนละ 700 กว่าบาทของ TOA ทาแล้วตู้มันจะกันน้ำได้ อันนี้ช่วยได้
พวกเครื่องหนัง รองเท้า ต้องหมั่นเอาออกมาใช้บ้าง ไม่งั้นอย่างไงก็ขึ้นครับ ความชื้นปกติประมาณ 80% เวลาไปใช้ห้องก็เข้าไปเปิดแอร์บ้าง ความชื้นเหลือ 40% แต่ถ้าปิดแอร์เปิดหน้าต่าง มันก็กลับมา 80% ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมงครับ
ส่วนเครื่องดูดความชื้นเคยคิดจะซื้อเหมือนกัน ระบบควบแน่น ประมาณ 5-6 พันบาท แต่ต้องเอามาเทน้ำทุกวัน กินไฟประมาณ 180 วัต ถ้าปิดเครื่องแล้วเปิดหน้าต่างก็ชื้นเหมือนเดิม คิดแล้วว่าคงไม่ค่อยเวิร์คเท่าไร หลัง ๆ เลยเปลี่ยนของในห้องให้เป็นพลาสติกให้หมดครับ
สารดูดความชื้นนี่ไม่ได้ผลครับ เหมือนเอากระดาษทิชชู่ไปจุ่มน้ำอ่ะครับ แปปเดียวก็เต็มแล้ว ต้องเอามาตากแดดอีก ขนาดผมซื้อมาเป็นแพคใหญ่เลยนะ มันเหมาะกับพื้นที่ปิดสนิทแล้วไม่ชื้นมาก
พวกเฟอร์นิเจอร์นี่ใช้น้ำยากันความชื้นทา แกลลอนละ 700 กว่าบาทของ TOA ทาแล้วตู้มันจะกันน้ำได้ อันนี้ช่วยได้
พวกเครื่องหนัง รองเท้า ต้องหมั่นเอาออกมาใช้บ้าง ไม่งั้นอย่างไงก็ขึ้นครับ ความชื้นปกติประมาณ 80% เวลาไปใช้ห้องก็เข้าไปเปิดแอร์บ้าง ความชื้นเหลือ 40% แต่ถ้าปิดแอร์เปิดหน้าต่าง มันก็กลับมา 80% ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมงครับ
ส่วนเครื่องดูดความชื้นเคยคิดจะซื้อเหมือนกัน ระบบควบแน่น ประมาณ 5-6 พันบาท แต่ต้องเอามาเทน้ำทุกวัน กินไฟประมาณ 180 วัต ถ้าปิดเครื่องแล้วเปิดหน้าต่างก็ชื้นเหมือนเดิม คิดแล้วว่าคงไม่ค่อยเวิร์คเท่าไร หลัง ๆ เลยเปลี่ยนของในห้องให้เป็นพลาสติกให้หมดครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากปรึกษาผู้มีประสบการณ์เรื่องเครื่องดูดความชื้นครับ
ขอบคุณครับ