TicWatch ชื่อนี้หลายๆคนน่าจะพอคุ้นเคยกันดีครับเพราะว่าเป็น Smartwatch ที่เราเคยรีวิวกันไปก่อนหน้านั้นเป็นรุ่นแรกๆที่ออมาแบบจัดเต็ม และในครั้งนี้เป็นรุ่นใหม่ Ticwatch Pro 4G /LTE ที่ต่อยอดปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ฟีเจอร์ครับ ซึ่งจุดเด่นหลักๆของมันในครั้งนี้คือการใส่ 4G/LTE เข้ามาในการใช้งานรองรับ eSIM และรองรับในไทยด้วย ! พร้อมกับปรับปรุงการใช้งานทั้งเรื่องวัสดุกระจกที่ดีขึ้น การกันน้ำที่ดีขึ้น หรือจะเป็น น้ำหนักที่ดีเบากว่าเดิม และยังมาพร้อม MIL-STD810G ด้วยที่เด่นกว่ารุ่นเดิม อีกทั้งทางด้านสเปคนั้นให้ RAM 1GB มาแล้วมากกว่าเดิมเท่านึงเลยครับ แต่พวก CPU ยังคงใช้งานตัวเดิมและงานออกแบบอะไรทั้งหลายยังมีส่วนคล้ายกับของเดิมเยอะพอสมควรเลยครับครั้งนี้
ทางด้าน TICWATCH PRO 4G LTE นั้นมาพร้อมกับ หน้าจอทรงกลม OLED ขนาด 1.39 นิ้วและมีหน้าจอที่ 2 มาวางซ้อนทับคือขาวดำทำให้ใช้งานประหยัดไฟมากกว่าเดิมเป็นเทคโนโลยีที่ว้าวเอาเรื่อง ทำให้ประหยัดแบตมากๆเป็น 30 วันได้เลยและมองกลางแจ้งชัดเจน ส่วนทางด้านฟีเจอร์ก็มาครบๆทั้ง นับก้าว วัดชีพจร ทั้งหลาย ที่ใช้งานแบบขาวดำได้ ส่วนหน้าจอสีก็ใช้งานจัดเต็มแบบครบๆมาพร้อมกับ Wear OS และรุ่นนี้รองรับการใช้งาน eSIM ตอนนี้ในไทยใช้ได้แล้วกับ AIS ครับ รวมถึงสามารถ รับสาย โทรเข้าออก แทรคต่างๆได้โดยไม่ต้องพกมือถือเลยนั้นเองครับ และ แชร์ตำแหน่ง SOS อะไรด้วย แน่นอนว่าทางด้านการกันน้ำเป็น IP68 เหมือนเดิมแต่ตีบวก การใส่วายน้ำได้ดีขึ้นและรองรับ MILSTD810G ทำให้กันพวก ทราย ความชื้น ไอเกลือจากทะเลได้ด้วยดีกว่าเดิมเยอะครับ แล้วทางด้านวัสดุในภาพรวมนั้นดีขึ้นใช้กระจกหน้าจอดีกว่าเดิมเป็นตัว Gorilla Glass 3 และ วัสดุเบาขึ้นด้วย แต่งานออกแบบนั้นเหมือนเดิมแต่เป็นสีดำครับ รวมถึงเสียดายว่าทาง CPU นั้นยังคงเหมือนรุ่นก่อนคือ Snapdragon 2100 นั้นเอง ที่แอบเก่าไปหน่อยและมีรุ่น 3100 มาแล้วครับก็น่าเสียดายในเรื่องของ CPU ตัวนี้
ทางด้านราคา TICWATCH PRO 4G LTE เปิดราคามาที่ 11,900 บาท
UNBOX
สำหรับตัวกล่องตัวนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรครับมาพร้อมสีดำเป็นหลัก เขียนแจ้งฟีเจอร์จุดเด่น ส่วนในตัวอุปกรณ์ก็มีมาให้ใช้งานแบบพอดีครับเหมือนที่ให้มากับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดและตัวแท่นชาร์จเหมือนจะใช้งานตัวเดียวกันได้เลยครับ ทางด้านกล่องจะเป็นธีมสีดำทั้งหมดเมื่อเปิดเข้ามาข้างในก็จะเป็นลวดลายและมีตัวนาฬิกาวางไว้อยู่ครับ
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง TICWATCH PRO 4G
- ตัวเรือน Ticwatch Pro สีดำ
- พร้อมสายซิลิโคนสีดำ
- แท่นชาร์จ
- คู่มือ
DESIGN
ในเรื่องของการออกแบบเป็นจุดที่ทำได้ดูแน่นหนาแข็งแรงสวยหรูเช่นเดิม งานออกแบบนั้นไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าเท่าไรครับ จะมีในเรื่องของสีและน้ำหนักที่เบาขึ้น ตัวขนาดและน้ำหนัก ก็มีน้ำหนักพอสมควรเหมาะกับผู้ชายมากกว่าครับ ตัวเรือนมีมา 1สีคือ ดำ แบบปัดเงานิดหน่อยดูดีเลยแหละเก็บงานได้คมสวยครับ และส่วนฐานสีดำทำมาจาก คาร์บอนไฟเบอร์ผิวด้านครับซึ่งทำให้มันน้ำหนักเบา หน้าตาโดยรวมแอดมินชอบนะดูไม่หรูเกินไปและยังพอใส่ออกกำลังได้ครับการออกแบบ แบบนี้ใส่ได้หลายสถานการณ์และยังออกกำลังหายได้ดีด้วยในการแทรค
ดีไซน์โดยรวมถือว่าทำได้ดีครับ หน้าปัดตัว ขนาด 1.39 ความละเอียด 400*400 และ จอที่ 2เป็น LCD FSTN อยู่ด้านบนสุด จอนี้จะเป็นขาวดำ และประหยัดแบตมากๆครับ สู้แสงได้ดีมาก เน้นใส่ออกกำลัง แถมแบตจะอึดถึง 30 วันถ้าใช้แต่โหมดนี้นะครับส่วนหน้าจอในภาพจะเป็น Always On มันจะปรับเป็นขาวดำและติดตลอดเวลาได้ ดีไซน์โดยรวมอะไรนั้นทำได้ดีเลยแหละ ส่วนด้านหลังก็ป็นสีดำด้านพร้อม เซนเซอร์ต่างๆในการจับชีพจร ที่ชาร์จอะไรพวกนี้ครับ รูปทรงอะไรทำได้ดูดีและสวยมีความแน่นหนาและออกไปทางแมนๆหน่อยครับ และด้วยขนาดของมันด้วยเช่นกัน
หน้าปัดตัวนี้มีความเจ๋งอยู่ที่ มันมีจอ 2 พาแนลซ้อนกันอยู่ครับ จอหลักคือ AMOLED ขนาด 1.39 ความละเอียด 400*400 และ จอที่ 2เป็น LCD FSTN อยู่ด้านบนสุด จอนี้จะเป็นขาวดำ และประหยัดแบตมากๆครับ สู้แสงได้ดีมาก ด้านหลังกันบ้างด้านฐานนาฬิกาตัวนี้ เป็นวัสดุแบบสีดำด้านครับพร้อมกับวัสดุที่มีความแข็งแรงพอสมควร จะเป็นที่อยู่ของตัววัดชีพจรตรงกลาง รอบๆเขียนบอกสเปค การกันน้ำและแถบแม่เหล็กไว้สำหรับชาร์จไฟเข้านะครับยังไม่มีชาร์จไร้สายมาให้ ส่วนของการแกะนั้นต้องใช้น็อตทั้ง 4 มุมครับ ทั้งฝาหลังขึ้นรูปชิ้นเดียวกันหมด ความแข็งแรงไว้ใจได้เลย ลำโพงนั้นซ่อนอยู่ในส่วนล่างของส่วนฐานด้านหลังครับจะยิ่งออกมาตรงๆเวลาเราใส่ เรื่องของความดังในการคุยก็พอได้ยินครับจะอยู่ตรงขอบข้างล่างตรงสัญลักษณ์ CE นั้นเอง
ด้านข้างขวาตัวนี้มีปุ่มควบคุมหลักๆมา 2 ปุ่มครับ และ เป็นรูไมค์อยู่ตรงกลาง บอดี้เป็น คาร์บอนไฟเบอร์นะครับ และเป็นอลูมิเนียมประกบบนล่างเพิ่มความแข็งแรง ด้านซ้ายตัวเรือนไม่มีอะไรเลยครับเรียบๆ เมื่อดูแบบนี้จะเห็นว่ามีความหนาพอสมควรครับสำหรับ Ticwatch หนากว่า Moto 360 ที่แอดมินใช้งานแบบรู้สึกได้เลยแต่ที่แปลกคือน้ำหนักแทบไม่ต่างกันครับ น้ำหนักนั้นถือว่าเบากว่าเดิมนิดหน่อยพอรู้สึกได้ครับเมื่อเทียบกับรุ่น Pro รุ่นก่อนหน้านั้น
ตัวข้อต่อสายทั้งหน้าและหลังทำมาพอดีกับตัวสายครับ จะเห็นว่าตัวสายมีสลักพิเศษทำให้เปลี่ยนสายได้ง่ายขึ้นมาแน่นอนว่า สลักแบบนี้ ทำให้เราเปลี่ยนสายได้ไวขึ้นและสะดวกขึ้นมากครับเพื่อที่จะเปลี่ยนสายอื่นๆได้ หรือจะเป็นสายขนาดมาตรฐานก็สามารถเปลี่ยนได้เหมือนนาฬิกาทั่วไปเลยโดยตัวนี้จะใช้สายขนาด 22 มม. นะครับในการเปลี่ยน
มาดูกันที่ตัวสายกันบ้างตัวนี้เป็นสายแบบ Silicone มีลวดลายขีดๆนิดหน่อย ล้วนแล้วจากที่รุ่นก่อนจะเป็นหนังผสม Silicone แต่ครั้งนี้เปลี่ยนมาเป็นแบบล้วนแล้วแน่นอนว่าเน้นใช้งานใส่ออกกำลังกายอะไรได้ดีขึ้นแน่นอน วัสดุอะไรทำได้นิ่มสัมผัสกับผิวหนังจะเป็น ซิลิโคนที่ช่วยระบายความร้อน กันเหงื่อได้ดีและ ทนต่อความชื้นได้อีก และมีความนุ่มและคงตัวได้ดีครับไม่ได้แข็งมากเกินไป ส่วนตัวสายมีล็อคมาให้หลายระยะข้อมือใหญ่เล็กใสได้หมดครับ สำหรับตัวสายคล้องเก็บบปลายสายมีมาให้ 2 อันปกติสามารถล็อคไว้ตำแหน่งใกล้ตัวล็อคได้ครับ ตัวสายใส่สบายไม่มีปัญหา
SPEC
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 400 x 400 + หน้าจอ 1.39 นิ้วแบบ FSTN
- Corning® Gorilla® Glass 3
- CPU Snapdragon Wear 2100
- RAM 1GB (มากกว่ารุ่นเดิมเท่านึง)
- ความจุ 4GB
- GPS AGPS + GLONASS + Beidou
- รองรับ NFC, Google Pay ,
- 4G/LTE และ BT v4.2+ BLE, WiFi IEEE 802.11 b/g/n
- เซนเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Magnetic Sensor, PPG Heart Rate sensor, Ambient Light Sensor, Low Latency Off-Body Sensor , e-compass
- วัสดุ Polyamide & glass fiber, stainless-steel bezel, aluminum back cover
- แบตเตอรี่ 415 mAh
- มาตรฐานกันน้ำ IP68 เพิ่มการรองรับสามารถใส่ว่ายน้ำได้ จากรุ่นเดิม
- ได้มาตรฐาน MIL STD810G
- eSIM รองรับในไทยเรียบร้อย AIS เป็นเจ้าแรก
- น้ำหนักเบาขึ้นจากรุ่นเดิม 47.4g
SOFTWARE
ทางด้าน Software นั้นมีให้โหลด 2 อย่างที่จำเป็นต้องใช้คือ Mobvoi Ticwatch และ Wear OS ครับผมเราก็ต้องหาโหลดมาไว้ก่อนในตัวเครื่องแล้วก็ทำการเชื่อมต่อตามขึ้นตอนครับ โดยแอป Wear OS จะทำหน้าที่เชื่อมต่อจัดการต่างๆให้กับนาฬิกา ส่วนตัว Mobvoi Ticwatch จะเป็นดูส่วนข้อมูลรายละเอียดดาต้าจากการใช้งานทั้งหลาย ควรจะโหลดไว้ทั้ง 2 ก่อนจะเชื่อมครั้งแรกครับเพราะมันจะโยงไปแอป Wear OS ก่อนในการเชื่อมครั้งแรกนั้นเอง จากนั้นก็กดยืนยันและใช้งานได้เลยครับ มันก็จะเชื่อมต่อและรอมันซิงค์อะไรกันเสร็จใช้เวลาไม่นานครับ 1-2 นาที
Wear OS จากทาง Google จะจัดการหน้าตา WatchFace ต่างๆแจ้งเตือนตั้งค่า และ ดูแบต แคปหน้าจอนาฬิกาอะไรพวกนี้ครับซึ่งตัวแอปนี้จะสามารถเชื่อมต่อกับนาฬิกาได้หลากหลายเรือนถ้าเป็นระบบ Wear OS ได้ทั้งหมดเลย และในหน้าหลักเราจะเห็นในส่วนของการตั้งค่า เสริมทั้งตัว Google และ ตัวแจ้งเตือนรวมถึงตัว TILES ด้วยครับ
ในส่วนของ TILES นั้นต้องบอกว่าเป็นฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาในรุ่นนี้ซึ่งตัวก่อนยังไม่เห็นนะครับ จะเป็นเหมือนหน้าปัดเฉพาะของแบรนด์นี้และเราสามารถใช้งานโดยการเลื่อนปัดไปได้จะคนละส่วนกับ หน้าตานาฬิกาครับเป็นเหมือนโซนอีกโซนในการใช้งานจะเน้นไปทางออกกำลัง สภาพอากาศและแสดงข้อมูลในการออกกำลังเป็นหลักเลย เน้นๆมากขึ้น
การตั้งค่านั้นก็เลือกได้ว่าซิงค์อะไรบ้าง แจ้งเตือนยังไง เปิดหน้าจอตลอดเวลาไหม เอียงเพื่อปลุกหน้าจอต่างๆครับและสามารถดูได้ว่าสามารถทำอะไรได้บ้างในตัว Wear OS ทั้งเรื่องของการส่งข้อความ ตั้งเวลา ปลุก คำสั่งเสียง
MOBVOI Ticwatch จะเป็นแอปที่เราจะสามารถดูข้อมูลครับ อย่างที่แจ้งไปว่ารุ่นนี้จะใช้งานทั้งหมด 2 แอปครับจะบอกอุปกรณ์ที่เราต่อ บอกรายละเอียดการวิ่งเดินนับก้าว แคล ระยะทาง อะไรทั้งหลายที่นาฬิกาเก็บข้อมูลออกมาได้ครับซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้พอสมควรเลยแหละ แต่ต้องบอกว่าหน้าตาการแจ้งเตือนหรือในภาพรวมแอปนั้นไม่ค่อยอัปเดตให้ใช้งานง่ายกว่าเดิมเท่าไรนัก และ การแสดงข้อมูลอะไรพวกนี้ยังคงเป็นแบบเดียวกับที่เราเคยรีวิว Ticwatch Pro รุ่นก่อนไปไม่มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ครับ พวกข้อมูลอะไรยังไม่ละเอียด และการจับตอนนอนก็ไม่ได้ใส่เข้ามาให้ครับต้องโหลดเพิ่มหรือใช้ของ Google Fit แทน แอบน่าเสียดายในส่วนของ UI อะไรของแอปนี้
[SR] รีวิว TICWATCH PRO 4G /LTE รองรับ ESIM ไมค์ ลำโพงในตัว พร้อม WEAR OS !
TicWatch ชื่อนี้หลายๆคนน่าจะพอคุ้นเคยกันดีครับเพราะว่าเป็น Smartwatch ที่เราเคยรีวิวกันไปก่อนหน้านั้นเป็นรุ่นแรกๆที่ออมาแบบจัดเต็ม และในครั้งนี้เป็นรุ่นใหม่ Ticwatch Pro 4G /LTE ที่ต่อยอดปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ฟีเจอร์ครับ ซึ่งจุดเด่นหลักๆของมันในครั้งนี้คือการใส่ 4G/LTE เข้ามาในการใช้งานรองรับ eSIM และรองรับในไทยด้วย ! พร้อมกับปรับปรุงการใช้งานทั้งเรื่องวัสดุกระจกที่ดีขึ้น การกันน้ำที่ดีขึ้น หรือจะเป็น น้ำหนักที่ดีเบากว่าเดิม และยังมาพร้อม MIL-STD810G ด้วยที่เด่นกว่ารุ่นเดิม อีกทั้งทางด้านสเปคนั้นให้ RAM 1GB มาแล้วมากกว่าเดิมเท่านึงเลยครับ แต่พวก CPU ยังคงใช้งานตัวเดิมและงานออกแบบอะไรทั้งหลายยังมีส่วนคล้ายกับของเดิมเยอะพอสมควรเลยครับครั้งนี้
ทางด้าน TICWATCH PRO 4G LTE นั้นมาพร้อมกับ หน้าจอทรงกลม OLED ขนาด 1.39 นิ้วและมีหน้าจอที่ 2 มาวางซ้อนทับคือขาวดำทำให้ใช้งานประหยัดไฟมากกว่าเดิมเป็นเทคโนโลยีที่ว้าวเอาเรื่อง ทำให้ประหยัดแบตมากๆเป็น 30 วันได้เลยและมองกลางแจ้งชัดเจน ส่วนทางด้านฟีเจอร์ก็มาครบๆทั้ง นับก้าว วัดชีพจร ทั้งหลาย ที่ใช้งานแบบขาวดำได้ ส่วนหน้าจอสีก็ใช้งานจัดเต็มแบบครบๆมาพร้อมกับ Wear OS และรุ่นนี้รองรับการใช้งาน eSIM ตอนนี้ในไทยใช้ได้แล้วกับ AIS ครับ รวมถึงสามารถ รับสาย โทรเข้าออก แทรคต่างๆได้โดยไม่ต้องพกมือถือเลยนั้นเองครับ และ แชร์ตำแหน่ง SOS อะไรด้วย แน่นอนว่าทางด้านการกันน้ำเป็น IP68 เหมือนเดิมแต่ตีบวก การใส่วายน้ำได้ดีขึ้นและรองรับ MILSTD810G ทำให้กันพวก ทราย ความชื้น ไอเกลือจากทะเลได้ด้วยดีกว่าเดิมเยอะครับ แล้วทางด้านวัสดุในภาพรวมนั้นดีขึ้นใช้กระจกหน้าจอดีกว่าเดิมเป็นตัว Gorilla Glass 3 และ วัสดุเบาขึ้นด้วย แต่งานออกแบบนั้นเหมือนเดิมแต่เป็นสีดำครับ รวมถึงเสียดายว่าทาง CPU นั้นยังคงเหมือนรุ่นก่อนคือ Snapdragon 2100 นั้นเอง ที่แอบเก่าไปหน่อยและมีรุ่น 3100 มาแล้วครับก็น่าเสียดายในเรื่องของ CPU ตัวนี้
ทางด้านราคา TICWATCH PRO 4G LTE เปิดราคามาที่ 11,900 บาท
UNBOX
สำหรับตัวกล่องตัวนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรครับมาพร้อมสีดำเป็นหลัก เขียนแจ้งฟีเจอร์จุดเด่น ส่วนในตัวอุปกรณ์ก็มีมาให้ใช้งานแบบพอดีครับเหมือนที่ให้มากับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดและตัวแท่นชาร์จเหมือนจะใช้งานตัวเดียวกันได้เลยครับ ทางด้านกล่องจะเป็นธีมสีดำทั้งหมดเมื่อเปิดเข้ามาข้างในก็จะเป็นลวดลายและมีตัวนาฬิกาวางไว้อยู่ครับ
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง TICWATCH PRO 4G
- ตัวเรือน Ticwatch Pro สีดำ
- พร้อมสายซิลิโคนสีดำ
- แท่นชาร์จ
- คู่มือ
DESIGN
ในเรื่องของการออกแบบเป็นจุดที่ทำได้ดูแน่นหนาแข็งแรงสวยหรูเช่นเดิม งานออกแบบนั้นไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าเท่าไรครับ จะมีในเรื่องของสีและน้ำหนักที่เบาขึ้น ตัวขนาดและน้ำหนัก ก็มีน้ำหนักพอสมควรเหมาะกับผู้ชายมากกว่าครับ ตัวเรือนมีมา 1สีคือ ดำ แบบปัดเงานิดหน่อยดูดีเลยแหละเก็บงานได้คมสวยครับ และส่วนฐานสีดำทำมาจาก คาร์บอนไฟเบอร์ผิวด้านครับซึ่งทำให้มันน้ำหนักเบา หน้าตาโดยรวมแอดมินชอบนะดูไม่หรูเกินไปและยังพอใส่ออกกำลังได้ครับการออกแบบ แบบนี้ใส่ได้หลายสถานการณ์และยังออกกำลังหายได้ดีด้วยในการแทรค
ดีไซน์โดยรวมถือว่าทำได้ดีครับ หน้าปัดตัว ขนาด 1.39 ความละเอียด 400*400 และ จอที่ 2เป็น LCD FSTN อยู่ด้านบนสุด จอนี้จะเป็นขาวดำ และประหยัดแบตมากๆครับ สู้แสงได้ดีมาก เน้นใส่ออกกำลัง แถมแบตจะอึดถึง 30 วันถ้าใช้แต่โหมดนี้นะครับส่วนหน้าจอในภาพจะเป็น Always On มันจะปรับเป็นขาวดำและติดตลอดเวลาได้ ดีไซน์โดยรวมอะไรนั้นทำได้ดีเลยแหละ ส่วนด้านหลังก็ป็นสีดำด้านพร้อม เซนเซอร์ต่างๆในการจับชีพจร ที่ชาร์จอะไรพวกนี้ครับ รูปทรงอะไรทำได้ดูดีและสวยมีความแน่นหนาและออกไปทางแมนๆหน่อยครับ และด้วยขนาดของมันด้วยเช่นกัน
หน้าปัดตัวนี้มีความเจ๋งอยู่ที่ มันมีจอ 2 พาแนลซ้อนกันอยู่ครับ จอหลักคือ AMOLED ขนาด 1.39 ความละเอียด 400*400 และ จอที่ 2เป็น LCD FSTN อยู่ด้านบนสุด จอนี้จะเป็นขาวดำ และประหยัดแบตมากๆครับ สู้แสงได้ดีมาก ด้านหลังกันบ้างด้านฐานนาฬิกาตัวนี้ เป็นวัสดุแบบสีดำด้านครับพร้อมกับวัสดุที่มีความแข็งแรงพอสมควร จะเป็นที่อยู่ของตัววัดชีพจรตรงกลาง รอบๆเขียนบอกสเปค การกันน้ำและแถบแม่เหล็กไว้สำหรับชาร์จไฟเข้านะครับยังไม่มีชาร์จไร้สายมาให้ ส่วนของการแกะนั้นต้องใช้น็อตทั้ง 4 มุมครับ ทั้งฝาหลังขึ้นรูปชิ้นเดียวกันหมด ความแข็งแรงไว้ใจได้เลย ลำโพงนั้นซ่อนอยู่ในส่วนล่างของส่วนฐานด้านหลังครับจะยิ่งออกมาตรงๆเวลาเราใส่ เรื่องของความดังในการคุยก็พอได้ยินครับจะอยู่ตรงขอบข้างล่างตรงสัญลักษณ์ CE นั้นเอง
ด้านข้างขวาตัวนี้มีปุ่มควบคุมหลักๆมา 2 ปุ่มครับ และ เป็นรูไมค์อยู่ตรงกลาง บอดี้เป็น คาร์บอนไฟเบอร์นะครับ และเป็นอลูมิเนียมประกบบนล่างเพิ่มความแข็งแรง ด้านซ้ายตัวเรือนไม่มีอะไรเลยครับเรียบๆ เมื่อดูแบบนี้จะเห็นว่ามีความหนาพอสมควรครับสำหรับ Ticwatch หนากว่า Moto 360 ที่แอดมินใช้งานแบบรู้สึกได้เลยแต่ที่แปลกคือน้ำหนักแทบไม่ต่างกันครับ น้ำหนักนั้นถือว่าเบากว่าเดิมนิดหน่อยพอรู้สึกได้ครับเมื่อเทียบกับรุ่น Pro รุ่นก่อนหน้านั้น
ตัวข้อต่อสายทั้งหน้าและหลังทำมาพอดีกับตัวสายครับ จะเห็นว่าตัวสายมีสลักพิเศษทำให้เปลี่ยนสายได้ง่ายขึ้นมาแน่นอนว่า สลักแบบนี้ ทำให้เราเปลี่ยนสายได้ไวขึ้นและสะดวกขึ้นมากครับเพื่อที่จะเปลี่ยนสายอื่นๆได้ หรือจะเป็นสายขนาดมาตรฐานก็สามารถเปลี่ยนได้เหมือนนาฬิกาทั่วไปเลยโดยตัวนี้จะใช้สายขนาด 22 มม. นะครับในการเปลี่ยน
มาดูกันที่ตัวสายกันบ้างตัวนี้เป็นสายแบบ Silicone มีลวดลายขีดๆนิดหน่อย ล้วนแล้วจากที่รุ่นก่อนจะเป็นหนังผสม Silicone แต่ครั้งนี้เปลี่ยนมาเป็นแบบล้วนแล้วแน่นอนว่าเน้นใช้งานใส่ออกกำลังกายอะไรได้ดีขึ้นแน่นอน วัสดุอะไรทำได้นิ่มสัมผัสกับผิวหนังจะเป็น ซิลิโคนที่ช่วยระบายความร้อน กันเหงื่อได้ดีและ ทนต่อความชื้นได้อีก และมีความนุ่มและคงตัวได้ดีครับไม่ได้แข็งมากเกินไป ส่วนตัวสายมีล็อคมาให้หลายระยะข้อมือใหญ่เล็กใสได้หมดครับ สำหรับตัวสายคล้องเก็บบปลายสายมีมาให้ 2 อันปกติสามารถล็อคไว้ตำแหน่งใกล้ตัวล็อคได้ครับ ตัวสายใส่สบายไม่มีปัญหา
SPEC
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 400 x 400 + หน้าจอ 1.39 นิ้วแบบ FSTN
- Corning® Gorilla® Glass 3
- CPU Snapdragon Wear 2100
- RAM 1GB (มากกว่ารุ่นเดิมเท่านึง)
- ความจุ 4GB
- GPS AGPS + GLONASS + Beidou
- รองรับ NFC, Google Pay ,
- 4G/LTE และ BT v4.2+ BLE, WiFi IEEE 802.11 b/g/n
- เซนเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Magnetic Sensor, PPG Heart Rate sensor, Ambient Light Sensor, Low Latency Off-Body Sensor , e-compass
- วัสดุ Polyamide & glass fiber, stainless-steel bezel, aluminum back cover
- แบตเตอรี่ 415 mAh
- มาตรฐานกันน้ำ IP68 เพิ่มการรองรับสามารถใส่ว่ายน้ำได้ จากรุ่นเดิม
- ได้มาตรฐาน MIL STD810G
- eSIM รองรับในไทยเรียบร้อย AIS เป็นเจ้าแรก
- น้ำหนักเบาขึ้นจากรุ่นเดิม 47.4g
SOFTWARE
ทางด้าน Software นั้นมีให้โหลด 2 อย่างที่จำเป็นต้องใช้คือ Mobvoi Ticwatch และ Wear OS ครับผมเราก็ต้องหาโหลดมาไว้ก่อนในตัวเครื่องแล้วก็ทำการเชื่อมต่อตามขึ้นตอนครับ โดยแอป Wear OS จะทำหน้าที่เชื่อมต่อจัดการต่างๆให้กับนาฬิกา ส่วนตัว Mobvoi Ticwatch จะเป็นดูส่วนข้อมูลรายละเอียดดาต้าจากการใช้งานทั้งหลาย ควรจะโหลดไว้ทั้ง 2 ก่อนจะเชื่อมครั้งแรกครับเพราะมันจะโยงไปแอป Wear OS ก่อนในการเชื่อมครั้งแรกนั้นเอง จากนั้นก็กดยืนยันและใช้งานได้เลยครับ มันก็จะเชื่อมต่อและรอมันซิงค์อะไรกันเสร็จใช้เวลาไม่นานครับ 1-2 นาที
Wear OS จากทาง Google จะจัดการหน้าตา WatchFace ต่างๆแจ้งเตือนตั้งค่า และ ดูแบต แคปหน้าจอนาฬิกาอะไรพวกนี้ครับซึ่งตัวแอปนี้จะสามารถเชื่อมต่อกับนาฬิกาได้หลากหลายเรือนถ้าเป็นระบบ Wear OS ได้ทั้งหมดเลย และในหน้าหลักเราจะเห็นในส่วนของการตั้งค่า เสริมทั้งตัว Google และ ตัวแจ้งเตือนรวมถึงตัว TILES ด้วยครับ
ในส่วนของ TILES นั้นต้องบอกว่าเป็นฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาในรุ่นนี้ซึ่งตัวก่อนยังไม่เห็นนะครับ จะเป็นเหมือนหน้าปัดเฉพาะของแบรนด์นี้และเราสามารถใช้งานโดยการเลื่อนปัดไปได้จะคนละส่วนกับ หน้าตานาฬิกาครับเป็นเหมือนโซนอีกโซนในการใช้งานจะเน้นไปทางออกกำลัง สภาพอากาศและแสดงข้อมูลในการออกกำลังเป็นหลักเลย เน้นๆมากขึ้น
การตั้งค่านั้นก็เลือกได้ว่าซิงค์อะไรบ้าง แจ้งเตือนยังไง เปิดหน้าจอตลอดเวลาไหม เอียงเพื่อปลุกหน้าจอต่างๆครับและสามารถดูได้ว่าสามารถทำอะไรได้บ้างในตัว Wear OS ทั้งเรื่องของการส่งข้อความ ตั้งเวลา ปลุก คำสั่งเสียง
MOBVOI Ticwatch จะเป็นแอปที่เราจะสามารถดูข้อมูลครับ อย่างที่แจ้งไปว่ารุ่นนี้จะใช้งานทั้งหมด 2 แอปครับจะบอกอุปกรณ์ที่เราต่อ บอกรายละเอียดการวิ่งเดินนับก้าว แคล ระยะทาง อะไรทั้งหลายที่นาฬิกาเก็บข้อมูลออกมาได้ครับซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้พอสมควรเลยแหละ แต่ต้องบอกว่าหน้าตาการแจ้งเตือนหรือในภาพรวมแอปนั้นไม่ค่อยอัปเดตให้ใช้งานง่ายกว่าเดิมเท่าไรนัก และ การแสดงข้อมูลอะไรพวกนี้ยังคงเป็นแบบเดียวกับที่เราเคยรีวิว Ticwatch Pro รุ่นก่อนไปไม่มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ครับ พวกข้อมูลอะไรยังไม่ละเอียด และการจับตอนนอนก็ไม่ได้ใส่เข้ามาให้ครับต้องโหลดเพิ่มหรือใช้ของ Google Fit แทน แอบน่าเสียดายในส่วนของ UI อะไรของแอปนี้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้