ถ้าขี้เกียจอ่าน อ่านบรรทัด ได้เลยครับ ส่วนถ้าอยากรู้จักตัวผมเพิ่มเติ่ม อ่านต่อได้เลยครับ
********(ถ้าเลยวันที่ 1 Aug 2020ผมคงตัดสินใจไปแล้วไม่ต้องตอบแล้วน้ะครับ)************
จบสายศิลป์มีความสนใจด้านคอมแต่เลือกไม่ถูกว่าจะไปทางไหน เรียนภาษามาสามปี มีสำเร็จมีล้มเหลว ผ่าน N3 แล้ว แข่งขันทางภาษามากมายในฐานะตัวแทนโรงเรียนอนาคตอยากเป็นอาจารย์มหาลัย สอบติด มศว เอกภาษาญี่ปุ่น แต่ยังคงลังเลเพราะก็อยากเรียนคอมเหมือนกัน เรียนคอมมาได้ 1 เดือน ชอบมากได้ทำตั้งแต่งานเล็กๆอย่างหาค่า BMRไปจนถึงงานใหญ่ๆแต่ไม่ยากแย่าง Chatbotที่เขียนโค้ดเองทุกอย่างไม่มีการimportเลยจะกร่อยๆนิดนึง สัมภาษณ์ได้ที่ สถาบันเทคโนไทยญี่ปุ่น คณะ Data science and analytic พร้อมที่จะเริ่มเดินทางสายนี้ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าในอนาคตจะเบื่อไหมหรือจะล้มเหลวแล้วไม่ยอมสู้ต่อไหมต่อไหมแต่ก็อยากลองทำในสิ่งที่อยากทำจบมาอยากทำงานในญี่ปุ่นสายงานไอทียิ่งสถาบันนี้ร่วมมือกับบริษัทญี่ปุ่นยิ่งมีโอกาสมาก แต่ก็ลังเลทั้งสองอันไม่รู้ว่าจะเรียนสายภาษาต่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองอยู่ด้วยมาตลอก3ปีแล้วไปต่ออีก4ปีดี หรือ ย้ายไปคอมที่พึ่งรู้จักกันได้ 1 เดือนแต่มีตวามสนใจมากแต่จะเรียกว่าชอบก็ไม่ได้เพราะพึ่งเจอกันแต่ก็อยากลองกับมันดูสักตั้ง ช่วยตัดสินใจหน่อยครับ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ให้มองเห็นระบบความคิดของผม เชิญอ่านด้านล่างเลยครับ
###Background
ผมเป็นเด็กศิลป์ภาษาญี่ปุ่นครับ
เรียนภาษามาสามปี ชอบภาษาครับ ชอบอ่าน นิยาย วรรณกรรม ของ อังกฤษครับ ภาษาญี่ปุ่นก็ชอบครับ ผ่าน N3ได้ตอน ม.5 เคยไปเรียนญี่ปุ่นสองเดือน เป็นตัวแทนแข่งต่าง ๆ ได้รางวัลด้วยครับ
ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เริ่มเรียนเขียนโปรแกรม python ทำงานเล็กไปถึงงานใหญ่แต่ไม่ได้ยาก อย่าง chatbotฉบับผู้เริ่มต้น
###ปัญหา
ผมควรเลือกเรียน สายภาษาหรือ ไอทีดีครับ
ตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจ:ความคิดสอง รูปแบบ
#####################ความคิดแรกทางด้านภาษา##################
อยากเรียน อักษรศาสตร์ครับ อยากเป็นอาจารย์มหาลัยวิทยาลัย แล้วก็ทำวิจัยวรรรกรรมต่าง ๆ เยอะ ๆ ครับ ผมมั่นใจสายการเรียนนี้เพราะอยู่กับมันมา 3 ปีแล้ว พอขึ้น ม. 6 เทอม 2 ก็ตั้งใจว่า จะ เรียน Balac(อักษรจุฬา อินเตอร์) ภาษาที่สามเป็น ญี่ปุ่น แต่ผมพึ่งมาอยากเข้าก็ตอน ม.6ครับ เลยเตรียมตัวไม่ทัน
SAT ได้ 450(verbal)
IELTS 5.5 ครับ ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ครับ
พอรู้ตัวว่าไม่ติด Balac ก็ตั้งใจว่าจะซิ่วไปสอบปีหน้า แต่ดันติด มนุษย์ศาสตร์ เอก ญี่ปุ่น มศว รอบ สาม ก็เลยคิดว่า จะเรียนรอซิ่วครับ เพื่อไม่ติด Balac อีกรอบ จะได้ยังมีสำรองครับ
สรุป ความคิดแรก
เรียน มศวรอซิ่ว ไป Balac ต่อ Master of Art ที่ญี่ปุ่น แล้วก็ต่อ เอกสักที่ ทำงานวิจัยการศึกษา วรรณกรรม หรือ สังคม เยอะๆ แล้วก็ทำอาชีพ อาจารย์มหาวิทยาลัย
#########################ความคิดสอง สายไอที#####################
อย่างที่กล่าวไปผมพึ่งรู้จักสายโปรแกรมได้แค่ไม่นาน แต่รู้สึกสนใจมาก ตอนทำโปรแกรมต่าง ๆ ขึ้นมารู้สึกสนุกไปกับมันยิ่งโปรเจ็คล่าสุดอย่างแชทบอท ท้าทายมากแต่ก็ผ่านมาได้ครับ สามารถอยู่กับโปรแกรมได้ทั้งวันครับตอนที่แก้ปัญหาไม่ผ่านสักที แต่มันก็เป็นงานที่ติวเตอร์ให้เท่านั้นอ่ะครับ
ด้วยเหตุผลนั้นผมจึงสมัครเรียน Data science and analytic ที่ สถาบันเทคโนไทยญี่ปุ่นครับ ก็สัมภาษณ์ผ่านเรียบร้อยครับ แต่อาจารย์บอกให้เรียนเลขเพิ่มมาเยอะๆ ก็เริ่มเรียนเลขจริงจังในช่วงยังไม่เปิดเรียนครับ ผมคิดว่า ผมสามารถใช้ประโยชน์จากภาษาของผมบวกเข้ากับการเขียนโปรแกรมต่างๆแล้วจะพาตัวผมไปอยู่ในจุดที่ดีได้ อย่างต่างประเทศ
สรุปความคิดที่สอง
เรียน DSA ที่ เทคโนไทยญี่ปุ่น ต่อ ป.โทที่ญี่ปุ่น คณะเกี่ยวกับไอที หรือ Data จบมาหางานที่ญี่ปุ่นสายงานไอทีครับ
#########################ปัญหาที่ตัดสินใจไม่ได้#########################
ผมไม่รู้ว่าควรไปทางไหนดีครับ เพราะผมก็ไม่ได้มั่นใจในตัวเองที่จะเรียนสายไอทีมากนัก ไม่รู้ว่าจะเบื่อไหมไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่าไม่รู้ว่าจะล้มเหลวแล้วมาประสบความสำเร็จได้ไหม ก็เลยลังเลที่จะเลือกสาย ไอทีครับ แต่ผมเชื่อน้ะครับว่าผมจะทำมันได้ถ้าตัดใจเลือกไปแล้ว จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่ครับ
ส่วนภาษา เรื่องเรียนไม่เป็นห่วงครับ ห่วงเรื่องการทำงาน
กลัวว่าจบมาอาชีพอาจารย์มหาลัยจะไปได้ยาก ไหนจะเรื่องเงินเดือนไหนจะเรื่องการเปลี่ยนของสังคมที่คนหันไปเรียน ไอที หรือ วิทย์คณิตมากขึ้นจนไม่มี
คนอยากเรียนภาษากลายเป็นว่าอาจารย์มีเพียงพออยู่แล้ว อีกอย่างคือ มันเหมือนกับว่าผมอยู่ใน comfort zoneตลอดเวลา อยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำได้ไม่ได้ท้าทายชีวิตไม่ได้พัฒนาตัวเองในด้านอื่นๆ อยู่แต่กลับหนังสือก็เลย ลังเลที่จะเลือกภาษาครับ
ด้วยปัญหาทั้งหมดนี้ผมเลยเกิดความคิดว่าเออแล้วถ้าเราไม่ต้องเลือกแต่เดินสองสายไปพร้อมกันเลย เรียนมศวเป็นมหาลัยหลัก แล้วก็เรียนที่ สุโขทัยธรรมาธิราช สาขา วิทยาการคอมพิวเตอร์ เรียนไปคู่กัน อาจจะจบไม่พร้อมกันแต่ก็มีปริญาสองใบทีนี้ก็ค่อยไปตัดสินใจตอนผ.อีกทีว่าจะไปทางไหนอย่างน้องเราก็มีปริญาทั้งสองสาย อันนี้ก็เป็นอีตัวเลือกนึงครับ
ตัวเลือกเพิ่มเติม
-เรียนมศวรอซิ่วไปจุฬา เรียนคอมคู่ไปด้วยปริญญาใบที่สองที่สุโขทัย-
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตัวผม
ด้านภาษา
แข่งขันภาษาญี่ปุ่น คันจิ สุนทรพจน์ เล่นเรื่องจากภาพ เป็นต้น ได้ตั้งแต่ เหรีญทอง เหรีญทองแดง เหรีญเงิน ที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม เข้าร่วม
ผ่านN3 ม.5 สอบ EJU ต่างๆ คะแนนระดับกลางครับ
เคยทำวิจัยวรรณกรรม ภาษาอังกฤษ Notes of a native son by James baldwin
สอบ sat ไปสองรอบ รอบแรกได้ 350(Verbal) รอบสอง ได้ 450(Verbal)
ด้านโปรแกรม
เขียนpythonได้หนึ่งเดือน ทำงานเล็กๆอย่างคิดเงินส่วนลด หา BMR เก็บข้อมูล หาเกรดต่างๆ เคยทำงานใหญ่ๆแต่ไม่ยาก อย่าง Chatbot
ซึ่งโปรเจ็คล่าสุดที่ทำไปครับ รู้สึกภูมิใจมากเหมือนได้สร้างเพื่อนมาคุยกับเรา เลยครับ แต่เป็นchat bot ที่เขียนโค้ดเองทุกอย่างไม่ได้ใช้ การimportจากอันอื่นเลย มันเลยไม่ค่อยสมบูรณนัก แล้วก็ยังมีฟังชั่น เปลี่ยนชื่อบอท เปลี่ยนรหัสการเข้าถึงโปรแกรม เรียนศัพท์อังกฤษ หรือแม้แต่ สอนโปรแกรมให้รู้จักคำใหม่ๆที่เราพิมพ์เข้าไปแล้วมันไม่เข้าใจ
เพิ่มเติม ไม่จำเป็นต้องอ่าน บางส่วนพูดซ้ำ บางส่วนเพิ่มเตืม
ผมเลยเกิดความคิดว่า เออ ถ้าเราเอา ความสามารถทางภาษามาบวกกับการเขียนดปรแกรมโอกาสไปทำงานต่างประเทศก็น่าเยอะดี ก็เลย ลองสมัคร คณะ Data science and analytic (ซึ่งคณะนี้ไม่ได้ใช้แค่การเขียนโปรแกรมอย่างเดียว ยังใช้ คณิตศาสตร์ พวก สถิติ ความน่าจะเป็นต่างๆ รวมถึงการแก้ไขปัญหาแล้วก็ความรู้ทางการบริหารอีกด้วยครับ) ที่ สถาบันเทคโนไทยญี่ปุ่นครับ เป็นนานาชาติครับ ก็สัมภาษณ์ไป ก็ผ่านครับ แล้วอาจารย์ก็บอกให้ไปเรียนเลขเพิ่มมาด้วยเพราะไม่ได้จบ สาย วิทย์ คณิต ผมก็เลยเริ่มเรียนเลขอย่างจริงจังครับ กว่าจะเปิดเทอมก็เดือน ก.ค. ถึงตอนนั้นก็เรียน เลข ได้ สามเดือน ซึ่งก้แน่นอนครับ ยังไม่พออีกไกลเลย แต่ผมก็เชื่อครับว่า ผมจะพัฒนาไปต่อได้อีก ในระยะเวลาสี่ปี ผมจะต้องเก่งได้ครับ ซึ่งภาพที่วาดไว้ในหัวก็คือ ผมได้ ไปทำงานที่ญี่ปุ่นใน สายงานไอทีครับ แล้วยิ่งสถาบันเทคโนไทยญี่ปุ่น ร่วมมือกลับบริษัทในญี่ปุ่นอีก ยิ่งหาที่ทำงานง่ายเลยครับ
แต่ทีนี้ ผมก็มีความคิดขึ้นมาว่า แล้วถ้าผมเรียนไม่ไหวหล่ะ ผมพึ่งเรียงโปรแกรม เรียนเลข ได้ แค่ ไม่กี่เดือน แล้วก็กำลังจะไปอยู่กับมันอีกสี่ปี ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จะรอดไหม จะเบื่อรึป่าว ก็เลยกลัวที่จะเลือก สาย ไอทีครับ แต่สิ่งหนึ่งที่มีคือ ผมเชื่อว่าผมทำได้ครับ แต่ผมแค่คิดว่าถ้าเราพลาดแล้วคิดผิดไปจะทำยังไง มันก็เลยเป็นปัญหาครับ
ตอนนี้ถามว่าชอบอะไร แน่นอนครับผมอยู่กับภาษามา 3 ปี มีสำเร็จ มีล้มเหลว มาตลอด ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งอีกเยอะแยะด้วยรางวัลก็พอได้บ้าง ก็เลยมัญใจครับว่า ถ้าเรียน มศว ต่อ ๆปอีก 4 ปี ยังไงก็ไหว จบมาต่อ ป.โท ป.เอก สาย art แล้วก็เป็นอาจารย์มหาลัย หรือ ติวเตอร์ ผมรักการสอนมากครับ ตอนนี้ก็เป็นติวเตอร์ภาษาญี่ปุ่นอยู่ ก็เลยมั่นใจมากถ้าได้เรียนทางนี้
แต่สายไอที
มันเป็นการเริ่มต้นการเดินทางใหม่ของผมครับ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำได้รุเปล่า ไม่รู้ว่าล้มเหลวแล้วจะกลับมาสำเร็จได้เหมือนกับ สายภาษาของผมไหม แต่ตอนนี้ผมสนใจมันมากๆครับ เคยนั่งเขียนเป็นวันก็ยังไม่เบื่อเลยครับ แต่ผมพึ่งรู้จักมันได้แค่ 1 เดือน จะตัดสินว่าผมชอบมันก็คงไม่ได้ครับ
ปล. ผมดูหลักสูตรของคณะแล้วน้ะครับ ทั้ง DSA และ มนุษ มศว พวก study plan หรือ ลักษณะของแต่ล้ะคณะ แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้จริงๆ
ตัดสินใจไม่ถูกครับ ในการเลือกสายการเรียนในระดับ มหาวิทยาลัย ช่วยแนะนำผมในการตัดสินใจหน่อยครับ ภาษา และ คอมพิวเตอร์
********(ถ้าเลยวันที่ 1 Aug 2020ผมคงตัดสินใจไปแล้วไม่ต้องตอบแล้วน้ะครับ)************
จบสายศิลป์มีความสนใจด้านคอมแต่เลือกไม่ถูกว่าจะไปทางไหน เรียนภาษามาสามปี มีสำเร็จมีล้มเหลว ผ่าน N3 แล้ว แข่งขันทางภาษามากมายในฐานะตัวแทนโรงเรียนอนาคตอยากเป็นอาจารย์มหาลัย สอบติด มศว เอกภาษาญี่ปุ่น แต่ยังคงลังเลเพราะก็อยากเรียนคอมเหมือนกัน เรียนคอมมาได้ 1 เดือน ชอบมากได้ทำตั้งแต่งานเล็กๆอย่างหาค่า BMRไปจนถึงงานใหญ่ๆแต่ไม่ยากแย่าง Chatbotที่เขียนโค้ดเองทุกอย่างไม่มีการimportเลยจะกร่อยๆนิดนึง สัมภาษณ์ได้ที่ สถาบันเทคโนไทยญี่ปุ่น คณะ Data science and analytic พร้อมที่จะเริ่มเดินทางสายนี้ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าในอนาคตจะเบื่อไหมหรือจะล้มเหลวแล้วไม่ยอมสู้ต่อไหมต่อไหมแต่ก็อยากลองทำในสิ่งที่อยากทำจบมาอยากทำงานในญี่ปุ่นสายงานไอทียิ่งสถาบันนี้ร่วมมือกับบริษัทญี่ปุ่นยิ่งมีโอกาสมาก แต่ก็ลังเลทั้งสองอันไม่รู้ว่าจะเรียนสายภาษาต่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองอยู่ด้วยมาตลอก3ปีแล้วไปต่ออีก4ปีดี หรือ ย้ายไปคอมที่พึ่งรู้จักกันได้ 1 เดือนแต่มีตวามสนใจมากแต่จะเรียกว่าชอบก็ไม่ได้เพราะพึ่งเจอกันแต่ก็อยากลองกับมันดูสักตั้ง ช่วยตัดสินใจหน่อยครับ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ให้มองเห็นระบบความคิดของผม เชิญอ่านด้านล่างเลยครับ
###Background
ผมเป็นเด็กศิลป์ภาษาญี่ปุ่นครับ
เรียนภาษามาสามปี ชอบภาษาครับ ชอบอ่าน นิยาย วรรณกรรม ของ อังกฤษครับ ภาษาญี่ปุ่นก็ชอบครับ ผ่าน N3ได้ตอน ม.5 เคยไปเรียนญี่ปุ่นสองเดือน เป็นตัวแทนแข่งต่าง ๆ ได้รางวัลด้วยครับ
ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เริ่มเรียนเขียนโปรแกรม python ทำงานเล็กไปถึงงานใหญ่แต่ไม่ได้ยาก อย่าง chatbotฉบับผู้เริ่มต้น
###ปัญหา
ผมควรเลือกเรียน สายภาษาหรือ ไอทีดีครับ
ตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจ:ความคิดสอง รูปแบบ
#####################ความคิดแรกทางด้านภาษา##################
อยากเรียน อักษรศาสตร์ครับ อยากเป็นอาจารย์มหาลัยวิทยาลัย แล้วก็ทำวิจัยวรรรกรรมต่าง ๆ เยอะ ๆ ครับ ผมมั่นใจสายการเรียนนี้เพราะอยู่กับมันมา 3 ปีแล้ว พอขึ้น ม. 6 เทอม 2 ก็ตั้งใจว่า จะ เรียน Balac(อักษรจุฬา อินเตอร์) ภาษาที่สามเป็น ญี่ปุ่น แต่ผมพึ่งมาอยากเข้าก็ตอน ม.6ครับ เลยเตรียมตัวไม่ทัน
SAT ได้ 450(verbal)
IELTS 5.5 ครับ ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ครับ
พอรู้ตัวว่าไม่ติด Balac ก็ตั้งใจว่าจะซิ่วไปสอบปีหน้า แต่ดันติด มนุษย์ศาสตร์ เอก ญี่ปุ่น มศว รอบ สาม ก็เลยคิดว่า จะเรียนรอซิ่วครับ เพื่อไม่ติด Balac อีกรอบ จะได้ยังมีสำรองครับ
สรุป ความคิดแรก
เรียน มศวรอซิ่ว ไป Balac ต่อ Master of Art ที่ญี่ปุ่น แล้วก็ต่อ เอกสักที่ ทำงานวิจัยการศึกษา วรรณกรรม หรือ สังคม เยอะๆ แล้วก็ทำอาชีพ อาจารย์มหาวิทยาลัย
#########################ความคิดสอง สายไอที#####################
อย่างที่กล่าวไปผมพึ่งรู้จักสายโปรแกรมได้แค่ไม่นาน แต่รู้สึกสนใจมาก ตอนทำโปรแกรมต่าง ๆ ขึ้นมารู้สึกสนุกไปกับมันยิ่งโปรเจ็คล่าสุดอย่างแชทบอท ท้าทายมากแต่ก็ผ่านมาได้ครับ สามารถอยู่กับโปรแกรมได้ทั้งวันครับตอนที่แก้ปัญหาไม่ผ่านสักที แต่มันก็เป็นงานที่ติวเตอร์ให้เท่านั้นอ่ะครับ
ด้วยเหตุผลนั้นผมจึงสมัครเรียน Data science and analytic ที่ สถาบันเทคโนไทยญี่ปุ่นครับ ก็สัมภาษณ์ผ่านเรียบร้อยครับ แต่อาจารย์บอกให้เรียนเลขเพิ่มมาเยอะๆ ก็เริ่มเรียนเลขจริงจังในช่วงยังไม่เปิดเรียนครับ ผมคิดว่า ผมสามารถใช้ประโยชน์จากภาษาของผมบวกเข้ากับการเขียนโปรแกรมต่างๆแล้วจะพาตัวผมไปอยู่ในจุดที่ดีได้ อย่างต่างประเทศ
สรุปความคิดที่สอง
เรียน DSA ที่ เทคโนไทยญี่ปุ่น ต่อ ป.โทที่ญี่ปุ่น คณะเกี่ยวกับไอที หรือ Data จบมาหางานที่ญี่ปุ่นสายงานไอทีครับ
#########################ปัญหาที่ตัดสินใจไม่ได้#########################
ผมไม่รู้ว่าควรไปทางไหนดีครับ เพราะผมก็ไม่ได้มั่นใจในตัวเองที่จะเรียนสายไอทีมากนัก ไม่รู้ว่าจะเบื่อไหมไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่าไม่รู้ว่าจะล้มเหลวแล้วมาประสบความสำเร็จได้ไหม ก็เลยลังเลที่จะเลือกสาย ไอทีครับ แต่ผมเชื่อน้ะครับว่าผมจะทำมันได้ถ้าตัดใจเลือกไปแล้ว จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่ครับ
ส่วนภาษา เรื่องเรียนไม่เป็นห่วงครับ ห่วงเรื่องการทำงาน
กลัวว่าจบมาอาชีพอาจารย์มหาลัยจะไปได้ยาก ไหนจะเรื่องเงินเดือนไหนจะเรื่องการเปลี่ยนของสังคมที่คนหันไปเรียน ไอที หรือ วิทย์คณิตมากขึ้นจนไม่มี
คนอยากเรียนภาษากลายเป็นว่าอาจารย์มีเพียงพออยู่แล้ว อีกอย่างคือ มันเหมือนกับว่าผมอยู่ใน comfort zoneตลอดเวลา อยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำได้ไม่ได้ท้าทายชีวิตไม่ได้พัฒนาตัวเองในด้านอื่นๆ อยู่แต่กลับหนังสือก็เลย ลังเลที่จะเลือกภาษาครับ
ด้วยปัญหาทั้งหมดนี้ผมเลยเกิดความคิดว่าเออแล้วถ้าเราไม่ต้องเลือกแต่เดินสองสายไปพร้อมกันเลย เรียนมศวเป็นมหาลัยหลัก แล้วก็เรียนที่ สุโขทัยธรรมาธิราช สาขา วิทยาการคอมพิวเตอร์ เรียนไปคู่กัน อาจจะจบไม่พร้อมกันแต่ก็มีปริญาสองใบทีนี้ก็ค่อยไปตัดสินใจตอนผ.อีกทีว่าจะไปทางไหนอย่างน้องเราก็มีปริญาทั้งสองสาย อันนี้ก็เป็นอีตัวเลือกนึงครับ
ตัวเลือกเพิ่มเติม
-เรียนมศวรอซิ่วไปจุฬา เรียนคอมคู่ไปด้วยปริญญาใบที่สองที่สุโขทัย-
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตัวผม
ด้านภาษา
แข่งขันภาษาญี่ปุ่น คันจิ สุนทรพจน์ เล่นเรื่องจากภาพ เป็นต้น ได้ตั้งแต่ เหรีญทอง เหรีญทองแดง เหรีญเงิน ที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม เข้าร่วม
ผ่านN3 ม.5 สอบ EJU ต่างๆ คะแนนระดับกลางครับ
เคยทำวิจัยวรรณกรรม ภาษาอังกฤษ Notes of a native son by James baldwin
สอบ sat ไปสองรอบ รอบแรกได้ 350(Verbal) รอบสอง ได้ 450(Verbal)
ด้านโปรแกรม
เขียนpythonได้หนึ่งเดือน ทำงานเล็กๆอย่างคิดเงินส่วนลด หา BMR เก็บข้อมูล หาเกรดต่างๆ เคยทำงานใหญ่ๆแต่ไม่ยาก อย่าง Chatbot
ซึ่งโปรเจ็คล่าสุดที่ทำไปครับ รู้สึกภูมิใจมากเหมือนได้สร้างเพื่อนมาคุยกับเรา เลยครับ แต่เป็นchat bot ที่เขียนโค้ดเองทุกอย่างไม่ได้ใช้ การimportจากอันอื่นเลย มันเลยไม่ค่อยสมบูรณนัก แล้วก็ยังมีฟังชั่น เปลี่ยนชื่อบอท เปลี่ยนรหัสการเข้าถึงโปรแกรม เรียนศัพท์อังกฤษ หรือแม้แต่ สอนโปรแกรมให้รู้จักคำใหม่ๆที่เราพิมพ์เข้าไปแล้วมันไม่เข้าใจ
เพิ่มเติม ไม่จำเป็นต้องอ่าน บางส่วนพูดซ้ำ บางส่วนเพิ่มเตืม
ผมเลยเกิดความคิดว่า เออ ถ้าเราเอา ความสามารถทางภาษามาบวกกับการเขียนดปรแกรมโอกาสไปทำงานต่างประเทศก็น่าเยอะดี ก็เลย ลองสมัคร คณะ Data science and analytic (ซึ่งคณะนี้ไม่ได้ใช้แค่การเขียนโปรแกรมอย่างเดียว ยังใช้ คณิตศาสตร์ พวก สถิติ ความน่าจะเป็นต่างๆ รวมถึงการแก้ไขปัญหาแล้วก็ความรู้ทางการบริหารอีกด้วยครับ) ที่ สถาบันเทคโนไทยญี่ปุ่นครับ เป็นนานาชาติครับ ก็สัมภาษณ์ไป ก็ผ่านครับ แล้วอาจารย์ก็บอกให้ไปเรียนเลขเพิ่มมาด้วยเพราะไม่ได้จบ สาย วิทย์ คณิต ผมก็เลยเริ่มเรียนเลขอย่างจริงจังครับ กว่าจะเปิดเทอมก็เดือน ก.ค. ถึงตอนนั้นก็เรียน เลข ได้ สามเดือน ซึ่งก้แน่นอนครับ ยังไม่พออีกไกลเลย แต่ผมก็เชื่อครับว่า ผมจะพัฒนาไปต่อได้อีก ในระยะเวลาสี่ปี ผมจะต้องเก่งได้ครับ ซึ่งภาพที่วาดไว้ในหัวก็คือ ผมได้ ไปทำงานที่ญี่ปุ่นใน สายงานไอทีครับ แล้วยิ่งสถาบันเทคโนไทยญี่ปุ่น ร่วมมือกลับบริษัทในญี่ปุ่นอีก ยิ่งหาที่ทำงานง่ายเลยครับ
แต่ทีนี้ ผมก็มีความคิดขึ้นมาว่า แล้วถ้าผมเรียนไม่ไหวหล่ะ ผมพึ่งเรียงโปรแกรม เรียนเลข ได้ แค่ ไม่กี่เดือน แล้วก็กำลังจะไปอยู่กับมันอีกสี่ปี ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จะรอดไหม จะเบื่อรึป่าว ก็เลยกลัวที่จะเลือก สาย ไอทีครับ แต่สิ่งหนึ่งที่มีคือ ผมเชื่อว่าผมทำได้ครับ แต่ผมแค่คิดว่าถ้าเราพลาดแล้วคิดผิดไปจะทำยังไง มันก็เลยเป็นปัญหาครับ
ตอนนี้ถามว่าชอบอะไร แน่นอนครับผมอยู่กับภาษามา 3 ปี มีสำเร็จ มีล้มเหลว มาตลอด ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งอีกเยอะแยะด้วยรางวัลก็พอได้บ้าง ก็เลยมัญใจครับว่า ถ้าเรียน มศว ต่อ ๆปอีก 4 ปี ยังไงก็ไหว จบมาต่อ ป.โท ป.เอก สาย art แล้วก็เป็นอาจารย์มหาลัย หรือ ติวเตอร์ ผมรักการสอนมากครับ ตอนนี้ก็เป็นติวเตอร์ภาษาญี่ปุ่นอยู่ ก็เลยมั่นใจมากถ้าได้เรียนทางนี้
แต่สายไอที
มันเป็นการเริ่มต้นการเดินทางใหม่ของผมครับ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำได้รุเปล่า ไม่รู้ว่าล้มเหลวแล้วจะกลับมาสำเร็จได้เหมือนกับ สายภาษาของผมไหม แต่ตอนนี้ผมสนใจมันมากๆครับ เคยนั่งเขียนเป็นวันก็ยังไม่เบื่อเลยครับ แต่ผมพึ่งรู้จักมันได้แค่ 1 เดือน จะตัดสินว่าผมชอบมันก็คงไม่ได้ครับ
ปล. ผมดูหลักสูตรของคณะแล้วน้ะครับ ทั้ง DSA และ มนุษ มศว พวก study plan หรือ ลักษณะของแต่ล้ะคณะ แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้จริงๆ