เพราะเชื้อยังไม่หมดจากมวลมนุษย์ไง มันติดต่ออย่างรวดเร็ว ใครเป็นมั่งก็ไม่ทราบ เพราะบางคนได้เชื้อแต่ตัวเองแข็งแรงก็ไม่แสดงอาการ (asymptomatic) แต่ก็ยังแพร่เชื้อได้ ยิ่งอยู่ในที่หนาแน่น ไม่ปิดปากปิดจมูกเช่น สนามมวย ผับ ยิ่งแพร่ได้ง่าย

นั่นคือสิ่งที่สาธารณสุขไทยเราย้ำแล้วย้ำเล่าว่า อย่าการ์ดตก เพราะเชื้อยังมีอยู่ในคนไทยไม่รู้กี่คนที่ไม่แสดงอาการออก ปล่อยการ์ดเมื่อไร ไม่เว้นระยะห่าง 2 เมตร ไม่สวมหน้ากาก โอกาสแพร่เชื่อยิ่งมีเพิ่มไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่ามีวัคซีน หรือมีคนติดเชื้อตายไปแยะๆ ที่เหลือร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้หมดทั้งโลกเมื่อไร เชื้อก็จะหายไปจากมนุษยโลกเพราะไม่มีพาหะนำไปอีกแล้ว และคนก็มีภูมิคุ้มกันทุกคนแล้ว

มันก็ต้องอยู่แบบเปิดๆปิดๆไปแบบนี้แหละ
เจอก็ปิด ดีขึ้นก็เปิด จนกว่าจะเจอยา หรือ วัคซีนที่ใช้ได้ผล
ข่าวก็ไม่เห็นจะแปลก
คำว่าเลี้ยงไข้ ใครที่กล้าเอามาใช้ เอามาเขียนขอบอกได้เลยว่า ไม่มีความรู้เรื่องโรคเลย
กะมาด่า มาสร้างกระแสอย่างเดียว
นักวิชาการอย่าไปเชื่อมากนัก ชั่วโมงนี้ต้องฟัง แพทย์ ฟังหมอ เท่านั้นจะดีกว่า

แล้วปล่อยให้คนตายมากมายแบบอิตาลีเพราะ รพ รับไม่ไหวหรือ?

ถามจริงๆ คนฆ่าตัวตายในไทยมีเท่าไร? ถ้าเทียบกับตายแบบทรมานหายใจไม่ออก คห 20 คุณอยากรู้ว่า ตายแบบทรมานยังไง ลองนอนคว่ำกดหัวลงหมอน นั่นคืออาการคนที่เป็นหนักหายใจเอาออกซิเจนเข้าร่างกายไม่ได้ ต้องตายแบบทรมานเพราะเครื่องช่วยหายใจแพงมาก เป็นแสน อิตาลีมีไม่พอ ระดับต้องตัดสินว่า ใครแก่ ใครมีโรคประจำตัว ปล่อยให้มันตายแบบทรมานเป็นพันๆ คน เลือกให้เครื่องช่วยหายใจคนที่อายุน้อยกว่า ไม่เป็นโรคแทรกซ้อน เพราะโอกาสรอดตายมีมากกว่า

ปล คนป่วยหนักที่ระดับหายใจไม่ออกทรมานนี้ เครื่องหายใจช่วยได้ แต่ % การรอดตายมีไม่ถึง 50% ยิ่งแก่ ยิ่งมีโรคประจำตัว โอกาสรอดตายมีไม่ถึง 10%

อยากให้ คนคิดว่าโควิดไม่มีพิษป่วยหนักระดับหายใจไม่ออกทรมานดูบ้าง แล้วจะรู้ว่า ฆ่าตัวตายไปเลยง่ายกว่ามาก เมื่อต้องตายแบบทรมานเนื่องจากไม่มีเครื่องหายใจช่วยพอ เฮ้อ

ปล ในอิตาลี และอังกฤษ และสหรัฐ บุคลากรทางการแพทย์ตายไปเกิน 100 แล้วในแต่ละประเทศ คห 20 คงอยากเห็นหมอไทยพยาบาลไทยตายเป็นสิบหรือ?