เหตุผลของคนเป็นพ่อเป็นแม่...เป็นผู้ปกครอง
รวมทั้งเหตุผลของคนที่กำลังเรียนอยู่
ทีมีทั้งจำใจหรือถูกบังคับให้ต้องเรียน
คนที่ตั้งใจเรียน รู้คุณค่าของการศึกษา
คนที่อยู่ในช่วงรอยต่อที่ต้องเตรียมตัวเข้าระดับอุดมศึกษา
ทำให้มีความเห็นแตกต่างกันไป
กับกำหนดการเปิดภาคเรียนในวันที่ ๑ ก.ค. ๖๓
แต่เมื่อมีปัจจัยทางด้านความเสี่ยงในการติดโควิดเพิ่มเข้ามา
ความเห็นที่เคยมีนั้น... ยังคงเดิมหรือไม่หรือเปลี่ยนไปแล้ว
การเปิดภาคเรียนช้าไปไม่กี่วัน
มันจะมีผลรุนแรงอน่างที่บางคนวิจารณ์กันหรือ...
เลือกอะไรดี...
ระหว่างการศึกษากับสุขภาพของลูกหลานของเรา ?
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
●● ไม่ได้ไปรร.ร้ายแรงกว่าติดโควิด!... อดีตรมว.ศธ.บี้เปิดเทอม1มิ.ย. ●●
(คัดลอกมาบางส่วน ...)
"...รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะทบทวนแผนการเปิดเทอมนี้เสียใหม่
โดยเปลี่ยนมาเป็นพยายามเปิดเรียนให้เร็วที่สุดเช่นให้ชั้นเรียนส่วนใหญ่เปิดเรียนได้ในวันที่ 1 มิถุนายน
ชั้นเรียนที่มีการสมัครสอบเข้าโรงเรียนเช่น ม.1 และ ม. 4 อาจเปิดกลางเดือนมิถุนายน
ส่วนเด็กเล็กทั่วประเทศควรส่งเสริมให้เปิดศูนย์ดูแลเด็กเล็กเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้..."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
10 พ.ค. 63 - นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ และอดีต รมว.ศึกษาธิการ
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ"การศึกษากับโควิด19 ตอนที่ 2" ว่า “เลื่อนเปิดเทอมให้เร็วขึ้น อย่าเพิ่งหวังอะไร
จากการศึกษาทางไกล องค์กรระหว่างประเทศด้านการศึกษาและประเทศต่างๆ เห็นว่าผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดที่
โควิด19 มีต่อเด็กและเยาวชนทั่วโลกไม่ใช่การติดเชื้อหรือป่วยด้วยโรคนี้ แต่เป็นการเสียโอกาสในการเรียนรู้จาก
การเรียนในโรงเรียน ประมาณ 87 % ของนักเรียนทั่วโลกไม่ได้ไปโรงเรียน
สาเหตุที่ประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กเพราะเขาเห็นว่าผลกระทบที่สำคัญที่สุดของโควิด19 ที่มีต่อเด็กไม่ใช่การติดเชื้อแต่คือการทำให้เด็กไม่ได้ไปโรงเรียนขาดโอกาสที่จะเรียนรู้ในระบบโรงเรียนและมีผลกระทบอื่นๆ
ตามมาอีกมากเช่นการขาดอาหาร ความไม่ปลอดภัย ขาดคนดูแลและการใช้เวลาอย่างไม่เป็นประโยชน์ บางประเทศ
หรือบางเขตเศรษฐกิจสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด19 ได้โดยไม่ต้องปิดโรงเรียนมาแต่ต้น ขณะนี้ประเทศที่คุมสถานการณ์โควิด19 ได้แล้ว ต่างก็ทยอยเปิดโรงเรียนกันแล้ว บางประเทศเริ่มด้วยการให้เด็กเล็กได้มีโอกาสไปโรงเรียนก่อนเด็กโตซึ่งก็มีเหตุผลทางวิชาการรองรับ
ติดตามข่าวการเตรียมแผนจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการที่จะเปิดเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้แล้ว เข้าใจว่า
ผู้ที่วางแผนจัดการศึกษาทั้งหลายของไทยจะมองไม่เห็นปัญหาการเสียโอกาสในการเรียนรู้ของเด็กที่สูญหายไปจาก
การไม่ได้ไปโรงเรียน จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องรีบเปิดโรงเรียนให้เร็วขึ้นทั้งที่สถานการณ์โควิด 19 ก็ดีขึ้นมากแล้ว
ไม่มีการให้ความสำคัญกับการจัดระบบการเรียนในโรงเรียนแบบ New normal กันสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่มีเรื่องต้องเตรียมการหลายเรื่องเช่นระบบระบายอากาศ การเพิ่มห้องเรียนเพื่อให้จำนวนนักเรียนต่อห้องน้อยลง การจัดที่นั่งในโรงอาหาร
การทำกิจกรรม การแก้ปัญหากรณีมีเด็กติดเชื้อในโรงเรียน ฯลฯ การเรียนการสอนที่อยู่ในแผนกลายเป็นเน้นการเรียนจากบ้านและการสอนแบบทางไกลที่ฟังดูแล้วจะมีประสิทธิภาพต่ำมากจนไม่อาจฝากความหวังไว้ได้เลย
แผนการจัดการเรียนการสอนทางไกลที่มีการชี้แจงนั้น จะเห็นได้ว่าระบบการศึกษาของไทยเรายังไม่มีความพร้อม
สำหรับการจัดการศึกษาทางไกลเลย ที่จะให้นักเรียนตั้งแต่อนุบาล 1 ถึงม. 3 เรียนโดยใช้การสอนทางทีวีนั้นจะได้ผล
น้อยมากเนื่องจากไม่การเรียนการสอนแบบที่จะสื่อสารสองทางได้ ไม่สามารถแลกเปลี่ยนอภิปราย และไม่มีทางที่ครู
จะรู้ว่าเด็กกำลังเรียนอยู่หรือไม่ พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ไมสามารถประกบหรือคอยเป็นพี่เลี้ยงลูกหลานของตนได้
ส่วนการเรียนแบบออนไลน์ ระบบการศึกษาของเราไม่มีความพร้อมเลย การจัดการเรียนการสอนแบบ Smart
classroom ที่เคยคิดกันถูกแทนที่ด้วยการสอนทางทีวี ส่วนการสอนทางออนไลน์ก็ไม่มีการเตรียมหลักสูตรเนื้อหาและ
วิธีสอนมาก่อน เด็กจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงระบบอินเทอร์เน็ตและ เด็กส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่จะใช้ใน
การเรียนออนไลน์
ระบบการศึกษาของไทยยังจำเป็นต้องสร้างความพร้อมในเรื่องการศึกษาที่ใช้ ICT และการศึกษาออนไลน์อีกมากทั้ง
ในช่วงปรกติและช่วงที่มีวิกฤตหรือช่วงที่เป็น New normal คือทั้งระยะสั้นและระยะยาว การศึกษาทางไกลอย่างที่
เตรียมกันอยู่ไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาการสูญเสียโอกาสทางการศึกษาในระบบโรงเรียนได้เลย
ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด19 ได้มีการตัดสินใจเลื่อนการเปิดเทอมออกไป เนื่องจากจำเป็นต้องเลื่อนการรับสมัครเด็กเข้าเรียนในชั้นม. 1 และม. 4 แล้วเลยพลอยเลื่อนการเปิดเทอมของโรงเรียนทั้งระบบไปด้วยกันหมด โดยไม่ได้เผื่อ
ว่าสถานการณ์โควิด19 จะพัฒนาไปอย่างไร ต่อมาแม้สถานการณ์ดีขึ้นมากแล้ว ก็ไม่ได้คิดจะปรับให้สามารถเปิดเรียน
ได้เร็วขึ้น
ผมคิดว่ารัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะทบทวนแผนการเปิดเทอมนี้เสียใหม่ โดยเปลี่ย
นมาเป็นพยายามเปิดเรียนให้เร็วที่สุดเช่นให้ชั้นเรียนส่วนใหญ่เปิดเรียนได้ในวันที่ 1 มิถุนายน ชั้นเรียนที่มีการสมัค
รสอบเข้าโรงเรียนเช่น ม.1 และ ม. 4 อาจเปิดกลางเดือนมิถุนายน ส่วนเด็กเล็กทั่วประเทศควรส่งเสริมให้เปิดศูนย์ดูแล
เด็กเล็กเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ต้องยอมรับครับว่าข้อเสนอนี้อาจไม่เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยซึ่งก็เข้าใจได้เพราะใน 2-3 เดือนมานี้
สังคมไทยเราได้ปลูกฝังให้ผู้คนเห็นภยันตรายจากโควิด19 โดยไม่มีการให้ข้อมูลว่าภยันตรายที่ร้ายแรงที่โควิด19
มีต่อเด็กและเยาวชนนั้นไม่ใช่การติดเชื้อหรือการป่วยจากโควิด19 แต่เป็นการสูญเสียในการเรียนรู้อันเกิดจากการ
ไม่ได้ไปโรงเรียน".
Cr. :
https://www.thaipost.net/main/detail/65541
●● จริงมั้ยที่ว่า... ไม่ได้ไปรร.ร้ายแรงกว่าติดโควิด!... อดีตรมว.ศธ.บี้เปิดเทอม1มิ.ย. ●●
รวมทั้งเหตุผลของคนที่กำลังเรียนอยู่
ทีมีทั้งจำใจหรือถูกบังคับให้ต้องเรียน
คนที่ตั้งใจเรียน รู้คุณค่าของการศึกษา
คนที่อยู่ในช่วงรอยต่อที่ต้องเตรียมตัวเข้าระดับอุดมศึกษา
ทำให้มีความเห็นแตกต่างกันไป
กับกำหนดการเปิดภาคเรียนในวันที่ ๑ ก.ค. ๖๓
แต่เมื่อมีปัจจัยทางด้านความเสี่ยงในการติดโควิดเพิ่มเข้ามา
ความเห็นที่เคยมีนั้น... ยังคงเดิมหรือไม่หรือเปลี่ยนไปแล้ว
การเปิดภาคเรียนช้าไปไม่กี่วัน
มันจะมีผลรุนแรงอน่างที่บางคนวิจารณ์กันหรือ...
เลือกอะไรดี...
ระหว่างการศึกษากับสุขภาพของลูกหลานของเรา ?
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
●● ไม่ได้ไปรร.ร้ายแรงกว่าติดโควิด!... อดีตรมว.ศธ.บี้เปิดเทอม1มิ.ย. ●●
(คัดลอกมาบางส่วน ...)
"...รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะทบทวนแผนการเปิดเทอมนี้เสียใหม่
โดยเปลี่ยนมาเป็นพยายามเปิดเรียนให้เร็วที่สุดเช่นให้ชั้นเรียนส่วนใหญ่เปิดเรียนได้ในวันที่ 1 มิถุนายน
ชั้นเรียนที่มีการสมัครสอบเข้าโรงเรียนเช่น ม.1 และ ม. 4 อาจเปิดกลางเดือนมิถุนายน
ส่วนเด็กเล็กทั่วประเทศควรส่งเสริมให้เปิดศูนย์ดูแลเด็กเล็กเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้..."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Cr. : https://www.thaipost.net/main/detail/65541