สวัสดีค่ะ วันนี้เราขอรีวิว ทริปเกาะเชจู 3วัน2คืน แบบไม่ง้อทัวร์ใดใดทั้งสิ้นนะคะ
ทริปนี้จริงๆเราไปเกาหลีรอบที่สาม รอบนี้จัดทริปทั้งหมด 11วัน10คืน เริ่มที่ปูซาน ต่อด้วยเกาะเชจู และจบที่โซลค่ะ
ก่อนมีทริปทุกครั้งเราจะทำการบ้านเยอะมาก อ่านจากหลายๆรีวิว เก็บเล็กผสมน้อย และเกาะเชจูเป็นDream Destination ที่อยากไปเก็บหากมีโอกาสไปเกาหลี เชจูเป็นเกาะที่ดูรีวิวยังไงก็ไม่ค่อยเห็นทริปแบบเที่ยวเองโดยไม่ซื้อทัวร์ หรือที่แบบไปเองแบบไม่เช่ารถขับนะคะ เราก็คิดในใจว่ามันยากขนาดนั้นเลยเหรอ อาจจะด้วยเป็นเกาะส่วนตัว ที่ไม่มีรถไฟฟ้า การเดินทางในเกาะยังต้องพึ่งรถบัสประจำทางสาธารณะ และรถTaxi สะดวกสบายหน่อยและเห็นหลายท่านช้บริการคือเช่ารถขับ จึงยากนิดนึงสำหรับการเดินทางด้วยตนเองโดยไม่พึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
เริ่มต้นApplicationสำคัญ โหลดติดมือถือไว้เลย ได้แก่ NAVER ,KAKAO MAP, VISIT JEJU
ตัวหลักๆเลยเราใช้ NAVER นะคะ สะดวกมากๆ คำนวณระยะการเดินทาง การต่อรถเมล์ เลขรถ ป้ายรถเมล์ที่ต้องไปยืนรอ เดินผ่านอะไรบ้าง กี่ก้าวอะไรยังไงคือละเอียดมาก ช่วยเรานทริปนี้เยอะมาก
PLAN : JEJU for 3 Days 2 Nights
Day1 : 16 Oct 2019
- Flight 513 Busan to Jeju by Jeju Airlines 15:30 - 16:30
- Check-in : Hotel kennystory Premium Jeju Yeondong
-YEON-DONG SHOPPING DISTRICT
Day2 : 17 Oct 2019
-성산일출봉 Seongsan Ilchulbong [ซอง-ซาน-อิล-ชุล-บง]
- Gwangchigi Beach 광치기해변
- Wimi Camelia (카멜리아 힐)
- 쇠소깍 [ซเว-โซ-กัก] Soesokkak Estuary
- OSULLOC TEA MUSEUM
- Innisfree Jeju House (이니스프리 제주하우스)
- คาเฟ่ Untitled, 2017
-ร้านปิ้งย่าง
Day3 : 18 Oct 2019
- Flight TW710: Jeju(CJU) – Gimpo (GMP) by t'way air 11:05 AM - 12:15PM
3วันที่อยู่บนเกาะเชจูคือเป็นการเที่ยวแบบ Hopping ที่แท้ทรู พยายามเก็บให้มากที่สุด แพลนหลักเลยจะอยู่วันที่2นะคะ
เกาะเชจูจะแบ่งเป็นสองฝั่งใหญ่ๆ คือฝั่งเชจู (Jeju Si) ฝั่งเดียวกับสนามบิน ซึงเป็นฝั่งตัวเมืองหน่อยๆ และ ฝั่งซอกวีโพ (Seogwipo-Si) โดยหลายๆรีวิวมักจะไม่นิยมเที่ยวในวันเดียว เพราะแต่ละที่ค่อนข้างไกลกัน ข้ามฝั่งไปมาไม่สะดวก แต่เราเวลาน้อยจริงๆ เก็บให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ มาเริ่มกันเลยค่ะ
Day1 : 16 Oct 2019
ออกเดินทางจากปูซานนะคะ แฟนมาส่งด้วยยยย พี่โฮ สามีมโนเราเองค่ะ
เครื่องออกเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง เล่านิดเป็นประสบการณ์ ตอนก่อนขึ้นเครื่องที่สนามบิน Gimhae เรามีโทรศัพท์สองเครื่อง เลยเลินเล่อ เอาโทรศัพท์เครื่องที่ทำงานเป็น Huawei โหลดไปในกระเป๋า และไปเช็คอิน โหลดกระเป๋า เขาก็บอกให้รอกระเป๋าก่อนเข้าGATE นี่ก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้มีวัตถุอันราย Power Bank ก็อยู่กับตัว จะไม่รอด้วยซ้ำแต่โชคดี ไปเข้าห้องน้ำก่อนเข้า GATE พอออกมา พนักงานของ Jeju Air เรียกให้เข้าไปห้อง X-Ray เลย มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ หน้าตาและน้ำเสียงดุๆเลย ถามว่ามีพวกวัตถุต้องห้ามไหม ให้เราเปิดกระเป๋า พอเปิด ค้นๆ สรุปเจอโทรศัพท์ Huawei นี่แหละค่ะ เลยให้ผ่านไป แล้วก็ค้อมตัวขอโทษนิดๆ ยิ้มๆ เราก็รอดละ แต่ปกติเราโหลดโทรศัพท์ใต้ท้องเครื่องบ่อยนะคะไม่เคยโดนไม่ผ่านแบบนี้ หลังจากนั้นก็ไม่โหลดอะไรแบบนี้เลย ถือขึ้นเครื่องหมด
มานั่งรอขึ้นเครื่องแล้วค่ะ เย้ๆ ตื่นเต้นมาก ตั๋วภายในประเทศ
เราจองโดยเช็คGoogle Flightนะคะ เวลามีราคาปรับลดลง มันจะคอยแจ้งเตือนในEmail ราคาที่ได้เลยค่อนข้างถูกกว่าปกติ
และก็มาถึง Jeju Airport ค่ะ ใช้เวลาบินไม่ถึงชั่วโมง ก่อน Landing วิวสวยมาก แดดอ่อนๆ ตื่นเต้น
ป้าย JEJU AIRPORT เหมือน Signature นะคะ ถ้ามาถึงเชจู ต้องเห็นป้ายนี้
เวลาดูวาไรตี้เกาหลี พวกไอดอลมาถึงก็จะมาผ่านป้ายนี้ตลอด อันนี้ติ่งคอมพลีท
พอลงสนามบินเชจู เดินออกมาด้านในเพื่อมาขึ้นรถเมล์ นั่งรถเมล์สาย 600 เป็น Airport Limousine เพื่อไปโรงแรมค่ะ เราลงป้ายที่2 Lotte City Hotel
ลงแล้วเดินอีกประมาณ 6 นาทีก็ถึงโรงแรมค่ะ
เช็คอินที Hotel kennystory Premium Jeju Yeondong
เหมือนโรงแรมจะRenovate ใหม่ ชื่อเดิมชื่อว่า Ramada Encore Yeondong นะคะ เผื่อหาใน Naver ไม่ขึ้น
เช็คอินเข้าที่พักเสร็จก็ออกมาเดินเล่น หาอะไรกินแถวโรงแรมค่ะ
มาจบที่ร้านไส้ย่าง ร้านนี้ รอคิวสี่ห้าคิว คนแน่นร้านเลย แต่อร่อยมาก
และมาเดินย่อยย่าน YEON-DONG SHOPPING DISTRICT ใกล้โรงแรมที่พักมาก เกาหลีแทบทุกเมืองจะต้องมีถนนคนเดิน ที่มีร้านช็อปปิ้ง กระจุ๋งกระจิ๋ง เสมอๆ พวกย่านนี้คือเหมือนเดิน ฮงแด อีแด มยองดงเลยค่ะ แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลี ที่ฮิตๆ ไปยัน Sport Wear ที่ฮอตๆ คือมีที่นี่เลย เดินเพลินมาก
Day2 : 17 Oct 2019
ตื่นมาตี3เตรียมตัว เพื่อจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Seongsan Ilchulbong ค่ะ
ออกจากโรงแรมประมาณเกือบตี5 นั่งTaxiจากโรงแรมไปลง Jeju Bus Terminal
เดินรอรถเมล์เที่ยวแรกรู้สึกจะตีห้าครึ่งนะคะ จาก Jeju Bus Terminal ขึ้น 201 ( Seogwipo Bus Terminal) ลงสถานี Seongsan Illchulbng Tuff Cone Entrance ง่วงมากๆ นั่งยาวๆไปเกือบ2ชั่วโมง หลับๆตื่นๆไปถึงประมาณ7โมงกว่าๆ พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่แสงกำลังสวยเลยค่ะ
เข้าไปข้างใน จะมีสองแบบคือจ่ายเงินกับฟรี นะคะ แบบจ่ายเงินจะได้เดินขึ้นไปบนเขา คือTrail แบบจริงจังเลย แต่พวกเราเลือกแบบเข้าชมฟรีค่ะ เพราะเรามีเวลาน้อย และคงไม่ไหวกับการขึ้นเขาใช้เวลาเดินนาน ยังต้องไปอีกหลายที่กลัวเก็บไม่ทัน
ชอบรูปนี้ที่สุดเลยค่ะ ถ่ายโหมด Panorama กับกล้องiPhone
สวยประทับใจมากๆ นี่แค่ที่แรกของวันก็อิ่มเอมใจมากๆแล้ว ร่างกายต้องการกาแฟแล้วละค่ะ
ออกมาด้านนอกร้านอาหารเริ่มเปิด Starbuck ก็เปิดแล้ว จัดกาแฟก่อน
Starbuck สาขา Seongsan Ilchulbong คือหาง่ายมาก อยู่ทางเข้าเลย เด่นตระหง่าน หายังไงก็เจอ
ด้วยความติ่ง iKon เบาๆ เราเมนน้องเน่ และชิบพี่บ๊อบด้วย (Bobby กับ June Ikon )
เลยไปหาร้านที่สองคนนี้เคยไปกินด้วยกันตอนมาเกาะเชจู แต่ร้านปิดค่ะ อดเลย เราเลยไปกินอีกร้านแทน
ร้านนี้ค่ะ อยากลองกินปลาบ้าง ปลาอะไรก็ไม่รู้ จิ้มๆสั่งตามเมนู สรุปก้างติดคอเบาๆ พักปลาจนจบทริปค่ะ 55
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง อิ่มแล้วไปต่อนะคะ
สถานีต่อไป Gwangchigi Beach 광치기해변 นั่งรถเมล์ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ก็มาถึงค่ะ
Gwangchigi Beach จริงๆถ้าน้ำลดมันจะมี โขดหินที่มีตะไคร่น้ำเขียวๆ ค่อนข้างสวยเลย ตามรูปและรีวิวที่ดูมา
แต่วันที่ไปน้ำขึ้นนะคะ ไม่เห็นอะไรเลย เจอแต่ทรายสีดำและน้ำทะเล เลยเดินถ่ายรูปแป๊ปเดียว และไปต่อ
จุดนี้ บัสทัวน์ของนักเรียนลงเยอะอยู่ ตอนไปมีประมาณสองคัน วุ่นวายประมาณนึงค่ะ
ออกเดินทางต่อ ช่วงที่ไปเขาบอกดอกคามิเลียกำลังบานช่วงปลายๆแล้ว ลุ้นกันว่าจะเจอไหมเลยเสี่ยงไปที่นี้ค่ะ Wimi Camelia (카멜리아 힐)
นั่งรถเมล์ไปลง ป้าย Wimi Camellia Colony แล้วเดินอีกประมาณ 7 นาที
ระหว่างทาง เจอส้มที่ชาวบ้านแถวนั้นปลูก แฮปปี้เลย ด้วยเกาะเชจูขึ้นชื่อเรื่องส้มนี่เนอะ
พอเจอส้ม ก็เลยหยุด โดยไม่มีอะไรกั้น (อิหยังวะ) ก็แชะถ่ายรูปเล่นค่ะ
เดินต่อจนถึงจุดที่จะต้องมีดอกคามิเลีย สรุปโดนต้มซะเปื่อย ไม่เจอค่ะ หมดฤดูแล้ว อดเจอดอกคามิเลียเลย แต่ไม่เป็นไร ไปต่อค่ะ
[CR] JEJU ISLAND เกาะเชจูนี้ที่เรารัก แพลนเอง เที่ยวเอง ฉบับ 3วัน2คืน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้