Price is what you pay. Value is what you get. หรือราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ
เป็นประโยคอมตะของวอร์เรนน์ บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในโลก ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก และเป็นบุคคลที่รวยที่สุดอันดับ4ของโลก(จัดอันดับโดยForbes)
เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ถึงแม้จะไม่ได้ลงทุนก็น่าจะเคยได้ยินชื่อของบัฟเฟตต์มาบ้าง วันนี้เราขอขยายความประโยคอมตะจากนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนนี้ครับ
Price is what you pay. Value is what you get. หรือราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ
เป็นประโยคที่เราชอบที่สุดและเตือนสติเราได้อย่างดีในตลอดระยะเวลาการลงทุน และเป็นประโยคที่เรามักจะใช้เตือนคนอื่นเสมอๆ
ราคา ≠ มูลค่า
ของแพงไม่ได้จำเป็นว่าต้องมีมูลค่าสูงเสมอไป
กลับกัน ของถูกอาจไม่ได้มีมูลค่าต่ำเท่าราคา
ส่วนตัวเรามองเรื่องนี้และท่องประโยคที่ว่า “ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ” ในสถานการณ์ที่ราคาพุ่งขึ้นสูง
เวลาที่ตลาดมีแต่ความมั่นใจและนักลงทุนพากันมองโลกในแง่ดีว่า-ในยามที่ผู้คนพากันแห่กันซื้อจนราคาพุ่งขึ้นสูงนั้น ของสิ่งนั้นมีมูลค่าสูงตามจริงหรือไม่?
-เราจะยอมจ่ายราคานี้ สำหรับของมูลค่าเท่านี้จริงหรือไม่? แน่นอนว่าอาจมีคนยอมจ่าย แต่คุณจะยอมจ่ายไหม?
-หากเราจ่ายราคานี้แล้ววันนึง ราคาที่เคยสูงเกินมูลค่า ตกลงมาเทียบเท่ามูลค่า เรารับได้ไหม?
แล้วในสถานการณ์ที่เลวร้าย ตลาดดิ่งเหว มีแต่ความกังวล มองโลกในแง่ร้ายเต็มตลาดล่ะ
หากใช้ประโยคเดิมนี้ ส่วนตัวเรามองได้ว่า
-ถ้าราคาตก แต่มูลค่าของสิ่งนั้นไม่ได้ตกตาม พื้นฐานและมูลค่ายังเท่าเดิม นั่นแปลว่าเรากำลังจะได้ของราคาต่ำกว่ามูลค่า=ของถูก
-ราคาที่เคยแพงไปอาจเพียงแค่กลับสู่มูลค่าเท่ากับที่ควรจะเป็น=ราคาสัมพันธ์กับมูลค่า ซึ่งหากเราได้ราคาต่ำกว่ามูลค่าแต่แรก ก็อาจไม่มีอะไรต้องกังวล
ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกธุรกรรมการลงทุน เราเท่านั้นที่เป็นคนรับผิดชอบกับเงินในกระเป๋าของเรา ในโลกการลงทุนมีแต่คนที่วิเคราะห์มูลค่าได้ ถึงจะมองออกว่าราคานั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ครับ
เพื่อนๆพี่ๆคิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ
สุดท้ายขออนุญาตฝากเพจเกี่ยวกับการเงินการลงทุนครับ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/
Price is what you pay. Value is what you get. ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ
Price is what you pay. Value is what you get. หรือราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ
เป็นประโยคอมตะของวอร์เรนน์ บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในโลก ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก และเป็นบุคคลที่รวยที่สุดอันดับ4ของโลก(จัดอันดับโดยForbes)
เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ถึงแม้จะไม่ได้ลงทุนก็น่าจะเคยได้ยินชื่อของบัฟเฟตต์มาบ้าง วันนี้เราขอขยายความประโยคอมตะจากนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนนี้ครับ
Price is what you pay. Value is what you get. หรือราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ
เป็นประโยคที่เราชอบที่สุดและเตือนสติเราได้อย่างดีในตลอดระยะเวลาการลงทุน และเป็นประโยคที่เรามักจะใช้เตือนคนอื่นเสมอๆ
ราคา ≠ มูลค่า
ของแพงไม่ได้จำเป็นว่าต้องมีมูลค่าสูงเสมอไป
กลับกัน ของถูกอาจไม่ได้มีมูลค่าต่ำเท่าราคา
ส่วนตัวเรามองเรื่องนี้และท่องประโยคที่ว่า “ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ” ในสถานการณ์ที่ราคาพุ่งขึ้นสูง
เวลาที่ตลาดมีแต่ความมั่นใจและนักลงทุนพากันมองโลกในแง่ดีว่า-ในยามที่ผู้คนพากันแห่กันซื้อจนราคาพุ่งขึ้นสูงนั้น ของสิ่งนั้นมีมูลค่าสูงตามจริงหรือไม่?
-เราจะยอมจ่ายราคานี้ สำหรับของมูลค่าเท่านี้จริงหรือไม่? แน่นอนว่าอาจมีคนยอมจ่าย แต่คุณจะยอมจ่ายไหม?
-หากเราจ่ายราคานี้แล้ววันนึง ราคาที่เคยสูงเกินมูลค่า ตกลงมาเทียบเท่ามูลค่า เรารับได้ไหม?
แล้วในสถานการณ์ที่เลวร้าย ตลาดดิ่งเหว มีแต่ความกังวล มองโลกในแง่ร้ายเต็มตลาดล่ะ
หากใช้ประโยคเดิมนี้ ส่วนตัวเรามองได้ว่า
-ถ้าราคาตก แต่มูลค่าของสิ่งนั้นไม่ได้ตกตาม พื้นฐานและมูลค่ายังเท่าเดิม นั่นแปลว่าเรากำลังจะได้ของราคาต่ำกว่ามูลค่า=ของถูก
-ราคาที่เคยแพงไปอาจเพียงแค่กลับสู่มูลค่าเท่ากับที่ควรจะเป็น=ราคาสัมพันธ์กับมูลค่า ซึ่งหากเราได้ราคาต่ำกว่ามูลค่าแต่แรก ก็อาจไม่มีอะไรต้องกังวล
ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกธุรกรรมการลงทุน เราเท่านั้นที่เป็นคนรับผิดชอบกับเงินในกระเป๋าของเรา ในโลกการลงทุนมีแต่คนที่วิเคราะห์มูลค่าได้ ถึงจะมองออกว่าราคานั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ครับ
เพื่อนๆพี่ๆคิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ
สุดท้ายขออนุญาตฝากเพจเกี่ยวกับการเงินการลงทุนครับ https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/