ᵔᴥᵔ ก่อนอื่นขอบอกเลยว่าทริปนี้เป็นทริปโบยบินไปเที่ยวญี่ปุ่นของเรา ในช่วงปีใหม่ และเป็นทริปที่เราหาข้อมูลเองตามอินเทอร์เน็ตบ้าง ปรึกษาเพื่อนๆพี่ๆบ้าง เรียกง่ายๆว่าครูพักลักจำนั่นแหละ แต่สุดท้ายก็มาขมวดเป็นทริปในแบบของเราเอง ·ᴥ· เที่ยวสายธรรมชาติ ·ᴥ· แรกๆก็มีความกังวลนิดหน่อยว่าเราจะรอดกันไหม จะหลงหรือเปล่า จะหนาวแค่ไหน และจะเป็นยังไงตามเรามากันเลยจ้า..............
คลิปเล็กๆน้อยๆจากทริปนี้
https://www.youtube.com/watch?v=zKTWkYhoqJQ
Day1: เราเลือกเดินทางไปกับสายการบินประจำชาติ สีม่วงที่รักคุณเท่าฟ้า เราเลือกบินไฟลท์กลางคืนเพราะว่าจะไปถึงญี่ปุ่นก็เช้าพอดี และเราก็ไปก่อนเวลา boarding ราวๆ 3 ชั่วโมง เพื่อที่จะไปเสพสุขในเลานจ์กันก่อน... อันดับแรก เราไปถึงก็ปรี่เข้าไปเชคอินที่เค้าเตอร์ โกลด์เมมเบอร์อย่างไม่รอรี และไปพักผ่อนดื่มด่ำความสำราญกันในเลานจ์เพื่อรอเวลาเดินทาง (กระซิบว่ามีแอลแบรนด์เด็ดๆให้ชิมหลายแบบเลยแหละ สายเบียร์ก็มีนะจ๊ะอย่าน้อยใจไป)
ขอวาร์ปมาที่แสงแรกยามเช้ากันเลยแล้วกัน เมื่อแอร์โฮสเตทสุดสวยปลุกเรามาทานข้าวเช้าพร้อมแดดแรกที่สดใส สมเป็นแดนอาทิตย์อุทัยจริงๆ
หลังจากเรามาถึงสนามบินนาริตะกันแล้ว ไอเย็นก็กระแทกผิวหน้าเราแบบเบาๆ ตอนเดินออกมาจากงวงช้าง อื้มม..พอรับไหว !!
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไป แลกตั๋ว JR pass ที่ซื้อไว้จากเมืองไทย พาสที่เราซื้อมานี้คือ ใช้ได้แบบอิสระ 5 วัน ในภูมิภาค Tohoku
เนื่องจากว่าแพลนทริปเราในครั้งนี้ เราจะเที่ยวที่ญี่ปุ่น 10 วัน แต่...สำหรับเส้นทางที่เราจะใช้เดินทางไปดูฟุจิซัง ในครั้งนี้นั้นเราจะไปโดย "รถบัส" จ้าาา
จุดนี้ตรงประตูทางออก Terminal 1 จะมีเค้าเตอร์แลกตั๋วรถบัส ซึ่งเราก็ทำการจองตั๋วล่วงหน้า 1 เดือน รู้สึกว่าจะมีรถบัสวิ่งแค่วันละสองเที่ยว
และเราก็ได้จองรอบ 10.40 ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งเวลาก็ค่อนข้างเป๊ะอยู่ ถ้าไม่เกินเหตุฉุกเฉินจริงๆ และโอกาสที่จะเลท คือน้อยมาก
หลังจากได้ตั๋วรถบัสแล้วเจ้าหน้าที่เค้าก็บอกเราว่าให้ไปรอที่จอดหมายเลขอะไร เราก็ไปตามนั้นได้เลยจ่ะ ความซีเคียวริตี้ของญี่ปุ่นนั้นสูงมาก เค้าจะมีเจ้าหน้าที่คนรถที่คอยเชคตั๋ว ติดป้ายชื่อที่กระเป๋า และยกขึ้นเก็บใต้ท้องรถให้เรียบร้อย ถ้าเราไปผิดหรือจะแอบลักไก่โดยสารไปอย่าหวังจะได้ขึ้นเลยจ่ะ
นอกจากความปลอดภัยต่างๆนี้แล้ว เรื่องสำคัญที่สุดเลยก็คือเวลา ถ้าเรามาช้า!! บรั๊ยบัย...พี่บัสเค้าไม่รอนะจ๊ะ
( มองตาละห้อยคงอยากขึ้นรถแล้วล่ะสิ่ เพราะตรงที่ยืนอยู่นั้น -3 องศา กับชุดที่ลงจากเครื่อง ความสามรถในการให้ความอบอุ่นนั้นน้อยมาก 555 )
เย เย่ เย้ รถมาแล้ว ในรถอุ่นมาก อยากจะบอกว่ารถบัสของญี่ปุ่นนั้นสะอาดมาก ระหว่างนั่งไปได้สักครึ่งทางเค้าก็จะมีจุดพักรถ คนรถเค้าก็จะประกาศว่าอีกกี่นาทีรถจะออก ทุกคนก็ลงไปทำธุระส่วนตัวได้ตามสบาย ระหว่างทางนั้นก็ยังไม่ได้พบเจอหิมะแต่อย่างใด แต่อากาศนั้นเย็นจับใจไปเลย ช่วงที่เราเดินทางนั้นประมาณ วันที่ 28 ธันวาคม ซึ่งก็ใกล้จะขึ้นปีใหม่แล้ว
และเราก็มาถึง Kawaguchiko station ตรงนี้แหละวิวนี้ไม่ผิดที่แน่นวลลล
หลังจากมาถึงสถานีแล้ว เวลาประมาณเกือบๆจะบ่ายสาม เราก็ลากกระเป๋าเข้าพัก ที่ Plaza Inn Kawaguchiko ที่อยู่ใกล้สถานีมากๆ เพียงข้ามถนนเท่านั้น อยากจะบอกว่าโรงแรมนี้ภายนอกอาจจะดูเก่าหน่อยแต่ สะอาดมาก คุณลุงที่ดูแลก็ใจดีมากๆๆๆ และนางพูดภาษาอังกฤษได้ยุ่นะเออ ถึงแม้จะคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ประทับใจ ^^ และที่สำคัญนั้นใกล้ๆโรงแรมมีร้านหม้อไฟ ที่น่าอร่อยมาก แต่เรายังไม่เคยไปกินเพราะกลับมาช้าตลอด ร้านปิด555
ใครเคยกินแล้วมาบอกกันหน่อยนะว่าเด็ดแค่ไหน แถมระแวกนั้นมี Lawson กับ 7-eleven ที่เดินไปประมาณ 2 นาทีก็ถึง ไม่ต้องกลัวอดเลยจ้า
ยังพอมีเวลาให้เราได้เที่ยวเตร่ได้อย่างสบายใจ เส้นทางแรกที่เราจะไปนั้น คือ Chureito Pagoda หรือ เจดีย์แดงชูเรโตะ โดยเราจะต้องนั่ง local train จากสถานี คาวากุจิโกะ ไปลงที่ Shimoyoshida station และต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 1 กม. (ปล.รถไฟ Fuji san น่ารักม๊ากกกกกก)
เดินมาเรื่อยตามทาง จะมีป้ายบอกเป็นระยะ แล้วก็จะมาเจอกับทางขึ้นไปชมวิวด้านบน ตอนที่มาถึงก็น่าจะประมาณเกือบๆห้าโมงเย็นแต่บรรยากาศก็เริ่มมืดแล้วหละ หน้าหนาวจะมืดไวแบบนี้แหละ ทางวัดเค้าก็จะมีโคมไฟไว้ตลอดทาง ไม่น่ากลัวแถมโรแมนติกไปอีกแบบ และที่สำคัญเราได้ชมวิวฟุจิซังแบบไม่เหมือนใคร...
เดินขึ้นบันไดมาแอบเหนื่อยใช่เล่น และก็มาถึงเจดีย์แดงสักที เย่ๆๆๆๆๆๆๆ บรยากาศดีมาก เงียบสงัด คนน้อยแต่โรแมนติกมาก ชอบๆๆๆ
โอ้วโหวววววว...ไว้อาลัยให้วิวนี้แปดวิ อยากจะบอกว่า...วิวหลักล้านจริงๆนะ คือมันสวยจนวางตาไม่ลง ตอนกลางวันว่าสวยแล้ว ตอนกลางคือมีเสน่ห์ไปอีกแบบ เราใช้เวลานั่งมองวิวอยู่ตรงนี้พักใหญ่เลยแหละ เหมือนได้มาพักผ่อนอย่างแท้จริง
พอเริ่มมืดเข้าไปอีก ฟูจิซังเริ่มเลือนลาง แต่วิวเมืองก็สวยไม่น้อยหน้าอยู่ดี อยู่ไปนานๆเริ่มหนาว และหิว จากนั้นเราก็เดินกลับลงมาและนั่งรถไฟกลับกันดีกว่า
ยิ่งมืดยิ่งหนาว บรรยากาศตอนนั้นน่าจะ -5 องศาได้ พร้อมลมจากทะเลสาป ที่เย็นยะเยือกมากๆ แต่พี่ญี่ปุ่นเค้าดีตรงที่ สถานีรถไฟนั้นเค้ามีศาลาที่ให้เราพักให้ความอบอุ่นร่างกายระหว่างรอรถไฟมา รู้เลยว่าหนาวจนไส้สั่น มันเป็นยังไง อ่ะเฮือกกกก!!!
อรุณสวัสดิ์ เช้าวันใหม่ เรายังอยู่ที่เดิม แต่วันนี้เราจะนั่งรถบัสเที่ยวรอบๆทะเลสาป โดยซื้อ ตั๋ว Retro Bus ที่หน้าสถานีคาวากุจิโกะนั่นแหละ
ตอนเราไปเราซื้อตั๋วแบบ Red Line, Green Line และ Blue Line ไม่จำกัดรอบ 2 วัน ราคาประมาณ 1,500 เยน แค่ฝั่ง Red line ถ้าจำไม่ผิดมี 22 ป้าย เที่ยวไม่หมด เค้าจะมีแผนที่ให้เราก็จิ้มเอาเลยว่าจะลงป้ายไหน แต่ว่าเราลงไม่ครบทุกป้ายหรอกเพราะว่ามันเยอะเหลือเกิน ^^
ป้ายแรกที่เรามุ่งหน้าไป คือ ป้ายที่ 22 - Kawaguchiko Natural living center ที่นี่เป็นที่ที่เห็นวิวฟูจิซังชัดและเต็มตาสุดๆ
โชคดีมากวันที่เราไปนั้นเป็นวันฟ้าเปิด องค์ประกอบต่างๆ มันเลยดีงามไปหมด เห็นแดดดีดีแบบนี้ อยากจะบอกว่าหน้าตึงกันเลยทีเดียว
ที่สถานีนี้มีขนมและของฝากให้เลือกซื้อเต็มไปหมด...หมดไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่า ของมันต้องลอง
ที่สำคัญพลาดไม่ได้เลยที่มาถึงญี่ปุ่นแล้วแล้วต้องจัด ซอฟท์ครีมนุ่มๆ ที่มีขายอยู่ริมทะเลสาปนะคะ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง อิอิ
ป้ายต่อไป Kawaguchiko Konohana Museum ในนี้จะมีร้านอยู่ร้านนึงซึ่งขายผลิตภัณฑ์ต่างๆจะมีรูปแมว และเมื่อเข้าไปแล้วจะถูกดูดวิญญาณอยู่ในนั้นยาวนานมาก แม้แต่หนุ่มก็เพลิดเพลินได้ไม่แพ้สาวๆเลยค่ะ
เดินลึกเข้าไปจะมีที่ชมวิวภูเขาไฟแบบเงียบสงบไร้ผู้คน ซึ่งเราติดอยูที่นี่เป็นชั่วโมงเลยแหละ ลมเย็นๆแตะหน้า น้ำในทะเลสาปที่เย็นฉ่ำ และใสวิ๊ง
สะท้อนกับแสงแดด เพราะมันคือสุนทรียภาพอีกระดับแห่งการพักผ่อน
สถานีต่อไป ป้ายบัสหมายเลข 10 Funatsu-hama Onsen Town วิวตรงนี้เป็นภูเขาสลับซับซ้อนกันสวยงามมาก ตรงท่าเรือก็จะมีเรือเป็ดให้ปั่นสลายไขมันกันด้วยนะ จุดนี้พี่ปั่นไม่ไหวแล้วจ่ะ ขาแข็ง!!
สถานีต่อไปอีกไม่ไกล หมายเลข 7- Kawaguchiko herb hall เรามาที่นี่ก็เพื่อจะหาสมุนไพรไปแช่ตัวคืนนี้เพื่อผ่อนคลาย หลังจากที่ตะลุยกันมาทั้งวัน
ไม่เพียงแค่ได้สมุนไพรแช่อ่างเท่านั้นเรายังโดนไอเท็มเด็ดๆมาอีกหลายตัวเพื่อสนองความสุทรีย์ของตัวเอง อทิ น้ำขิงผสมมะนาวน้ำผึ้ง ถุงหอม และต่างๆอีกมากมาย เลือกกันเพลินไปเลยจ่ะ
ข้ามมาที่ถนนฝั่งตรงข้ามก็จะมีสวนสาธรณะที่ให้อารมณ์เหมือนเที่ยวฝั่งยุโรปไปในคราวเดียวกัน สวนกว้างขวางติดทะเลสาป บรรยากาศดี
คนยี่ปุ่นนี่โชคดีจริงๆที่ได้ใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ได้เห็นดอกไม้ ใบไม้ ผลิดอก บาน และร่วงโรย ตามเวลาของมัน
เวลาเริ่มเย็นแล้ว ใกล้ป้ายรถเมล์ก็มีร้านขายมันเผาอยู่ร้านนึง ไหนๆก็มาถึงที่แล้วเราก็ต้องลองมันหวานที่เป็น ออริจินัล กันหน่อย
ราคาแอบโหดอยู่ที่หัวละ 400 เยน แต่รสชาติลืมไม่ลงบอกเลย
หมดไปอีก 1 วันที่แสนสุข ปิดท้ายกับวิวสวยๆหน้าโรงแรมที่เรามานั่งกินมันเผากัน ขอให้ทุกคนแฮปปี้กับทริปที่ตัวเองสรรสร้างกันนะจ๊ะ
ทุกทริปแห่งการเดินทางมีเสน่ห์ในตัวเองเสมอ "ตกหลุมรักญี่ปุ่นครั้งที่ล้าน" ᵔᴥᵔ
ωωωωωωωωωωωωωωωω^ↀᴥↀ^ωωωωωωωωωωωωω
[CR] รีวิว เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว Kawaguchiko - Fuji san ช่วงปีใหม่ ไปแบบหนาวเหน็บ ᵔᴥᵔ
คลิปเล็กๆน้อยๆจากทริปนี้
https://www.youtube.com/watch?v=zKTWkYhoqJQ
Day1: เราเลือกเดินทางไปกับสายการบินประจำชาติ สีม่วงที่รักคุณเท่าฟ้า เราเลือกบินไฟลท์กลางคืนเพราะว่าจะไปถึงญี่ปุ่นก็เช้าพอดี และเราก็ไปก่อนเวลา boarding ราวๆ 3 ชั่วโมง เพื่อที่จะไปเสพสุขในเลานจ์กันก่อน... อันดับแรก เราไปถึงก็ปรี่เข้าไปเชคอินที่เค้าเตอร์ โกลด์เมมเบอร์อย่างไม่รอรี และไปพักผ่อนดื่มด่ำความสำราญกันในเลานจ์เพื่อรอเวลาเดินทาง (กระซิบว่ามีแอลแบรนด์เด็ดๆให้ชิมหลายแบบเลยแหละ สายเบียร์ก็มีนะจ๊ะอย่าน้อยใจไป)
ขอวาร์ปมาที่แสงแรกยามเช้ากันเลยแล้วกัน เมื่อแอร์โฮสเตทสุดสวยปลุกเรามาทานข้าวเช้าพร้อมแดดแรกที่สดใส สมเป็นแดนอาทิตย์อุทัยจริงๆ
หลังจากเรามาถึงสนามบินนาริตะกันแล้ว ไอเย็นก็กระแทกผิวหน้าเราแบบเบาๆ ตอนเดินออกมาจากงวงช้าง อื้มม..พอรับไหว !!
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไป แลกตั๋ว JR pass ที่ซื้อไว้จากเมืองไทย พาสที่เราซื้อมานี้คือ ใช้ได้แบบอิสระ 5 วัน ในภูมิภาค Tohoku
เนื่องจากว่าแพลนทริปเราในครั้งนี้ เราจะเที่ยวที่ญี่ปุ่น 10 วัน แต่...สำหรับเส้นทางที่เราจะใช้เดินทางไปดูฟุจิซัง ในครั้งนี้นั้นเราจะไปโดย "รถบัส" จ้าาา
จุดนี้ตรงประตูทางออก Terminal 1 จะมีเค้าเตอร์แลกตั๋วรถบัส ซึ่งเราก็ทำการจองตั๋วล่วงหน้า 1 เดือน รู้สึกว่าจะมีรถบัสวิ่งแค่วันละสองเที่ยว
และเราก็ได้จองรอบ 10.40 ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งเวลาก็ค่อนข้างเป๊ะอยู่ ถ้าไม่เกินเหตุฉุกเฉินจริงๆ และโอกาสที่จะเลท คือน้อยมาก
หลังจากได้ตั๋วรถบัสแล้วเจ้าหน้าที่เค้าก็บอกเราว่าให้ไปรอที่จอดหมายเลขอะไร เราก็ไปตามนั้นได้เลยจ่ะ ความซีเคียวริตี้ของญี่ปุ่นนั้นสูงมาก เค้าจะมีเจ้าหน้าที่คนรถที่คอยเชคตั๋ว ติดป้ายชื่อที่กระเป๋า และยกขึ้นเก็บใต้ท้องรถให้เรียบร้อย ถ้าเราไปผิดหรือจะแอบลักไก่โดยสารไปอย่าหวังจะได้ขึ้นเลยจ่ะ
นอกจากความปลอดภัยต่างๆนี้แล้ว เรื่องสำคัญที่สุดเลยก็คือเวลา ถ้าเรามาช้า!! บรั๊ยบัย...พี่บัสเค้าไม่รอนะจ๊ะ
( มองตาละห้อยคงอยากขึ้นรถแล้วล่ะสิ่ เพราะตรงที่ยืนอยู่นั้น -3 องศา กับชุดที่ลงจากเครื่อง ความสามรถในการให้ความอบอุ่นนั้นน้อยมาก 555 )
เย เย่ เย้ รถมาแล้ว ในรถอุ่นมาก อยากจะบอกว่ารถบัสของญี่ปุ่นนั้นสะอาดมาก ระหว่างนั่งไปได้สักครึ่งทางเค้าก็จะมีจุดพักรถ คนรถเค้าก็จะประกาศว่าอีกกี่นาทีรถจะออก ทุกคนก็ลงไปทำธุระส่วนตัวได้ตามสบาย ระหว่างทางนั้นก็ยังไม่ได้พบเจอหิมะแต่อย่างใด แต่อากาศนั้นเย็นจับใจไปเลย ช่วงที่เราเดินทางนั้นประมาณ วันที่ 28 ธันวาคม ซึ่งก็ใกล้จะขึ้นปีใหม่แล้ว
และเราก็มาถึง Kawaguchiko station ตรงนี้แหละวิวนี้ไม่ผิดที่แน่นวลลล
หลังจากมาถึงสถานีแล้ว เวลาประมาณเกือบๆจะบ่ายสาม เราก็ลากกระเป๋าเข้าพัก ที่ Plaza Inn Kawaguchiko ที่อยู่ใกล้สถานีมากๆ เพียงข้ามถนนเท่านั้น อยากจะบอกว่าโรงแรมนี้ภายนอกอาจจะดูเก่าหน่อยแต่ สะอาดมาก คุณลุงที่ดูแลก็ใจดีมากๆๆๆ และนางพูดภาษาอังกฤษได้ยุ่นะเออ ถึงแม้จะคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ประทับใจ ^^ และที่สำคัญนั้นใกล้ๆโรงแรมมีร้านหม้อไฟ ที่น่าอร่อยมาก แต่เรายังไม่เคยไปกินเพราะกลับมาช้าตลอด ร้านปิด555
ใครเคยกินแล้วมาบอกกันหน่อยนะว่าเด็ดแค่ไหน แถมระแวกนั้นมี Lawson กับ 7-eleven ที่เดินไปประมาณ 2 นาทีก็ถึง ไม่ต้องกลัวอดเลยจ้า
ยังพอมีเวลาให้เราได้เที่ยวเตร่ได้อย่างสบายใจ เส้นทางแรกที่เราจะไปนั้น คือ Chureito Pagoda หรือ เจดีย์แดงชูเรโตะ โดยเราจะต้องนั่ง local train จากสถานี คาวากุจิโกะ ไปลงที่ Shimoyoshida station และต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 1 กม. (ปล.รถไฟ Fuji san น่ารักม๊ากกกกกก)
เดินมาเรื่อยตามทาง จะมีป้ายบอกเป็นระยะ แล้วก็จะมาเจอกับทางขึ้นไปชมวิวด้านบน ตอนที่มาถึงก็น่าจะประมาณเกือบๆห้าโมงเย็นแต่บรรยากาศก็เริ่มมืดแล้วหละ หน้าหนาวจะมืดไวแบบนี้แหละ ทางวัดเค้าก็จะมีโคมไฟไว้ตลอดทาง ไม่น่ากลัวแถมโรแมนติกไปอีกแบบ และที่สำคัญเราได้ชมวิวฟุจิซังแบบไม่เหมือนใคร...
เดินขึ้นบันไดมาแอบเหนื่อยใช่เล่น และก็มาถึงเจดีย์แดงสักที เย่ๆๆๆๆๆๆๆ บรยากาศดีมาก เงียบสงัด คนน้อยแต่โรแมนติกมาก ชอบๆๆๆ
โอ้วโหวววววว...ไว้อาลัยให้วิวนี้แปดวิ อยากจะบอกว่า...วิวหลักล้านจริงๆนะ คือมันสวยจนวางตาไม่ลง ตอนกลางวันว่าสวยแล้ว ตอนกลางคือมีเสน่ห์ไปอีกแบบ เราใช้เวลานั่งมองวิวอยู่ตรงนี้พักใหญ่เลยแหละ เหมือนได้มาพักผ่อนอย่างแท้จริง
พอเริ่มมืดเข้าไปอีก ฟูจิซังเริ่มเลือนลาง แต่วิวเมืองก็สวยไม่น้อยหน้าอยู่ดี อยู่ไปนานๆเริ่มหนาว และหิว จากนั้นเราก็เดินกลับลงมาและนั่งรถไฟกลับกันดีกว่า
ยิ่งมืดยิ่งหนาว บรรยากาศตอนนั้นน่าจะ -5 องศาได้ พร้อมลมจากทะเลสาป ที่เย็นยะเยือกมากๆ แต่พี่ญี่ปุ่นเค้าดีตรงที่ สถานีรถไฟนั้นเค้ามีศาลาที่ให้เราพักให้ความอบอุ่นร่างกายระหว่างรอรถไฟมา รู้เลยว่าหนาวจนไส้สั่น มันเป็นยังไง อ่ะเฮือกกกก!!!
อรุณสวัสดิ์ เช้าวันใหม่ เรายังอยู่ที่เดิม แต่วันนี้เราจะนั่งรถบัสเที่ยวรอบๆทะเลสาป โดยซื้อ ตั๋ว Retro Bus ที่หน้าสถานีคาวากุจิโกะนั่นแหละ
ตอนเราไปเราซื้อตั๋วแบบ Red Line, Green Line และ Blue Line ไม่จำกัดรอบ 2 วัน ราคาประมาณ 1,500 เยน แค่ฝั่ง Red line ถ้าจำไม่ผิดมี 22 ป้าย เที่ยวไม่หมด เค้าจะมีแผนที่ให้เราก็จิ้มเอาเลยว่าจะลงป้ายไหน แต่ว่าเราลงไม่ครบทุกป้ายหรอกเพราะว่ามันเยอะเหลือเกิน ^^
ป้ายแรกที่เรามุ่งหน้าไป คือ ป้ายที่ 22 - Kawaguchiko Natural living center ที่นี่เป็นที่ที่เห็นวิวฟูจิซังชัดและเต็มตาสุดๆ
โชคดีมากวันที่เราไปนั้นเป็นวันฟ้าเปิด องค์ประกอบต่างๆ มันเลยดีงามไปหมด เห็นแดดดีดีแบบนี้ อยากจะบอกว่าหน้าตึงกันเลยทีเดียว
ที่สถานีนี้มีขนมและของฝากให้เลือกซื้อเต็มไปหมด...หมดไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่า ของมันต้องลอง
ที่สำคัญพลาดไม่ได้เลยที่มาถึงญี่ปุ่นแล้วแล้วต้องจัด ซอฟท์ครีมนุ่มๆ ที่มีขายอยู่ริมทะเลสาปนะคะ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง อิอิ
ป้ายต่อไป Kawaguchiko Konohana Museum ในนี้จะมีร้านอยู่ร้านนึงซึ่งขายผลิตภัณฑ์ต่างๆจะมีรูปแมว และเมื่อเข้าไปแล้วจะถูกดูดวิญญาณอยู่ในนั้นยาวนานมาก แม้แต่หนุ่มก็เพลิดเพลินได้ไม่แพ้สาวๆเลยค่ะ
เดินลึกเข้าไปจะมีที่ชมวิวภูเขาไฟแบบเงียบสงบไร้ผู้คน ซึ่งเราติดอยูที่นี่เป็นชั่วโมงเลยแหละ ลมเย็นๆแตะหน้า น้ำในทะเลสาปที่เย็นฉ่ำ และใสวิ๊ง
สะท้อนกับแสงแดด เพราะมันคือสุนทรียภาพอีกระดับแห่งการพักผ่อน
สถานีต่อไป ป้ายบัสหมายเลข 10 Funatsu-hama Onsen Town วิวตรงนี้เป็นภูเขาสลับซับซ้อนกันสวยงามมาก ตรงท่าเรือก็จะมีเรือเป็ดให้ปั่นสลายไขมันกันด้วยนะ จุดนี้พี่ปั่นไม่ไหวแล้วจ่ะ ขาแข็ง!!
สถานีต่อไปอีกไม่ไกล หมายเลข 7- Kawaguchiko herb hall เรามาที่นี่ก็เพื่อจะหาสมุนไพรไปแช่ตัวคืนนี้เพื่อผ่อนคลาย หลังจากที่ตะลุยกันมาทั้งวัน
ไม่เพียงแค่ได้สมุนไพรแช่อ่างเท่านั้นเรายังโดนไอเท็มเด็ดๆมาอีกหลายตัวเพื่อสนองความสุทรีย์ของตัวเอง อทิ น้ำขิงผสมมะนาวน้ำผึ้ง ถุงหอม และต่างๆอีกมากมาย เลือกกันเพลินไปเลยจ่ะ
ข้ามมาที่ถนนฝั่งตรงข้ามก็จะมีสวนสาธรณะที่ให้อารมณ์เหมือนเที่ยวฝั่งยุโรปไปในคราวเดียวกัน สวนกว้างขวางติดทะเลสาป บรรยากาศดี
คนยี่ปุ่นนี่โชคดีจริงๆที่ได้ใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ได้เห็นดอกไม้ ใบไม้ ผลิดอก บาน และร่วงโรย ตามเวลาของมัน
เวลาเริ่มเย็นแล้ว ใกล้ป้ายรถเมล์ก็มีร้านขายมันเผาอยู่ร้านนึง ไหนๆก็มาถึงที่แล้วเราก็ต้องลองมันหวานที่เป็น ออริจินัล กันหน่อย
ราคาแอบโหดอยู่ที่หัวละ 400 เยน แต่รสชาติลืมไม่ลงบอกเลย
หมดไปอีก 1 วันที่แสนสุข ปิดท้ายกับวิวสวยๆหน้าโรงแรมที่เรามานั่งกินมันเผากัน ขอให้ทุกคนแฮปปี้กับทริปที่ตัวเองสรรสร้างกันนะจ๊ะ
ทุกทริปแห่งการเดินทางมีเสน่ห์ในตัวเองเสมอ "ตกหลุมรักญี่ปุ่นครั้งที่ล้าน" ᵔᴥᵔ
ωωωωωωωωωωωωωωωω^ↀᴥↀ^ωωωωωωωωωωωωω
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้