The Persistence Of Memory งานศิลปะแบบเหนือจริงชิ้นนี้ถูกเขียนขึ้นในปี 1931 โดยซัลบาโด ดาลี (Salbada Dali)  ศิลปินชาวสเปน ภาพแสดงแนวชายฝั่งที่ดูหดหู่ ห้อยประดับไปด้วยนาฬิกาพกที่กำลังหลอมละลาย คิดว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์มีแรงบันดาลใจต่อผลงานที่แปลกประหลาดชิ้นนี้ The Persistence Of Memory เป็นหนึ่งในผลงานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและได้รับการจดจำมากที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์

- นาฬิกาเรือนหนึ่งแขวนอยู่บนต้นไม้ ในลักษณะที่เป็นการเตือนความทรงจำว่า ช่วงระยะเวลาของเหตุการณ์อันหนึ่งอาจได้รับการยืดขยายออกไปในความทรงจำ 
- อีกเรือนหนึ่งกับแมลงวันบนนาฬิกา มันเสนอว่า วัตถุอันนั้นของความทรงจำเป็นบางสิ่งบางอย่างของเนื้อเน่าหรือสัตว์ที่ตายซาก ซึ่งเน่าเปื่อยผุพังเช่นเดียวกันกับการหลอมละลาย 
- นาฬิกาเรือนที่สามมีลักษณะที่ผิดรูปผิดร่างงอโค้งอยู่เหนือรูปทรงที่เพิ่งจะก่อตัวขึ้นมา  เป็นสัญลักษณ์ของหนทางชีวิตซึ่งบิดเบือนรูปร่างเรขาคณิต และความแน่นอนทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับยุคของเครื่องจักร
- นาฬิกาเรือนหนึ่งซึ่งไม่ได้หลอมละลายไปด้วย ได้ถูกคลุมด้วยมดหลายตัวซึ่งดูเหมือนว่ากำลังกลืนกินมันอย่างตะกละตะกลาม เช่นดังที่มันกลืนกินเวลาเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเราไปนั่นเอง
Cr.http://www.electron.rmutphysics.com/news/index.php?option=com_content&task=view&id=688&Itemid=3&limit=1&limitstart=1

ภาพ “Girl with a Pearl Earring” หรือ “สาวใส่ต่างหูมุก” เป็นภาพเขียนเทคนิคสีน้ำมัน ผู้เขียนภาพนี้คือ Johannes Vermeer จิตรกรชาวดัตช์ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงยุค Baroque  ปัจจุบันนี้ “Girl with a Pearl Earring” ถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานศิลปะ Mauritshuis ในกรุง The Hague ประเทศเนเธอร์แลนด์
Johannes Vermeer เขียนภาพ “Girl with a Pearl Earring” จนเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1665 เธอคนนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “Mona Lisa ทางเหนือ” หรือ “Mona Lisa ของชาวดัตช์”

หญิงสาวสวยในรูปนี้ไม่ได้มีตัวตนจริงๆ  แต่เธอเป็น “Tronie”  หรือ ภาพของหญิงสาวในอุดมคติ ซึ่งจิตกรชาวดัทช์จะถูกฝึกให้วาดภาพหญิงอุดมคติของตัวเอง จนเกิดกลายเป็นทักษะติดตัว เพื่อนำไปต่อยอดถ่ายทอดให้เป็นเรื่องราวในแบบฉบับของตนเองขึ้นมา

“Girl with a Pearl Earring” ต่างหูของเธอกลายเป็นจุดที่ทำให้หลายๆ คนเกิดความสงสัย โดยนักโลหะวิทยาชาวดัชน์สันนิษฐานว่า มันน่าจะเป็นโลหะชุบดีบุกมากกว่า เนื่องจากลักษณะของมันดูแวววาวเกินกว่าที่จะเป็นมุก และขนาดของมันใหญ่โตกว่ามุกทั่วไปมาก 

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ภาพนี้ ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากก็ คือ ความสวยงามอันโดดเด่นของผ้าโพกศีรษะสีน้ำเงินของเธอ เนื่องจากในสมัยก่อนสีน้ำเงินนี้ ทำจากหินแร่ที่มีราคาแพงมาก มันคือ “หินลาปิส ลาซูรี่” ส่วนสาเหตุที่มันมีราคาแพง เนื่องจากในโลกนี้มีอยู่แห่งเดียวคือภูเขาในอัฟกานิสถาน

เพราะฉะนั้น “Vermeer” จำเป็นต้องลงทุนกับสีน้ำเงินนี้มาก แต่มันก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะผ้าสีน้ำเงินนี้ มันช่วยขับใบหน้าของหญิงสาวให้โดดเด่นขึ้นมา จนเธอได้รับการยกย่องในเรื่องของความงดงามเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

ภาพดังกล่าว ไม่มีอะไรที่ชี้ให้เห็นถึงตัวผู้เขียนและความหมายของภาพเลยด้วยซ้ำ มีแต่การลงชื่อ “IVMeer” แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้มีการลงวันที่รวมทั้งไม่มีข้อมูลใดบ่งบอกเลยว่า จิตกรตั้งใจวาดขึ้นมาเพราะต้องการสื่อถึงอะไร ปริศนาเหล่านี้ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
Categories: เทคนิคศิลปะ
Cr.https://www.burystedmundsartgallery.org/ประวัติภาพ-สาวใส่ต่างหู/ By Admin

ภาพนี้เขียนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1642 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของยุคทองของชาวดัตช์ The Night Watch เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่เขียนโดยแร็มบรันต์ ฟัน ไรน์ จิตรกรชาวดัตช์ 
ภาพแสดงให้เห็นหน่วยทหารยามของเมืองที่กำลังเคลื่อนพลออกมา นำโดยกัปตันฟรันส์ บันนิง โกก และผู้ช่วยของเขา ภาพเขียนถูกเคลือบด้วยน้ำมันวานิชสีเข้มซึ่งทำให้เห็นว่ามันเป็นฉากเวลากลางคืนซึ่งเป็นที่มาของชื่อ The Night Watch  น้ำมันวานิชนี้ถูกลบออกไปในช่วงทศวรรษ 1940s ภาพนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติในอัมสเตอร์ดัม

การตั้งชื่อภาพว่า The Night Watch ของนักประวัติศาสตร์ศิลป์สมัยก่อนได้นำไปสู่ความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะภาพนี้เป็นเพียงภาพเหมือนกลุ่มของสมาชิกสมาคมยิงปืนแห่งอัมสเตอร์ดัม หาใช่ภาพเหมือนของกองร้อยอาสาสมัครป้องกันเมืองดังที่เข้าใจกันแต่เดิมไม่

แรมบรันด์ท์รับจ้างวาด “ภาพเหมือนกลุ่ม” (group portrait) ใบนี้ให้กับกองทหารอาสาสมัครกองหนึ่ง ชื่อ Kloveniers (คโลวีเนียร์ส) ที่เดิมจัดตั้งเพื่ออาสาพิทักษ์เมืองอัมสเตอร์ดัม จุดประสงค์เพื่อแขวนภาพใบนี้ในห้องรับแขกกลาง Kloveniersdoelen (คโลวีเนียร์สโดเล็น) สำนักงานใหญ่ของกองทหารดังกล่าว 
Cr.https://www.facebook.com/worldexhibits/photos/ภาพ-the-night-watch-โดย-แรมบรันด์ท์-rembrandt-สีน้ำมัน-4x5-เมตร-ปี-คศ-1642สถานที/550266488470100/
Cr.https://www.takieng.com/stories/802
Cr.https://mgronline.com/celebonline/detail/9560000064331


'Guernica' หรือ 'Gernica'   ชื่อเมืองชนบทเล็กๆในหุบเขาที่สวยงามสงบสุขในสเปน ใต้เทือกเขาพีเรนีส พรมแดนระหว่างแคว้นบาสก์ของสเปนและฝรั่งเศส เมืองเล็กๆ ที่กลายเป็นที่ถูกจดจำในประวัติศาสตร์โลก ภาพข่าวและการทำงานของสื่อที่ถ่ายทอดความโหดร้ายของสงครามที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง และ Guernica คือชื่อหนึ่งในภาพ 20 สุดยอดภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกตลอกกาลของปิกาสโซ่

Guernica เป็นหนึ่งในภาพวาดซึ่งแสดงถึงโศกนาฏกรรมสงครามและความทุกข์ทรมานที่ส่งผลกระทบต่อแต่ละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดประสงค์ของการวาดภาพปิกัสโซก็เพื่อดึงดูดความสนใจของโลกต่อการวางระเบิดของ Guernica, บาสก์โดยเครื่องบินทิ้งระเบิดเยอรมัน เพื่อสนับสนุนกองกำลังต่างชาติของฝรั่งเศสในช่วงสงครามกลางเมืองสเปน ภาพ Guernica จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Reina Sofia Museum ในกรุงมาดริดประเทศสเปน
(ภาพเขียน ‘Guernica’ ผลงานที่ปาโบล ปิกัสโซเขียนเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 1937 ขนาดความสูง 3.49 เมตร และกว้าง 7.77 เมตร )
Cr.https://www.facebook.com/Doonungkubtung/posts/1298365360317514/
Cr.https://themomentum.co/guernica-picasso/ โดย บุญโชค พานิชศิลป์
Cr.https://fotoideaclub.com/6-most-famous-paintings-in-the-world-ep2/

แอดการ์ เดอกา (Edgar Degas) เป็นศิลปินผู้โดดเด่นในยุคอิมเพรสชั่นนิสม์ เขาเป็นทั้งจิตรกร ประติมากร และช่างภาพพิมพ์คนสำคัญของฝรั่งเศส 
ภาพนักเต้นที่มีท่วงท่าลีลาพริ้วไหวงดงามคือหนึ่งในเอกลักษณ์ประจำตัวของเขา นอกจากนี้เขายังชอบเขียนภาพถ่ายทอดวิถีชีวิตชาวปารีสในหลากหลายสถานที่โดยเฉพาะบรรยากาศในคาเฟ่ ภาพ In a Café (The Absinthe Drinker) เป็นหนึ่งในภาพที่ยอดเยี่ยมและมีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา เดอกาได้ชื่อว่าเป็นจิตรกรคลาสสิกแต่วาดภาพสมัยใหม่ผู้ทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตสร้างงานศิลปะที่เขารักเหนือสิ่งอื่นใด 
 
เดอกาเริ่มเขียนภาพนักบัลเลต์ในราวปี 1871 ด้วยฝีมือการเขียนลายเส้นที่ยอดเยี่ยมสุดยอดเขาจึงสามารถเขียนภาพนักบัลเลต์ที่มีท่วงท่าและลีลาในการแสดงอันงดงามอ่อนช้อยและมีการเคลื่อนไหวที่แผ่วพริ้วออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา 

นอกจากภาพนักเต้นแล้วเดอกายังชอบเขียนภาพบรรยากาศในคาเฟ่อีกด้วย เขามีผลงานชั้นยอดที่มีทั้งภาพนักร้องในคาเฟ่และผู้ที่มาดื่มกินจำนวนมาก ภาพผู้ชายและผู้หญิงที่นั่งกันอยู่อย่างอ้างว้างและเซื่องซึมในภาพ In a Café (The Absinthe Drinker) กลายเป็นหนึ่งในภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา 
Cr.https://www.takieng.com/stories/13984

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)