ทุกวันนี้หมดเงินไปกับการทำฟัน ค่ารักษาเป็นแสนๆ
เริ่มแรก สมัยอยู่ ม2 มีหมอมาตรวจสุขภาพที่โรงเรียน ก็มีตรวจฟันด้วย หมอบอกมีปัญหาเกี่ยวกับฟันนะ มันซ้อนกัน
ลองหาไปหมอในคลินิกรักษาฟันดู นี่ก็ไปบอกที่บ้าน ที่บ้านก็พาไปโรงพยาบาลนู้น แล้วมาถึงหมอก็ตรวจ แปบๆ(หมอไม่ใด้เอ็กสเรย์อะไรเลยนะ) หมอที่โรงพยาบาลก็บอก ฟันซ้อนจะถอนเลยไหม ซึ่งตอนนั้นก็ไม่คิดว่าฟันแท้ไม่แท้ หมอก็ไม่ใด้บอกอะไรนอกจากถอนไปซะ แม่ก็ขยันขยอให้ถอน หมอก็บอกซ้อนกันนะถอนดีกว่านะ ก็เลยยอม ก็ถอนเลย 3 ซี่ ซี่เกิน1 ซี่กราม2 เรียบร้อย ซึ่งก็จบเห่ละ เพราะมันคือฟันแท้
หลังจากนั้นก็ใช้ฟันข้างเดียวข้างที่ยังไม่ใด้ซ้อน จนเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกรมันเริ่มเบี้ยว จากที่ก่อนหน้านี้ไมเป็นนะ
จากนั้นแม่ก็พาไปปรึกษาที่คลินิกทำฟัน ให้เขาตรวจช่องปาก หมอบอกว่าควรจัดฟันละจัดเสร็จก็ค่อยทำรากฟันปลอมใส่ทีหลัง นี่ก็ถามหมอนะว่าต้องผ่าตัดขากรรไกรไหม หมอที่คลินิกก็บอกไม่ต้อง ก็มีผ่าฟันคุคแค่นั้น จัดไปหลังจากนั้น 3ปี ฟันเรียงสวยแต่ขากรรไกรมันไม่สบกันเหมือนเดิม ซึ่งหมอแค่ช่วยให้ฟันมันมันสวยแค่นั้น ซึ่งหมดไปกับค่าจัดฟัน69000บาท (ไม่รวมค่าผ่าหันคุคใดๆ) ซึ่งจัดเสร็จก็พอรู้แหละว่าคงทำรากฟันปลอมใส่ไม่ใด้ตอนนี้เพราะขากรรไกรยังไม่สบกันเลย
ทำรากฟันปลอมซี่ละ 5หมื่นแหละ
หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตต่อไป จนเมื่อปีก่อน ปวดฟันมากเลยไปหาหมอ หมอก็พาเอ็กสเรย์ช่องปาก
ที่ตกใจคือ หมอบอกเราฟันผุแทบจะทุกซี่ (ฟันกราม) บอกปล่อยไว้นานไป ซึ่งแค่ 1ปีครึ่งหลังจากที่ทำฟันเสร็จจากคลินิกเก่า คลีนิคเก่าก็ไม่ใด้ทักอะไร
หมอบอกจะต้องทำรากฟันนะ ซี่ละ15000บาท ครอบอีก ซึ่งตอนนี้ยังไม่ใด้ครอบเพราะไม่มีตัง ทำไปแล้ว 3ซี่ 5หมื่นกว่าบาท (อุดฟันนู้นนี่นั้นอีก)
อยู่ดีๆ หมอบอกจัดฟันใหม่ไหม เราก็ถามจัดแล้วต้องผ่าตัดขากรรไกรไหม หมอคลินิกนี้ก็บอก ไม่ต้อง แต่นี่รู้สึกว่ามันต้องผ่าอะเนอะ มันไม่สบกันเลยอะ
หมอคลินิกเก่าก็บอกไม่ผ่า สรุปคือขากรรไกรไม่สบกันตามเดิม หมดไปเกือบแสน
แต่ครั้งนี้ ครอบครัวบอก ไม่ไหว รอเรียนจบค่อยหาเงินไปทำเอง เข้าใจครอบครัวนะแบะก็คิดแบบนั้น
ซึ่งในตอนนี้ เราพบว่าเรามีฟันคุคโผล่มาอีกแล้ว มันอยู่ หลังฟันกรามบนซี่สุดท้าย ครอบครัวเราบอกไม่ไหว หาเงินทำเอง
เราก็ยังเรียนอยู่ แต่อีก 2ปีจบ ลำบากมากเลยตอนนี้เพราะไม่มีตังแล้ว ทุกวันนี้แค่ขากรรไกรไม่สบก็ลำบากในดารชีวิตมากละมากละ
เมื่อก่อนสมัยเด็ก เราชอบกินลูกอมขนมหวานบ่อยๆ แล้วไม่ค่อยรักษาฟัน อยู่กับตากับตาย
ตายายก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้
เครียดจนไม่รู้จะคุยกับใคร กระทู้แรก ผิดพลาดประการใดต้องขอโทดด้วยนะ
มีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากบ่อยๆ จนท้อ จะหมดตัวละ
เริ่มแรก สมัยอยู่ ม2 มีหมอมาตรวจสุขภาพที่โรงเรียน ก็มีตรวจฟันด้วย หมอบอกมีปัญหาเกี่ยวกับฟันนะ มันซ้อนกัน
ลองหาไปหมอในคลินิกรักษาฟันดู นี่ก็ไปบอกที่บ้าน ที่บ้านก็พาไปโรงพยาบาลนู้น แล้วมาถึงหมอก็ตรวจ แปบๆ(หมอไม่ใด้เอ็กสเรย์อะไรเลยนะ) หมอที่โรงพยาบาลก็บอก ฟันซ้อนจะถอนเลยไหม ซึ่งตอนนั้นก็ไม่คิดว่าฟันแท้ไม่แท้ หมอก็ไม่ใด้บอกอะไรนอกจากถอนไปซะ แม่ก็ขยันขยอให้ถอน หมอก็บอกซ้อนกันนะถอนดีกว่านะ ก็เลยยอม ก็ถอนเลย 3 ซี่ ซี่เกิน1 ซี่กราม2 เรียบร้อย ซึ่งก็จบเห่ละ เพราะมันคือฟันแท้
หลังจากนั้นก็ใช้ฟันข้างเดียวข้างที่ยังไม่ใด้ซ้อน จนเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกรมันเริ่มเบี้ยว จากที่ก่อนหน้านี้ไมเป็นนะ
จากนั้นแม่ก็พาไปปรึกษาที่คลินิกทำฟัน ให้เขาตรวจช่องปาก หมอบอกว่าควรจัดฟันละจัดเสร็จก็ค่อยทำรากฟันปลอมใส่ทีหลัง นี่ก็ถามหมอนะว่าต้องผ่าตัดขากรรไกรไหม หมอที่คลินิกก็บอกไม่ต้อง ก็มีผ่าฟันคุคแค่นั้น จัดไปหลังจากนั้น 3ปี ฟันเรียงสวยแต่ขากรรไกรมันไม่สบกันเหมือนเดิม ซึ่งหมอแค่ช่วยให้ฟันมันมันสวยแค่นั้น ซึ่งหมดไปกับค่าจัดฟัน69000บาท (ไม่รวมค่าผ่าหันคุคใดๆ) ซึ่งจัดเสร็จก็พอรู้แหละว่าคงทำรากฟันปลอมใส่ไม่ใด้ตอนนี้เพราะขากรรไกรยังไม่สบกันเลย
ทำรากฟันปลอมซี่ละ 5หมื่นแหละ
หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตต่อไป จนเมื่อปีก่อน ปวดฟันมากเลยไปหาหมอ หมอก็พาเอ็กสเรย์ช่องปาก
ที่ตกใจคือ หมอบอกเราฟันผุแทบจะทุกซี่ (ฟันกราม) บอกปล่อยไว้นานไป ซึ่งแค่ 1ปีครึ่งหลังจากที่ทำฟันเสร็จจากคลินิกเก่า คลีนิคเก่าก็ไม่ใด้ทักอะไร
หมอบอกจะต้องทำรากฟันนะ ซี่ละ15000บาท ครอบอีก ซึ่งตอนนี้ยังไม่ใด้ครอบเพราะไม่มีตัง ทำไปแล้ว 3ซี่ 5หมื่นกว่าบาท (อุดฟันนู้นนี่นั้นอีก)
อยู่ดีๆ หมอบอกจัดฟันใหม่ไหม เราก็ถามจัดแล้วต้องผ่าตัดขากรรไกรไหม หมอคลินิกนี้ก็บอก ไม่ต้อง แต่นี่รู้สึกว่ามันต้องผ่าอะเนอะ มันไม่สบกันเลยอะ
หมอคลินิกเก่าก็บอกไม่ผ่า สรุปคือขากรรไกรไม่สบกันตามเดิม หมดไปเกือบแสน
แต่ครั้งนี้ ครอบครัวบอก ไม่ไหว รอเรียนจบค่อยหาเงินไปทำเอง เข้าใจครอบครัวนะแบะก็คิดแบบนั้น
ซึ่งในตอนนี้ เราพบว่าเรามีฟันคุคโผล่มาอีกแล้ว มันอยู่ หลังฟันกรามบนซี่สุดท้าย ครอบครัวเราบอกไม่ไหว หาเงินทำเอง
เราก็ยังเรียนอยู่ แต่อีก 2ปีจบ ลำบากมากเลยตอนนี้เพราะไม่มีตังแล้ว ทุกวันนี้แค่ขากรรไกรไม่สบก็ลำบากในดารชีวิตมากละมากละ
เมื่อก่อนสมัยเด็ก เราชอบกินลูกอมขนมหวานบ่อยๆ แล้วไม่ค่อยรักษาฟัน อยู่กับตากับตาย
ตายายก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้
เครียดจนไม่รู้จะคุยกับใคร กระทู้แรก ผิดพลาดประการใดต้องขอโทดด้วยนะ