ใครวิธีแก้ปัญหาความรักระหว่างเพื่อนมั้งคะ รักเพื่อน เพื่อนรัก และรักที่รักไม่ได้

สวัสดีค่ะทุกคน
เรามีเพื่อนคนนึงค่ะ รู้จักกันมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ตอนเรียนก็สนิทกันนะคะ คือสนิทแบบอยู่ในแก้งเดียวกัน ไปเที่ยวด้วยกันตอนเรียนเรามีแฟน เป็น ผช. นะคะ จากนั้นเรากับเพื่อนเริ่มมาสนิทมากขึ้นตอนอยู่ปีสี่ เพราะต้องทำวิจัยกับ adviser คนเดียวกัน เลยเจอกันตลอดห่างกันก็ตอนกลับห้อง ช่วงนั้นเราเลิกกับแฟน ผช. ล่ะ อาการก็ตามภาษาคนอกหัก แต่ยังมีเพื่อนคนนี้และในเพื่อนๆในแก้งนี่แหละ ที่คอยบรรเทาๆ
......
    หลังจากชีวิตมหาวิทยาลัยได้จบลง เรากับเพื่อนสนิทเราด้วยความที่บ้านเราอยู่ใกล้กัน เราเลยนัดเจอกันบ่อยมาก ไปสมัครงานด้วยกัน นัดกินข้าว ไปบ้านเค้า มาบ้านเรามากขึ้น มีอะไรปรึกษากันตลอด. สนิทชนิดที่แบบว่า เค้าคือคนในครอบครัวเราไปแล้ว จนวันนึงเราต้องเข้ามางานที่ กทม. ทำให้เราสองคนไกลกัน แต่ก็ยังติดต่อกันเหมือนเดิม ต้องวิดิโอคอลกันทุกคืน นางจะรอเรา เราจะรอเค้า ทุกๆคืนจะเป็นแบบนั้น จากที่สนิทกายกลายเป็นสนิทใจ โดยที่เราไม่รู้ตัว เขาและเรารักกันมาก ตอนนั่นก็คงเป็นเพื่อนรักที่ขาดกันไม่ได้เลยทีเดียว เพราะต่างคนต่างเป็นที่ปรึกษาต่างมาเติมเต็มความรู้สึกอะไรสักอย่างที่เราสองคนก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน
...
และแล้ววันนึงเค้ามี ผช. เค้ามาในชีวิตเขา. ทำให้ตัวเราเองรู้สึกว่า ไม่อยากให้เขาคุยกับผช. คนนั่นน่ะ อะไรประมาณนั่น แต่นางบอกว่าเขาจีบ แต่นางไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะผช. เค้ามีงานมีการทำ เหมือนผช.เข้าทางแม่ด้วย ผ่านไปสักพัก นางได้งานเป็นครูซึ่งทำงานหนักอยู่เหมือนกัน ต้องทำแผนการสอน สื่นการสอนเยอะแยะ ช่วงนั้นคือ ไม่มีเวลาคุยกับเรา นานๆทีจะคุย ถามนางว่าว่างไหม คำตอบที่ได้กลับมาทุกครั้งคือ ไม่ว่าง งานเยอะ เราก็โอเคไม่เป็นไร เข้าใจ เพราะเราก็งานเยอะเหมือนกัน ช่วงนั้นเรามีเรื่องหลายๆอย่างเข้ามา แต่ไม่กล้าคุยกับเขาเกรงใจก็ว่าได้ เพราะต่างคนต่างยุ่ง แอบนอยด์บ้างบางครั้ง...แต่ยังเข้าใจอยู่
....
จากนั่นถึงเวลาที่ได้กลับบ้าน เราก็นัดเจอกันปกติน่ะ ตอนนั่นจำได้ว่านั่งกินชาบู เราหยิบโทรศัพท์นางเอามาดู นางก็ให้ดูน่ะ ไม่ได้ปิดอะไร กดเข้าไปดูที่นางคุยกับ ผช. คนที่เข้ามาจีบคือ นี่ก็แอบตกใจนิดนึง ตลอดเวลาที่นางทำงาน เราคิดมาตลอดว่าไม่ว่างๆเพราะทำงานหนักจริงๆ แต่นี่อะไร คุยกับ ผช. คนนั้น 2 -3 ชม. ในใจตอนนั่นมาเลยค่ะ ทำไม ทำไมต้องโกหก เราด้วย.... ไหนว่าสนิทกันมาก คือตอนนั้นคิดสารพัด ด้วยที่เราไม่มีใคร เรามีแต่เขาที่ให้เราปรึกษาได้ทุกอย่าง ทำไมต้องโกหก คือในใจมีแต่คำนี้ ทำไมต้องโกหกๆๆๆๆๆ
อยู่ในใจตลอดเวลา แต่เราไม่ได้แสดงอาการอะไรมากน่ะ ตอนอยู่กับเขา
.....
จนเราบินกลับมาทำงานที่ กทม. หลังจากเหตุการณ์นั้นละคะ เรากลายเป็นคนคิดมาก นอยด์เขา น้อยใจ งี่เง่าใส่เขา จนบางทีเรารู้สึกว่าเขาก็รำคาญเรา จนเขาก็ถามว่าเราเป็นอะไร เลยโทรหาแล้วระบายออกมาว่า โกหกเราทำไม.. ว่าไม่ได้คุยกับ ผช. คนนั้น เราบอกเขาว่าเทอจะคุยจะคบกัน ก็ได้น่ะ  แต่มาโกหกเพื่อนแบบนี้เราไม่โอเค
เราเป็นเพื่อนสนิทกัน มีอะไรก็บอกกันตรงๆ ไม่ว่างคุยกับแฟนอยู่ ก็บอก ไม่ใช่โกหกว่าทำงาน แต่ตัวเองคุยกับผช. เป็นชั่วโมง ด่านางเสร็จ. ....
"นางร้องไห้แล้วบอกกับเราว่าขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้แล้ว จะไม่โกหกแล้ว เราแค่อยากให้เธอสบายใจ ไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกแบบนี้"
ตอนนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกเรา ว่าทำไมเราต้องแคร์เขาขนาดนั้น ต้องคิดถึงเขาขนาดนั้น
...
เวลาผ่านไป เหตุการณ์ทุกอย่างก็ไม่ปกติสำหรับเรา เราจะระแวง เราจะน้อยใจเวลาเขาไม่คุยกับเรา มันเป็นนี้มาเรื่อยๆเริ่มทะเลาะกันมาเรื่อย แต่พอเรากลับบ้านเราก็ไปหาเขาตลอดน่ะ ไปหาแม่เขา บางทีก็ไปเที่ยวด้วยกันสองคน คือการการกระทำปกติ แต่ความรู้ก็ยังนอยด์ ยังน้อยใจ บางทีก็งอลเรา น้อยใจเราที่ไม่คุยกับเขา มันเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ
....
จนกระทั่งเขาได้แต่งงานกับผช. คนนั้น คืนวันที่ผช.เข้าไปที่บ้านและสู่ขอ ใจเรานี่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยถามว่า "เป็นไงมั้ง ตกลงแม่เธอรับเขาไหม แต่งวันไหน เรานี่กระวนกระวายมาก ทั้งที่ตัวเองอยู่กทม. น่ะ จากนั้นมาถึงวันหมั้นด้วยความที่นางไม่ได้มีเพื่อนเยอะ วันนั่นมีเพื่อนที่อยู่ข้างๆนางแค่ 2 คน คือเราและเพื่อนในแก๊งอีกคน เราจำวันนั้นได้ดีเพราะมันตรงกับวันที่เพื่อนสนิทเราอีกคนแต่งงาน เราตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวอีกงานนึง แต่คือยอมไม่ไป ไม่ใส่ชุดเพื่อนสนิทอีกคน เพื่อที่จะมาอยู่กับเพื่อนคนนี้ในงานหมั้น เราคิดอยู่อย่างเดียวว่า "ถ้าไม่มีเรา เขาคงเสียใจมาก" อันนี้เราคิดเอง ทำพิธีอะไรเสร็จ เราไปส่งเพื่อนอีกคนกลับบ้าน และกลับมาบ้านเขาอีกทีนึงเพื่อกลับมาเอากระเป๋าแล้วจะไปบ้านงานเพื่อนสนิทอีกคน ตอนนั่นเกือบหกโมงเย็นล้ะ พอกลับมาบ้านเขา เขาไม่อยู่ล่ะ เราเสียใจน่ะ เขาไปถ่ายนอกรอบ เราก็ขับรถออกมาจากบ้านเขาคือ น้ำตาไหลอ่ะ ระหว่างอยู่บนรถเขาโทรมาบอก "ขอโทษที่ไม่ทันได้เจอ" เราบอก"ไม่เป็นไรที" พร้อมกับกดวาง น้ำตานี่ไหลหนักกว่าเดิมอีกไม่รู้จะพูดอะไรมันพูดไม่ออก ไปถึงบ้านเพื่อนอีกคนไปเจอแก๊งเราอีกกลุ่มคือ ความเศร้าหายเลย เพื่อนเราที่แต่งงานบอกว่า มาตอนนี้ จะมาล้างจานหรอ 5555 เลยขอโทษมันที่ไม่ได้ใส่ชุดเพื่อนเจ้าสาว ไม่ได้มาช่วยงาน ก็ขำกันไปกับแก๊งนี้...
...
จากนั้น 1 เดือนผ่านไป ได้เวลาจัดงานเลี้ยงซึ่งก็ตั้งวันปุ่บปับมาก นี่ก็จองตั๋วเลยจ้า คิดเหมือนเดิม"ไม่มีเราในงานเลี้ยงนางเสียใจแน่เลย. รีบเคลียงานรีบกลับมา คืนก่อนงานเลี้ยงถามนางว่ามีอะไรให้ช่วยไหม อะไรที่ยังไม่ครบบ้าง หรือต้องการอะไรเพิ่มรึป่าว นางบอกครบทุกอย่างล้ะ อีนี่ความรู้สึกคือแบบ ใช่...เราไม่ได้สำคัญมากแล้วนิ  น้อยอกน้อยใจไปอีก คืนนั้นเลยออกไปกินชาบูกับพี่ชายแล้วญาติอีกคน สองคนนั้นบอกแบบขำๆว่า "นี่น่าอุตส่ากลับมา เค้าไม่สนใจเลย 555" เขาพูดขำๆน้ะ อีนี่คือจุกแล้ว...
มาถึงวันงาน หนักเหมือนเดิมค่ะ เพื่อนเจ้าสาวคนเดียว คนเดียวจริงๆแล้วคือ ต้อนรับแขก รับซองแจกของชำร่วยคนเดียวจริงๆ พักได้แค่ตอนเที่ยงกินข้าวช่วงพักก็ให้เพื่อนแม่เพื่อนซึ่งมีประมาณ 3-4 คน แจกของชำร่วยแทน แม่เพื่อนก็ถามน่ะว่าแบบไหวไหมอะไรอย่างงี้คือ เราสนิทกับแม่เขาด้วยคือเราสนิทกันทั้งรอบครัวแหละ แต่เราตั้งใจทำด้วยความจริงใจ อยากทำให้เขา เพราะรักเพื่อนคนนี้มากมั้ง เลยยอมทุกอย่างเลย รูปเรากับเขาในวันงานไม่มีเลยสักรูปไม่ทันได้ถ่าย พอตอนจะกลับก็ได้คุยกับนางกับแม่นางบ้างนิดนึง แต่กับแฟนนางคือ ไม่คุยกับเราเลย ทั้งๆที่รู้น่ะว่า เราคนเดียวที่เป็นเพื่อนสนิทภรรยาเขา ก่อนหน้านี้เคยคุยกันครั้งเดียวคือก่อนแต่งทักแชทเราถามเกี่ยวกับเพื่อนเรา ตอนนั้นบอกแค่ว่า อย่าทำเพื่อนเราเสียใจน่ะ แค่นั้น
......
หลังจากงานเลี้ยงเสร็จ อีกวันเราต้องบินมา กทม.ล่ะ วันนั่นนางก็มาส่งเราน่ะ คือทุกครั้งที่เราจะมากทม. คือ นางจะเป็นคนมาส่งเรา กอดกันทุกครั้งก่อนจาก เราจะทำแบบนี้กันตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนกอดกันเรารู้สึกอบอุ่นน่ะ รู้สึกว่าเขาจริงใจกับเรามาก แต่หลังแต่งงานเรารู้สึกว่า มันไม่เหมือนเดิม. อันนี้เรารู้สึกน่ะ รุ้สึกเหมือนเขาไม่เต็มที่อ่ะ แต่ก็เนอะ เขาแต่งงานแล้ว
.....
เหตุการณ์ดำเนินมาเรื่อยๆ จน 1 เดือนหลังจากเขาแต่ง เรามาเจอเหตุการณ์สุดดิ่งที่สุดในชีวิต คือ พ่อเราเสีย ก่อนพ่อเสียเราทะเลาะกับเพื่อนคนนี้แรงมาก ด้วยความที่เขาไม่เข้าใจเรา เราไม่เข้าใจเขา จนเขาไม่อ่านแชทเราเลย เรากลับบ้านเขาก็ไม่รู้ กลับบ้านได้สองวัน พ่อเราเสีย ตอนนั่นยังไม่บอกใครเพราะตีสองล่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นถึงส่งข้อความไปบอกเพื่อนคนนี้ เพื่อนอีกแก๊งนึง พี่ที่ทำงาน คือเราส่งให้เขาคนแรก แต่คนที่โทรหาเราคนแรกคือคนอื่นๆ เขาอ่านน่ะ เขาบอกว่า "ทำเหมือนตัวเองอยู่บ้าน" อีนี่แบบ เออช่างเหอะ แต่น้องชายเค้าทักเรามาตั้งแต่เรากลับล่ะ เราลงสตอรี่ แต่เขาไม่ได้เปิดดู จนตอนเย็นล่ะ เขาเลยโทรมา แต่โทรมาไม่ได้คุยกับเขาน่ะ คุยกับแม่เขา ตอนนั้นด้วยความที่เสียใจมาก เราก็คาดหวังน่ะ คาดหวังว่าจะอยู่กับเรา แต่ไม่มีอ่ะ เขามาบ้านเราก็  3-4 วันหลังจากพ่อเสียล่ะ สิ่งที่เราคิดตอนนั่นคือ เค้าไม่เป็นห่วงเราเลยหรอ แต่ก็ช่างเหอะ เขาบอกว่าติดธุระ อ่ะ ธุระก็ธุระ
.....
หลังจากจากพ่อเสีย คือเราด้วยสภาพจิตใจยังไม่เข้าที่เข้าทางแล้วยังต้องมาทำงาน และอยู่คนเดียวอีก คือก็หนักแหละ ตอนนั่นเขาก็ให้กำลังใจเราน่ะ แต่เรา ตัวเรารู้สึกว่า มันไม่เหมือนเดิมอ่ะ มันยังไงไม่รู้ คือเมื่อก่อนเราจะรู้สึกถึงความห่วงใยจริงๆจากใจเขา แต่ตอนนี้แบบเราบอกไม่ถูกเลย
และช่วงนี้สภาพจิตใจเราก็ไม่โอเค เรามีเวลาทะเลาะกับเขาอีกน่ะ เรื่องเล็กๆน้อยๆมีอยู่วันนึงคือ ทะเลาะเรื่องอะไรไม่รุ้เหวี่ยงกันไปมา อีนี่คือร้องให้บนรถเมย์อ่ะ ถามเค้าว่า เทอท้องหรือป่าว นางบอกป่าว แต่อาการคือนางไม่เคยเหวี่ยงเรามากขนาดนั่น
......
จากนั้น ไม่กี่อาทิตย์ ปรากฎว่าท้องจริง
ตอนนั้นเราก็ดีใจน่ะ บวกกับ น้ำตาไหลไปด้วย
ก่อนจะแต่งงานเคยบอกว่า เทออย่าลืมเราน่ะ นางบอก ลืมทำไม ไม่ลืม.พอตอนท้องก็คงไม่พูดอะไรเยอะแล้ว เมื่อก่อนเค้าจะทำอะไร นอกจากครอบครัวเขาน้ะ ก็เป็นเรานี่แหละ ที่รู้ก่อน
......
เราเคยชินกับความสัมพันธ์ที่เขารักเรา อะไรๆก็เรา แล้ววันนึงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นอ่ะ มันดูงี่เง่าน้ะ
นี่โทษตัวเองมาตลอด แต่พอนึกอีกที เป็นแบบนี้ใครก็มีเสียใจบ้างแหละ จนถึงทุกวันนี้เขาไม่เข้าใจว่า เรางี่เง่าทำไม เราน้อยใจทำไม เขาถามเราน้ะ เทอทำเพื่ออะไรแบบนั้น??  ก็เจ็บแหละ เราไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้ เรารักเขาแบบเพื่อนจริงๆหรือมันมากกว่านั้น คือเรามีเพื่อนสนิทเยอะน้ะ กับคนอื่นเราไม่เป็น เป็นแต่กับคนนี้ ถามว่าตัวเองเป็นเลสหรอ ก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้ชอบมองผญ. คนอื่นที่สวยๆ คือเป็นแต่กับคนนี้อ่ะ เหนื่อยน่ะไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่คือบังคับความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย...เราเป็นอะไร ใครก็ได้ช่วยบอกที
จะบอกกับคนอื่นก็ไม่ได้ บอกกับเพื่อนคนอื่นๆก็ไม่ได้ มันอึดอัดจนต้องร้องไห้ทุกวัน เราไม่โอเคมากเลย เราพยายามจะทำให้ตัวเองแฮปปี้น่ะ เคยคิดแบบว่าเดียวฉันนี่แหละจะเป็นคนเลี้ยงหลานเอง แต่คัดภาพมา คือพอนางแสดงความรักกับสามี เราแบบแล้วเราอ่ะ ไม่เคยอิจฉานางเลย เราดีใจที่เขามีชีวิตที่ดี เราดีใจที่เขามีความสุข แต่บางครั้งเราก็อยากเป็นคนมอบความสุขให้เขา เราอยากให้เขาให้ความสำคัญเหมือนเดิม...ในอีกมุมนึง คือ เขาจะให้ความสำคัญเราขนาดไหนกัน เรามันคนนอก เขาก็ต้องมีชีวิตของเขา เราก็ต้องมีชีวิตของเรา
คือความคิดตอนนี้มันตีกัน มันสับสน โทษตัวเองจนไม่รู้จะโทษยังไงแล้ว ไม่ดีกับจิตใจเรามากเลย

.....
ใครมีวิธีแก้ไขมาแชร์กันนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่