"Midnight Sun" นิยายภาคใหม่ Twilight จะออกวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้

ที่มา https://movie.trueid.net/detail/gOED6ybwGJqV โคมาวอ

            "สเตเฟนี เมเยอร์" นักเขียนผู้สร้างสรรค์จักรวาล Twilight ได้ประกาศว่า "Midnight Sun" นิยายเล่มใหม่ของเธอ ที่เป็นภาคต่อเนื่องของต้นฉบับ จะออกวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆ รอคอยมานานถึง 12 ปี เนื่องจากเธอรู้สึกหัวเสียที่ในปี 2008 ต้นฉบับแรกของนิยายเรื่องนี้ได้หลุดเผยแพร่ออกมาในโลกออนไลน์ ทำให้ สเตเฟนี เมเยอร์ ไม่พอใจ และประกาศไม่สานต่อนิยายเรื่องนี้ต่อ ทำให้แฟนๆ รู้สึกผิดหวังและเสียดายไปตามๆ กัน
สำหรับ Midnight Sun มีความเชื่อมโยงกับ The Twilight Saga ในฐานะที่เป็นภาคต้นของเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากหนังและนิยายเล่มแรก แต่จะเป็นการเล่าผ่านมุมมองและความคิดของตัวละครพระเอก ซึ่งก็คือ "เอ็ดเวิร์ด คัลเลน" แตกต่างจากนิยายชุดดั้งเดิมที่เป็นถ่ายทอดมุมมองของ "เบลลา" เป็นส่วนใหญ่
แต่การมาของ Midnight Sun ก็ถือว่าสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ นิยายและหนังอยู่ไม่น้อย ต่างพากันอ้อนวอนให้สตูดิโอหนังได้ซื้อลิขสิทธิ์ นำไปสร้างเป็นหนัง เพื่อสานต่อและขยายจักรวาลนี้ออกไปอีก แต่ถ้าหากว่านิยายเรื่องนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังจริงๆ ก็อาจจะต้องมีการปรับโครงการใหม่ทั้งชุดเลยทีเดียว
ปัจจุบัน "คริสเตน สจ๊วต" หรือ "โรเบิร์ต แพททินสัน" ต่างเติบใหญ่เข้าสู่วัยเลข 3 กันแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่น่าจะหวนกลับคืนมารับบทเดิม หรือมาแสดงเป็นเด็กนักเรียนไฮสคูลอีกครั้งเป็นแน่น อุปสรรคหลักๆ ก็คือเนื้อหาเป็นเรื่องราวคล้ายกับหนังภาคแรก เพียงแค่เปลี่ยนมุมมองไปจากเดิม ทำให้การคัดเลือกนักแสดงรุ่นใหม่มารับบทเป็น เอ็ดเวิร์ด กับ เบลลา น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม ในยุคที่โลกออนไลน์เรืองรองเช่นนี้ การหยิบนำมาสร้างเป็นหนังขึ้นจอใหญ่ อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆ อีกต่อไป เพราะมีความเป็นไปได้ที่นิยายเล่มนี้อาจจะเปลี่ยนไปสร้างเป็นหนังฉายออนไลน์ หรือทำเป็นฉบับซีรีส์จอเล็กกว่าก็เป็นไปได้ เพื่อเป็นหนทางในการยืดอายุของแฟรนไชส์ ในการขยายจักรวาลออกไปในฉบับซีรีส์ที่มีโอกาสและความเหมาะสมมากกว่า
The Twilight Saga นับว่าเป็นหนังโรแมนติกวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ช่วงระหว่างปี 2008-2012 กับหนัง 4 ภาค 5 เรื่อง ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก และยังผลักดันทำให้นักแสดงหลายคนขึ้นแท่นเป็นซูเปอร์สตาร์ในปัจจุบัน หนังชุดนี้ทำเงินไปทั่วโลกได้มากกว่า 3.3 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่